ตอนที่ 197

Silver Overlord

197 – นักธุรกิจที่แท้จริง

หลังจากฟังคําถามของกงเกี่ยซานแล้วเงี่ยนเต่อชางที่สนทนาไม่เก่งก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเหลือบมองไปยังเอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่เขาจะพูดในที่สุด

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้น เพียงทําตามแบบที่ลี่เฉียงวาดและหลอมออกมาให้ตรงตามแบบนั้น…”

“อ่า ลี่เฉียงเจ้าคิดค้นมีดนี้ขึ้นมาหรือ?”

กงเกี่ยซานตกใจมาก เขาไม่ตกใจเมื่อรู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเด็กที่ช่วยชีวิตคนจมน้ําเหล่านั้น และเขาก็ไม่รู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงติดอันดับหนึ่งของการทดสอบเขตศิลปะการป้องกันตัวของมณฑลชิงไห่

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ยินว่าเอี้ยนลี่เฉียงสามารถประดิษฐ์อาวุธมหัศจรรย์ดังกล่าวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาก็รู้สึกงุนงง

นั่นเป็นเพราะจากมุมมองของเขา บรรดาผู้ที่สามารถประดิษฐ์และสร้างมีดประเภทนี้ได้นั้น ต้องทุ่มเทเวลาให้กับงานฝีมือด้านอาวุธมาเป็นเวลาหลายสิบปีอย่างแน่นอน

หากไม่ใช่อัจฉริยะในด้านศิลปะของใบมีดและยังเป็นปรมาจารย์ชั้นหนึ่งที่มีความรู้พิเศษเกี่ยวกับใบมีด ไม่มีทางที่จะสร้างมีดเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

เขาจะจ้องไปยังเอี้ยนลี่เฉียงแล้วถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“เป็นไปได้ไหมที่ลี่เฉียงได้เรียนรู้วิถีแห่งดาบ?”

“ไม่ใช่ขอรับท่านกง ข้ากําลังฝึกฝนวิชาทวน!” เอี้ยนลี่เฉียงตอบอย่างใจเย็น

“แล้วเจ้าออกแบบใบมีดนี้ได้อย่างไร”

นอกเหนือจากกงเกี่ยซานแล้วเฉียนซูก็ค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับคําถามนี้เช่นกัน เฉียนรู้ล่วงหน้าว่าเอี้ยนลี่เฉียงได้สร้างใบมีดพวกนี้ขึ้นมา แต่เขาไม่รู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร

เอี้ยนลี่เฉียง

“พูดแล้วก็น่าตลกอยู่บ้าง ในตอนนั้นที่ข้ากินย่างขาแกะอยู่ในย่านโรงตีเหล็กแห่งนี้ ในตอนที่พวกพี่ใหญ่ของย่านโรงตีเหล็กได้นั่นขาแกะมาให้ข้า ข้าก็รู้สึกว่ามันจับถนัดมือดีดังนั้นถ้าสร้างดาบที่มีลักษณะแบบนี้ มันอาจจะใช้ประโยชน์ได้ก็เลยทดลองออกแบบมันขึ้นมา…”

กงเกี่ยซานถูกเงียบไปครึ่งวัน ในท้ายที่สุดเขาตบต้นขาของตัวเองอย่างดุเดือดและตะโกนออกมาว่า

“ข้านี่โง่จริงๆ หลังจากกินขาแกะย่างมาหลายสิบปีข้าทําไมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้?”…

กงเกี่ยซาน ยังคงอยู่ในย่านช่างอาวุธจนถึงค่ํา เขาทานอาหารกับเอี้ยนลี่เฉียงจนกระทั่งถึงช่วงดึกทหารคุ้มกันจึงได้ประคองเขาที่เมาสุราอย่างหนักกลับไปที่ค่ายของตัวเอง

มีดโค้งร้อยเล่มที่เอี้ยนลี่เฉียงและพ่อของเขามอบให้กงเกี่ยซานก็ถูกเฉียนซูให้คนจัดการส่งไปที่ค่ายทหารในเวลาเดียวกัน

เมื่อกงเกี่ยซานกําลังจะจากไป เขาก็คว้ามือของเอี้ยนลี่เฉียงและเรียกเขาว่าเป็นหลานชายโดยตรง ทําให้เอี้ยนลี่เฉียงรียกเขาว่าลุงกงเป็นการตอบแทน

หลังจากส่งกงเกี่ยซานออกไปแล้วเอี้ยนลี่เฉียง เฉียนซูและเสี้ยนเต่อชางก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่นในลานของเฉียนซู”ลี่เฉียง มีดหนึ่งร้อยเล่มนั้นถูกหลอมด้วยความพยายามอย่างมากในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาหากเรา ขายมันมันจะทําเงินให้เรามากมายเกือบ 1,000 ตําลึงเลยทีเดียวเหตุไฉนเจ้าจึงยกให้ผู้อื่นไปเฉยๆอย่างนั้น เหตุผลที่เอี้ยนเต่อชางมาส่งมีดคูกรีเหล่านั้นด้วยความยินดี เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถหาเงินได้เป็นจํานวนมาก

