ใบหน้าของเซี่ยซิวเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนแอปเปิลทันที รูปลักษณ์ที่เหมือนผู้หญิงของเขามักจะเป็นหนามยอกอกเขาเสมอ และผู้คนต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าคำพูดนี้ไม่ควรเอ่ยขึ้นล้อเลียนเขาไม่เช่นนี้เขาจะจัดการคนผู้นั้นอย่างเด็ดขาด แต่แล้วตอนนี้เมื่อซูอันพูดขึ้นที่หน้าชั้นเรียน เขากลับพบว่าตัวเองไม่ได้โกรธอย่างที่คิด เขาแค่รู้สึกอึดอัดและอับอายเล็กน้อย
‘ข้าเดาว่าข้าคงฟังไอ้คนๆ นี้พูดจาหยาบคายแบบเหนือมนุษย์ทั่วไปจนชิน มันทำให้ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไรมันก็รู้สึกปกติไปหมด ข้าก็เลยไม่รู้สึกโกรธกับคำพูดของเขาสินะ?’
‘ไอ้คนๆ นี้มันประหลาดเกินไปจริงๆ!’ เซี่ยซิวอาจไม่โกรธสักเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องแก้เผ็ดซูอันในอนาคตแน่นอน
ในขณะเดียวกันดวงตาของอู๋ฉิงก็เบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ทำไมพี่เซี่ยซิวถึงไม่แสดงอาการโกรธไอ้คนๆ นี้เลยทั้งๆ ที่มันใช้คำพูดแบบนี้? หรือว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาปฏิเสธข้าเพราะเขากำลังอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้?
ภาพร่างสองร่างที่กดทับกันและกันอย่างแน่นหนาผุดขึ้นในหัวของนาง ส่งผลให้ทั้งร่างของนางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ นางรีบสะบัดหัวอย่างรุนแรงปัดเป่าภาพพวกนั้นออกไปจากหัวด้วยสีหน้าน่าเกลียดก่อนที่จะส่งสายตาอันแหลมคมไปที่ซูอัน
ไอ้สารเลวคนนี้ขโมยคนรักของข้างั้นเหรอ!
ส่วนทางด้านของซือคุน ในขณะนี้เขาโกรธจนหน้าเขียวราวกับว่ามีใครกำลังมาบีบคอเขา เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาและผิวพรรณที่เรียบเนียนของเขา บางครั้งจึงมีคนที่แอบเรียกเขาว่า ‘เด็กหนุ่มน่ารัก’ ลับหลังเขาเป็นการล้อเลียน ซึ่งทุกครั้งที่เขารู้เขามักจะทำให้แน่ใจว่าไอ้คนปากเปราะพวกนั้นไม่มีลมหายใจถึงเช้าวันถัดไป
แต่แล้วตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าตัวเองอยู่ใต้เซี่ยซิวในสถานะเด็กหนุ่มน่ารัก ด้วยเหตุผลบางอย่าง คำพูดนั้นทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก? นี่เจ้าหาว่าข้ามีเสน่ห์น้อยกว่าเซี่ยซิวงั้นเหรอ!
สำหรับคนที่ภาคภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาตลอด เขาไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้!
“ซูอัน นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะโว๊ย!! ข้าอาจจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ภายในสถาบัน แต่ข้างนอก ข้ามีวิธีมากมายที่จะทำให้เจ้าตายอย่างน่าอนาถ!”
ซือคุนไม่เคยคิดว่าเขาจะเกลียดใครสักคนได้มากขนาดนี้ ปกติแล้วเขาจะคิดบัญชีกับใครก็ตามที่กล้าต่อต้านเขาในทันที ณ ตอนนั้นที่มีปัญหา ดังนั้นเขาจึงแทบไม่มีศัตรูหลงเหลือให้รำคาญใจอยู่เลย แต่ตอนนี้ซูอันเป็นคนเดียวที่ยังคงเดินเตร่อยู่ได้เรื่อยๆ หลังจากผ่านไปนาน
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ตัวตนของซูอันตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เขาหาทางจัดการด้วยยากกว่าเดิมถึงแม้ว่าจะใช้อิทธิพลของตระกูลซือก็ตาม
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซือคุนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าเสวี่ยเอ๋อร์ในใจในความไร้สามารถของนาง ทำไมเจ้าไม่กำจัดผู้ชายที่น่าขยะแขยงคนนี้ให้ตายๆ ไปซะเมื่อมีโอกาส! ถ้าเพียงเจ้าทำสำเร็จ ข้าก็ไม่ต้องเผชิญกับความอับอายขายหน้าต่อสาธารณชนแบบนี้!
