บทที่ 192 ทำลายมัน! 1 (2)

“ท่านพ่อ”

“ว่าอย่างไร?”

คู่พ่อลูกที่ไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลานานดูเหมือนจะไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ เคานต์เดอรัชยกชาอุ่นๆขึ้นจิบเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง เขาพอจะรู้ข้อมูลจากคาร์ลผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารมาบ้างแล้ว

“อัศวินของอาณาจักรพารันเดินทางไปยังอาณาจักรนอร์แลนด์งั้นรึ?”

“ขอรับ”

“เจ้าคิดว่าพวกเขาจะใช้ไวย์เวิร์นบุกเข้ามางั้นรึ?”

“ขอรับ”

“พวกเขาจะเคลื่อนทัพผ่านอาณาจักรอัสโคซานเพื่อบุกเข้าโจมตีอาณาจักรเบร็คและภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันงั้นรึ?”

“ขอรับ”

กึก!

เคาน์เดอรัชวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปยังธงประจำอาณาเขตที่ตั้งอยู่ในห้องทำงาน เขามองเห็นเต่าสีทองซึ่งเป็นตราประจำตระกูลเฮนิตัสประทับอยู่ในธงผืนนั้น จากนั้นเขาก็หันมาเอ่ยกับบุตรชายของตน

“ได้!”

แค่คำเดียวก็เพียงพอแล้ว

“ตระกูลเฮนิตัสของเราแต่เดิมก็เป็นตระกูลนักสู้ทั้งยังเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงทั้งยังเป็นกำแพงปกป้องภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันมาโดยตลอด”

เคานต์เดอรัชไม่ใช่นักรบแต่เขาก็รู้จักวิธีการใช้ดาบและยังไม่ลืมศิลปะการต่อสู้ที่เขาเคยเรียนมาเช่นกัน ทำไมเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างกองทัพอัศวินในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้

นั่นก็เพราะเต่าสีทอง

ทุกๆคนจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสามารถที่จะใช้ชีวิตที่ยืนยาวและสงบสุขได้

เขาละสายตาไปยังเส้นผมสีแดงสดของบุตรชายคนโตของเขา มีแต่อดีตภรรยาของเขาเท่านั้นที่มีเส้นผมสีแดงเช่นนี้

“ความสงบสุขของอาณาเขตคือภารกิจสำคัญของพ่อ..การช่วยเหลือบุตรชายก็คือภารกิจสำคัญของพ่อเช่นกัน”

เคานต์เดอรัชยังจำสิ่งต่างๆที่คาร์ลขอร้องให้เขาทำเมื่อครั้งที่คุยกันผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารได้ เขายื่นมือไปหาบุตรชายของตนทันที

“ลองดูสักตั้งแล้วกัน!”

เมื่อครั้งอดีตบุตรชายของเขาก็เคยพูดเช่นนี้เหมือนกัน

‘มาลองดูสักตั้งเถอะขอรับ!’

พ่อของเขาไม่เคยลืมเรื่องนี้ ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาเคานต์เดอรัชมุ่งเน้นไปที่การเสริมศักยภาพและจำนวนของทหาร ตามจุดสำคัญๆของอาณาเขตเฮนิตัสยังเต็มไปด้วยโกดังเก็บอาหารอีกด้วย

นอกจากนี้เขายังเสริมความแข็งแรงให้กับกำแพงเมือง ตัวอาคารและสถานที่ต่างๆเพื่อให้มีความพร้อมและสามารถปกป้องชีวิตประชาชนได้

คาร์ลจับมือของเคานต์เดอรัชแน่น

“ท่านพ่อต้องระวังตัวเองให้ดีนะขอรับ”

คาร์ลรับรู้คำตอบจากเคานต์เดอรัชผ่านน้ำหนักมือที่เขาบีบกลับมา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้คาร์ลไม่มีสิ่งที่ต้องคุยกับพ่อของตนอีกต่อไป

นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลมุ่งหน้าออกจากคฤหาสน์ไปยังป่าแห่งความมืดทันที

เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าหนองน้ำที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีดำสนิทแต่ตอนนี้กลับแห้งขอด

“นี่ก็นานมากแล้วที่ข้า..ไม่ได้มาที่นี่..มันเยี่ยมยิ่งนัก..ข้าคิดถึงมันมากเลย”

แมรี่ที่ยืนอยู่ข้างๆคาร์ลเอ่ยขึ้น น้ำเสียงยานๆเปี่ยมไปด้วยความสุขจนคนฟังรู้สึกได้

“จริงเหรอแมรี่!? ข้าเองก็ชอบที่ได้มาที่แห่งนี้พร้อมกับเจ้าและเจ้ามนุษย์อ่อนแอเช่นกัน! สวนหลังบ้านของเราสุดยอดที่สุดแล้ว!”

ราอนที่อยู่ข้างๆแมรี่ตอบกลับเธอทันควัน ทั้งราอนและแมรี่ยังคงลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆต่อไป

ข่าวการเคลื่อนไหวของอัศวินในอาณาจักรพารัน

คาร์ลไม่ได้พูดอะไรมากนักตั้งแต่ที่เขาได้ยินข้อมูลดังกล่าว ราอนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนจะพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิดและเอ่ยขึ้นทันที

“มนุษย์! ไม่ต้องกังวลไป จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเป็น–”

“ท่านคาร์ล!!”

