หลังเจียงโม่หานดื่มน้ำรสหวานฉ่ำได้ประมาณสองสามอึกก็ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตรงมุมปาก ทันใดนั้นความเหนื่อยล้าบนร่างกายก็หายไปไม่น้อยเลย “ในนี้คือ…”
“อ้อ ! น้ำผสมน้ำตาล ผสมในอัตราส่วนที่แน่นอน เมื่อคนมีเหงื่อออกมากได้ดื่มเข้าไปแล้วจะช่วยฟื้นฟูกำลังได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยรับกระบอกน้ำมาถือบ้าง นางดื่มในชั่วอึดใจเดียว “อีกประเดี๋ยวพอผ่านเขาลูกนี้ไปแล้วก็จะถึงป่าสนแดง เป็นเช่นไรบ้าง ยังไหวหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานลุกขึ้นแล้วสะบัดเท้าไปมา “ไม่มีปัญหา ! ”
“เก่งนี่ บัณฑิตน้อย ! ข้าขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ เจ้าดูไหวจริง ๆ ! พรุ่งนี้ข้าจะพาต้าฮว๋าของเรามาฝึกด้วย จะปล่อยให้เขาเอาแต่อ่านตำราไม่ได้ ประเดี๋ยวจะอ่านจนโง่ไปเสียก่อน ! ” หลินเว่ยเว่ยส่งเสียงเรียกทุกคนให้รีบไปถึงป่าสนแดงไว ๆ จะได้เก็บลูกสนกลับมาเยอะอีกหน่อย !
เป็นธรรมดาที่คนอื่นจะไร้ความเห็นใด แต่ในขณะเดียวกันพวกหนุ่มน้อยไม่กี่คนก็หันมาขยิบตาให้กัน…บัณฑิตเจียงคนนี้ไม่อยากสนทนากับพวกตนสักคำเดียว แต่พอคุยกับน้องรองตระกูลหลินแล้วดูมีความสุขยิ่งกว่าอันใดดี บัณฑิตเจียงปฏิบัติต่อน้องรองพิเศษอย่างที่คิดเอาไว้จริง !
เหมือนอย่างเคยคือเมื่อมาถึงป่าสนแดงแล้วหลินเว่ยเว่ยและพรานหวังก็ออกไปเดินลาดตระเวนหนึ่งรอบ พรานหวังแสดงท่าทางหนักใจและวิตกกังวล เขาเดินมาข้างตัวหลินเว่ยเว่ยแล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “นางหนูรอง ข้าพบมูลของหมาป่าที่ยังใหม่…เจ้าว่าฝูงหมาป่าจะยังอยู่โดยรอบยังไม่ออกไปไหนหรือไม่ ? ”
“ไม่เป็นไร ! ในป่าสนแดงนี้มีเหยื่อน้อย ฝูงหมาป่าไม่มีทางโง่อยู่ที่นี่เวลากลางวันแน่นอน ! ” หลินเว่ยเว่ยยังมีท่าทางมั่นใจ
ส่วนพวกชาวบ้านก็เริ่มปีนขึ้นต้นไม้แล้ว พวกเขาต่างใช้ไม้ตีลูกสนและเริ่มทำงานกันอย่างตั้งใจ เจียงโม่หานปีนต้นไม้ไม่เป็นจึงได้แต่ใช้ไม้สอยลูกสนอยู่ด้านล่าง
เขาเห็นหลินเว่ยเว่ยเดินออกไปอีกครั้ง หลังครุ่นคิดแล้วก็แอบเดินตามนางไป ผ่านไปไม่นานนักหลินเว่ยเว่ยก็หยุดเดินแล้วหันมายิ้มให้
“เหตุใดจึงรู้ว่าข้าตามมา ? ” เจียงโม่หานค่อนข้างสงสัย
หลินเว่ยเว่ยยักไหล่เล็กน้อยแล้วโน้มกายเข้ามาสูดดมที่คอของเขาราวกับบุรุษบ้ากามกำลังลวนลามสตรีไม่มีผิด จากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เพราะ…บนตัวเจ้ามีกลิ่นอายของหนุ่มหล่อไงเล่า ฮ่าฮ่า ! ”
เจียงโม่หานผลักนางออกพร้อมสีหน้าเย็นชา เขาไม่ควรถามนางเลยจริง ๆ ปากของเด็กตัวแสบนี้พ่นถ้อยคำแปลก ๆ ออกมาได้ตลอด !