คำขู่ของซือคุนทำให้แววตาของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะพูดอะไรออกไป ซูอันกลับตะโกนขึ้นก่อนเสียงดังแถมยังแสดงสีหน้าตื่นตระหนก “ทุกคน พวกเจ้าต้องเป็นพยานในเรื่องนี้! ไอ้หนุ่มคนนี้มันพูดออกมาอย่างเต็มปากว่าเขาจะฆ่าข้า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับข้าในอนาคต ฆาตกรจะต้องไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเขา!”
นักศึกษาทุกคนในห้องเรียนแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองกับความไร้ยางอายของซูอันในตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อซือคุน
ซือคุนสะดุ้งโหยงอย่างรุนแรงเมื่อคิดว่าเขาโกรธจนคุมสติไม่อยู่ขู่ฆ่าฝั่งตรงข้ามไปอย่างโต้งๆ ในที่สาธารณะไปแบบนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่โวยวายจบ สีหน้าของซูอันก็เปลี่ยนกลับไปเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดอีกครั้ง เขาพูดอย่างมีอำนาจว่า “ซือคุน เจ้าพูดจาไม่ให้เกียรติอาจารย์ของเจ้าหลายครั้งตลอดคาบเรียน หากว่ากันตามกฎที่เข้มงวดของสถาบันจันทร์กระจ่าง โทษที่เจ้าควรได้รับมันควรจะเป็นการไล่ออก แต่ในฐานะที่ข้าเป็นคนมีความเมตตา ข้าจะลงโทษเจ้าแค่ให้ออกไปยืนอยู่กลางสนามจนถึงเที่ยงวันเท่านั้นพอ!”
“เจ้าสั่งลงโทษข้างั้นเหรอ?” ซือคุนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้าจะทำอะไรได้ถ้าข้าปฏิเสธที่จะไป?”
ด้วยภูมิหลังของเขา เขาจึงสามารถเรียนที่สถาบันที่ดีที่สุดในเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจสถานะนักศึกษาในสถาบันจันทร์กระจ่างแม้แต่น้อย
“ถ้าเจ้าปฏิเสธ ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับทางสถาบัน แน่นอน ด้วยภูมิหลังของเจ้า ข้าคิดว่าสถาบันคงจะไม่ไล่เจ้าออก แต่แน่นอนว่าเรื่องครั้งนี้มันจะทำให้เจ้าหมดสิทธิ์เข้าไปในมิติลับหยกจรัสที่กำลังจะเปิดขึ้นรอบนี้แน่นอน!
หลังจากที่คิดวิเคราะห์อยู่นาน ซูอันก็เริ่มจะเดาได้ว่าทำไมจู่ๆ ซือคุนถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ด้วยภูมิหลังของเขาในฐานะลูกหลานของหนึ่งในตระกูลขุนนางที่โดดเด่นในเมืองหลวง ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะเดินทางมาที่นี่เพียงเพื่อเข้าเรียนที่สถาบันจันทร์กระจ่าง
ตอนแรกเขาคิดว่าซือคุนอยู่ที่นี่เพื่อฉู่ชูเหยียน แต่การมาไกลถึงขนาดนี้เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวมันออกจะดูเกินไปหน่อย หรือต่อให้ซือคุนจะลุ่มหลงในตัวของฉู่ชูเหยียนอย่างแท้จริง มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ผู้อาวุโสของตระกูลซือจะยอมให้เขาเสียเวลาทุ่มเทให้กับผู้หญิงแค่คนเดียวแบบนี้
แต่แล้วเมื่อเขาคิดถึงเรื่องมิติลับหยกจรัสที่กำลังจะเปิดขึ้น และจังหวะเวลาที่ซือคุนมาถึง มันก็ดูจะแม่นยำเกินไปกว่าที่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
และเช่นเดียวกับที่ซูอันคาดไว้ รอยยิ้มของซือคุนพลันแข็งค้างไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขามาที่เมืองจันทร์กระจ่างเพื่อต้องการเข้าไปในมิติลับหยกจรัสจริงๆ เพราะเขาได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่าดอกบัวเร้นลักษณ์จะผลิบานในไม่ช้านี้ด้านในนั้น ต้องรู้ว่าแม้เพียงใบเดียวก็สามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ถึง 1 ขั้น และมันก็คงเป็นการยากที่จะต้านทานสมบัติที่แสนวิเศษขนาดนี้ได้!