อย่างไรก็ตามมีคนตะโกนเรียกคาร์ลก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ

เชวฮัน หมอผีการ์ชานและล็อก รีบมุ่งหน้ามายังหนองน้ำสีดำทันที หากจะพูดให้ถูกคาร์ลเป็นคนเรียกพวกเขามาต่างหาก

พวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากได้ยินสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่การ์ชานคาดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งสามมุ่งหน้าไปหาคาร์ลที่ยังไม่หันหลังกลับมามองพวกเขา สายตาของคาร์ลยังคงจ้องไปยังหนองน้ำอันแห้งสนิทเช่นเดิม

“นายน้อยคาร์ล!”

การ์ชานเอ่ยเรียกคาร์ลอีกครั้งก่อนที่คาร์ลจะค่อยๆหันหลังกลับมา

คาร์ลกวาดสายตามองคนทั้งสาม เชวฮันที่ยังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม การ์ชานที่ดูแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยและล็อกที่ยังคงมีท่าทางลังเลให้เห็น

“เชวฮัน..การ์ชาน”

“ขอรับท่านคาร์ล?”

“พูดมาได้เลย..นายน้อยคาร์ล”

สายตาของคาร์ลมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก

“เราจะเดินทางไปยังหุบเขาแห่งความตาย..เตรียมตัวให้พร้อม!”

จากนั้นเขาก็หันไปมองล็อก

ล็อกชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับคาร์ลพอดีแต่เขาก็ดูมั่นใจขึ้นกว่าแต่ก่อน นี่นับเป็นครั้งแรกที่ล็อกไม่คิดหลบสายตาจากคาร์ลแม้ว่าตัวเองจะรู้สึกประหม่าเพียงใดก็ตาม

คาร์ลรู้สึกว่าล็อกดูแข็งแกร่งขึ้นเมื่อได้รับการฝึกฝนจากเชวฮัน

แต่นั่นยังไม่เพียงพอ

เผ่าหมาป่าถือว่าเผ่าพันธุ์และครอบครัวของตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามหมาป่าจำเป็นต้องเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งเมื่อพวกมันต้องอยู่ตัวคนเดียว ความสูญเสียและความเหงา อารมณ์เหล่านี้จะพุ่งโจมตีพวกมันทีเมื่อถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว พวกมันต้องการอารมณ์เหล่านี้เพื่อที่จะได้เรียนรู้อารมณ์อื่นๆเพราะนั่นคือสิ่งจำเป็นสำหรับหมาป่า

คาร์ลนึกถึงสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเวทย์ของเขา

มันไม่ใช่กระดูก ซากหรือขนของราชาหมาป่าอย่างที่เขาคิดไว้เพราะมันคือสมุดไดอารี่

แต่มันคือสมุดไดอารี่ที่ถูกเขียนด้วยเลือด

คาร์ลเริ่มพูดกับล็อก

“ล็อก เจ้าก็ไปด้วยเช่นกัน ไปเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”

“ขอรับ!”

ราชาหมาป่าจำเป็นต้องสร้างชื่อให้ก้องไปทั่วโลกอีกครั้ง

“แมรี่”

“มีอะไรหรือ?”

แมรี่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบหันไปมองคาร์ล อย่างไรก็ตามสายตาของเธอกลับจ้องไปที่หนองน้ำแทนเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น

บู้ม!!!

มีบางอย่างโผล่ออกมาจากกระเป๋าลับในมือของคาร์ล ราอนดัดแปลงกระเป๋าเวทย์ให้มีคุณสมบัติคล้ายกับมิติลับของมันเพื่อให้คาร์ลใช้โดยเฉพาะ

“ห๊ะ!?”

ล็อกสะดุ้งโหยงและถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว ดวงตาของเขาจ้องไปที่ตรงกลางของหนองน้ำ

หมอผีการ์ชานก็พึมพำออกมาเบาๆด้วยความเหลือเชื่อ

“มันคือมังกร”

โครงกระดูกสีขาวของมังกรขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงกลางหนองน้ำอันแห้งขอด มังกรตัวโตเต็มวัยสร้างแรงกดดันได้อย่างมหาศาลแม้ว่ามันจะเป็นเพียงโครงกระดูกก็ตาม

นี่คือโครงกระดูกมังกรที่คาร์ลพบเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว มันเป็นตอนที่เขาได้รังสีเหนืออำนาจมาครองนั่นเอง

“เอ่อ..”

แมรี่อ้าปากค้างก่อนจะหันกลับมามองคาร์ล มันเป็นจังหวะเดียวกับที่คาร์ลหันมามองเธอพอดี

“จัดการควบคุมมันซะ”

เขาออกคำสั่งกับแมรี่ทันที ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณก่อนที่แมรี่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่

“ข้าสามารถทำมันได้..ไม่สิ!..ข้า..จะทำมัน..อย่างแน่นอน”

“เยี่ยม”

แมรี่กำหมัดของตนแน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าคาร์ลเชื่อมั่นในตัวเธอ

คาร์ลเงยหน้ามองท้องฟ้า

มังกรจะกลืนกินไวย์เวิร์นและมันจะเป็นฝ่ายครองท้องฟ้าทั่วเขตตะวันออก