“เจ้าจะไปไหน ? ” เจียงโม่หานเห็นว่านางไม่ได้เดินอย่างไร้จุดหมายจึงถามอีกครั้ง
หลินเว่ยเว่ยยิ้มแล้วตอบว่า “นัดกับชายชุดดำไว้ตอนพลบค่ำ ! ”
“แต่ตอนนี้ยังไม่เที่ยง ! ” ชายชุดดำ ? ใครกัน ? เหตุใดฟังเหมือนพวกผู้ชายในหุบเขาไม่มีผิด…ซ่อนตัวอยู่ในป่าเป็นเต่าหดหัวเช่นนั้นจะเป็นคนดีอันใด ? เด็กตัวแสบคงไม่โดนใครหลอกใช่หรือไม่ ? ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็รีบเดินตามติดหลินเว่ยเว่ยไป
หลังเดินผ่านโขดหินและพงหญ้ากว่าครึ่งชั่วยาม เจียงโม่หานก็เหนื่อยจนไม่อยากสงสัยแล้วว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินหลินเว่ยเว่ยตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าวิ่ง ! ”
ใครหรือ ? เจียงโม่หานยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น หลินเว่ยเว่ยก็พุ่งออกไปแล้ว เขาเห็นเพียงนางวิ่งออกไปดุจสายลม นางคว้าสิ่งของสีดำบางอย่าง จากนั้นก็กดมันไว้กับพื้น
เมื่อลองเข้าไปดูก็พบว่าเป็นหมีควายที่ตัวใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่า ! หมีควายตัวนั้นทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก มันถูกหลินเว่ยเว่ยคว้าขนที่คอไว้ ร่างกายแน่นิ่ง แม้แต่ขัดขืนก็ยังไม่กล้าทำ
แต่แล้วขาของเขาก็ถูกบางอย่างเข้ามาจับไว้ สัญชาตญาณของเจียงโม่หานบอกให้สลัดออก จากนั้นตัวอ้วน ๆ กลม ๆ ก็กลิ้งออกไปจากขา…ที่แท้ก็เป็นลูกหมีตัวหนึ่ง
“โฮก โฮก ! ” มันร้องคร่ำครวญสองสามครั้ง จากนั้นก็เข้าไปออดอ้อนที่ข้อเท้าของหลินเว่ยเว่ยราวกับเด็กทารก
“รีบถอยออกมาเร็ว ! ” เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะตะโกน หมีเป็นสัตว์ที่ปกป้องลูกอย่างสุดกำลัง หากลูกหมีอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้ แม่หมีก็จะบ้าคลั่งได้ !
หลินเว่ยเว่ยปล่อยมือ ทันใดนั้นแม่หมีก็รีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ปกป้องลูกอันใด ? มันลืมด้วยซ้ำว่ายังมีลูกอยู่อีกตัว !
หลินเว่ยเว่ยก้มไปอุ้มลูกหมีขึ้นมาแล้วตะโกนไปยังแผ่นหลังของแม่หมีที่ไม่ได้เรื่องตัวนั้นว่า “ลูกของเจ้า ข้าจะเก็บไว้เป็นตัวประกัน…ไม่สิ หมีประกัน ! ถ้าอยากได้ลูกคืนก็ไปเอาน้ำผึ้งมาแลก ! ”
พอหันกลับมาอีกครั้ง นางต้องเผชิญหน้ากับสายตาอันเหลือเชื่อของเจียงโม่หาน นางจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้ำผึ้งป่าดีต่อร่างกายของท่านแม่กับน้าเฝิง ต้องดื่มให้บ่อย ๆ เจ้าเองก็รู้ว่าน้ำผึ้งในบ้านใกล้จะหมดแล้ว…”
ใกล้จะหมดแล้วเจ้าก็มาปล้นเอากับหมีน่ะหรือ ? แถมยังเป็นแม่หมีที่มีลูกติดด้วย เจียงโม่หานมองลูกหมีซึ่งมีท่าทางคุ้นเคยในอ้อมอกของหลินเว่ยเว่ย ชัดเจนสุด ๆ ว่าเรื่องเช่นนี้เด็กตัวแสบไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก !
“ไม่ต้องกังวล เจ้าหมีตัวนี้ขี้ขลาดจะตาย มันโดนข้าทุบจนกลัว ! อีกอย่างคือพวกเรามีตัวประกันอยู่ในมือ มันไม่กล้าต่อต้านเราหรอก ! ” หลินเว่ยเว่ยป้อนผลไม้ให้ลูกหมี แต่ลูกหมีตัวนั้นกลับเอื้อมอุ้งเท้ายาว ๆ เพื่อจะเลียน้ำในกระบอกไม้ไผ่…แม้เจ้าตัวนี้ยังเป็นเด็ก แต่มันก็รู้ว่าสิ่งใดคือของดี
หลินเว่ยเว่ยจึงเทน้ำใส่ฝ่ามือ ทันใดนั้นเจ้าหมีน้อยก็รีบเลียจนเกลี้ยง หลังจากนั้นก็จะมาเลียใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยอย่างเอาใจ แต่นางดึงตัวลูกหมีออกเพื่อไม่ให้มันสมปรารถนา…ล้อเล่นใช่หรือไม่ หน้าของข้า จะให้ก้อนขนดำ ๆ อย่างเจ้ามาเลียได้หรือ ? หลินเว่ยเว่ยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางบัณฑิตหนุ่มแล้วเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
เจียงโม่หานรีบหลบสายตาทันที…เด็กคนนี้คิดบางอย่างแปลก ๆ อีกแล้ว ไม่รู้ว่าในสมองนั้นเอาแต่คิดสิ่งใดอยู่ !
ผ่านไปไม่นาน ลูกหมีน้อยก็กินและดื่มจนอิ่ม ส่วนแม่หมีที่ไร้มโนธรรมของมันก็เดินทางมารับได้ตามกำหนด นอกจากนี้มันยังถือรังผึ้งใหญ่ ๆ ไว้ด้วยอุ้งเท้าทั้งสองข้างเพื่อเป็นของแลกเปลี่ยนกับหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยนำรังผึ้งใส่ลงในตะกร้า จากนั้นก็ส่งตัวลูกหมีออกไป…มือหนึ่งส่งหมี มือหนึ่งรับน้ำผึ้ง ! ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน ! ทันใดนั้นแม่หมีก็รีบพาลูกหมีจากไปทันที…ใครร่วมงานกับเจ้า หวังว่าคราวหน้ามันจะไม่ต้องมาเจอนางอีก !
ณ ป่าสนแดง เมื่อไม่มีหลินเว่ยเว่ยแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานของทุกคนก็ออกมาธรรมดามาก หลินเว่ยเว่ยที่กลับมาถึงแล้วก็เขย่าต้นสนต้นหนึ่ง ทันใดนั้นลูกสนก็ตกลงมาทันที แล้วนางก็เปลี่ยนไปเขย่าต้นใหม่…
“พอแล้ว ! ” ลูกสนเมื่อวานยังเก็บไม่หมด พอมาวันนี้อีกทีลูกสนเหล่านั้นก็หายไปหมดแล้ว…แค่ชั่วข้ามคืน ใครจะมาขโมยไปได้ ? พอลองคิดแล้วก็น่าประหลาดใจยิ่งนัก !
ต่อจากนั้นเจียงโม่หานก็ได้รู้แล้วว่าสิ่งใดคือ ‘เครื่องกะเทาะเกล็ดสน’ เด็กตัวแสบยอมเสี่ยงอันตรายและออกแรงทำงาน แต่สุดท้ายก็แบ่งผลประโยชน์ให้คนอื่นอย่างเท่าเทียม…นี่ไม่เหมือนตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นหรอกหรือ ?
เจียงโม่หานเคาะลูกสนอย่างขอไปที พวกเด็กหนุ่มต่างรวมตัวกันแล้วเริ่มสนทนาเสียงเบาที่สุด
“เจ้าดูนั่นสิ บัณฑิตเจียงทำงานไม่ได้เรื่องเลย ! ดูจากท่าทางเขาแล้วกะเทาะเกล็ดสนวันหนึ่งก็ได้เมล็ดสนไม่ถึงร้อยชั่ง ! ”
“ไม่เป็นไร นางก็ชดเชยในส่วนของเขาให้แล้ว ! พวกเราไม่เสียเวลางานหรอก ! ”
“น้าเฝิงร่างกายอ่อนแอ บัณฑิตเจียงก็ช่วยทำงานไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดต้องไปกินข้าวและทำผลไม้อบแห้งกับนาง ข้าได้ยินว่าพวกลูกท้อหรือผลชิงที่ใช้ทำผลไม้อบแห้งก็เป็นของที่นางเก็บมาจากบนเขา ส่วนเงินที่หาได้สองบ้านก็แบ่งกันคนละครึ่ง ! ”
“เฮ้อ ! อย่าให้นางมาได้ยินถ้อยคำเหล่านี้เชียว ! ! ”
ตอนต่อไป