เขาคงจะกลายเป็นคนโง่จริงๆ ถ้าเขายอมเสียโอกาสนี้ไปเพื่อแลกกับการทะเลาะเบาะแว้งกับคนระดับต่ำเช่นซูอัน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซือคุนจึงสูดหายใจเข้าลึกและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคียดแค้น “ข้าต้องไปยืนอยู่กลางสนามใช่ไหม? ได้! แต่หลังจากนี้ข้าจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดให้กับสถาบันได้รับรู้เอาไว้ด้วย ข้าเชื่อว่าสถาบันจะต้องเอาผิดกับการกระทำของเจ้าที่ลำเอียงอย่างออกนอกหน้าให้กับภรรยาของเจ้าเองเช่นกัน!”
“เฮ้ ก่อนจะไปยืนเจ้าต้องห้อยป้ายนี้เอาไว้ที่คอด้วย” ว่าแล้วซูอันก็ดึงป้ายไม้ออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วส่งต่อให้ซือคุน
ซือคุนตกตะลึงชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อเขาอ่านข้อความบนป้ายไม้ เขาก็แทบจะเป็นลมเพราะความโกรธ
“ข้า ซือคุนถูกลงโทษให้ยืนที่นี่เพราะข้าพูดจาหยาบคายกับอาจารย์ของข้า พวกเจ้าสามารถมองที่ข้าได้แต่ได้โปรดอย่าหัวเราะ”
เปลือกตาของซือคุนกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ อันที่จริงการถูกส่งตัวไปยืนในสนามเพราะการลงโทษนั้นไม่ได้มีอะไรมาก เขาเคยเป็นศูนย์กลางของความสนใจอยู่แล้ว คนที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาแบบเขามักดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่แล้วไม่ว่าจะไปที่ไหน และด้วยไหวพริบที่เฉียบแหลม ซือคุนจึงสามารถเปลี่ยนการลงโทษนี้ให้กลายเป็นงานพบปะผู้คนที่เชิดชูเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อเขาเห็นป้ายที่ซูอันทำออกมาให้ ซือคุนก็โกรธจนแทบหัวระเบิดเพราะสิ่งนี้มันจะทำให้เขาขายหน้าอย่างแท้จริงหากห้อยมันไว้ที่คอ!
“นี่เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง!?” ซือคุนจ้องไปที่ซูอัน อย่างโกรธจัด
—
ท่านยั่วยุ ซือคุน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
“เฮ้ๆๆ ข้าทำสิ่งนี้เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเจ้านะ” ซูอันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ลองนึกดูว่ามันจะน่าอับอายขนาดไหนถ้านายน้อยคนที่หกของตระกูลซือถูกฝูงชนเยาะเย้ย! นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเตรียมป้ายไม้นี้ไว้เป็นพิเศษเพื่อเตือนพวกเขาว่าอย่าหัวเราะ มันเป็นการแสดงความปรารถนาดีจากข้า”
ปรารถนาดีบิดาเจ้าสิไอ้เวร!
ซือคุนรู้สึกว่าสติของเขากำลังจะหลุดลอย แต่ก่อนที่มันจะหายไป เศษเสี้ยวสุดท้ายของจิตใจที่มีเหตุผลของเขาก็ดึงเขากลับมาได้อย่างหวุดหวิด “เดี๋ยวนะ นี่เจ้าเตรียมไอ้แผ่นไม้บ้านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่เจ้าวางแผนที่จะจัดการกับข้าตั้งแต่ก่อนเข้าห้องเรียนมาใช่ไหม!!”
ซูอันยักไหล่ด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ข้าเตรียมมันไว้เผื่อจำเป็น ใครจะรู้ว่าเจ้าจะให้ความร่วมมือดีขนาดนี้? และเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนในความร่วมมือของเจ้า ข้าคงรู้สึกผิดมากถ้าข้าไม่เอาสิ่งนี้ออกมาให้เจ้าด้วย”
“…” ซือคุน แทบจะหน้ามืด
—
ท่านยั่วยุ ซือคุน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +813!
—