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมอบมีดเหล่านั้นทั้งหมดในคราวเดียว มีดคูกรีเหล่านั้นมีราคามหาศาล แม้ว่าเอี้ยนเต่อชางไม่ได้พูดอะไรในขณะนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ”ท่านพ่อ ดื่มน้ําและใจเย็นๆ.. “เอี้ยนลี่เฉียงมีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เขาเทน้ําหนึ่งถ้วยให้เอี้ยนเต่อชางสิ่งที่ข้าทํา ย่อมต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ท่านพ่อไม่ต้องกังวลท่านผู้บัญชาการกงจะให้โอกาสเราอย่างแน่นอน หลังจากนี้พวกเราจะได้เงินคืนสิบเท่าหรือร้อยเท่าในเวลาอันสั้น”

“เป็นไปได้อย่างไร?” เอี้ยนเต่อชางหันไปมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามท่านพ่อว่าเป้าหมายที่เราทําธุรกิจนั้นก็เพื่ออะไร”

“แน่นอน เพื่อประโยชน์ในการหาเงิน!” เอี้ยนเต่อชางกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ

“หาเงินไม่ผิด แต่พ่อท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าเราต้องคิดหาวิธีที่จะได้เงินมากกว่านั้นอีกด้วย”

“ก็..”

เอี้ยนเต่อชางตกตะลึง เขาไม่เคยคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับคําถามนี้มาก่อน

“ท่านพ่อ ถ้าท่านไม่อยากพูดข้าก็จะบอกท่านให้ ถ้าเพื่อเลี้ยงครอบครัวและหาโชคลาภด้วยการทําธุรกิจธรรมดาๆก็ต้องพึ่งฝีมือหาเงิน และทักษะในการซื้อของในราคาต่ําและขายออกไปในราคาสูง

ไม่ว่าเราจะขายอะไร ราคาขายก็ควรจะมากกว่าราคาที่เราซื้อมา ความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้จะเป็นกําไร ด้วยการปรากฏตัวของกําไร นั่นจะทําให้เราได้รับเงิน…”

“ใช่ นี่คือหลักการของการทําธุรกิจ!” เอี้ยนเต่อชางพยักหน้า

“บรรดาผู้ประกอบธุรกิจต่างก็มีความปรารถนาที่จะหาเงิน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ในระดับสูงสุดของการทําธุรกิจ มันไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในการหาเงิน!” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้ม

“ถ้าการหารายได้ไม่ใช่ระดับสูงสุดของการทําธุรกิจ แล้วอะไรล่ะ” แม้แต่เฉียนซูที่เพิ่งดื่มชาเพื่อรักษาอาการเมาค้างก็อดไม่ได้ที่จะถามคําถามนี้

“การได้รับความไว้วางใจจากผู้คน!” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวสามคํานั้นด้วยน้ําเสียงที่แน่วแน่ แล้วพูดต่อไปว่า

“ตราบใดที่เราได้รับความไว้วางใจ การทําเงินก็จะสําเร็จได้ง่ายๆ หากเราไม่สามารถได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา ถึงแม้ว่าเราจะทําเงินเป็นจํานวนมาก แต่นั่นมันก็จะได้ครั้งเดียวและดึงดูดอันตรายมาหาตัวเอง

เหมือนครอบครัวเราตอนนี้ พวกเราขาดเงินจริงหรือ ไม่แน่นอน ทุ่งนาและทรัพย์สินที่ครอบครัวของเรามีอยู่ในเมือง ก็เพียงพอแล้วสําหรับเราทั้งคู่จะอยู่สบายไปตลอดชีวิต

แต่หากมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา เช่นเดียวกับตระกูลหงก็เพียงพอที่จะทําให้พวกเราสูญสิ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สินภายในครั้งเดียว ท่านพ่อไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”

นี่คือเหตุผลที่เอี้ยนลี่เฉียงในปัจจุบันจําเป็นต้องสร้างอิทธิพลของตระกูลเจี้ยนทีละขั้นหลังจากจัดการกับภัยคุกคามของเยเซียวและคนอื่นๆจบลง ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามผูกมิตรกับผู้คนมากมาย

เงินไม่กี่ร้อยตําลึงมันแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย หากจะพูดถึงเรื่องเงินอย่างจริงจัง ยอดรวมของความมั่งคั่งที่เอี้ยนลี่เฉียงได้รับจากชาวชาตู ก็มากเกินพอสําหรับเขาและพ่อของเขาที่จะใช้เป็นเวลาสิบชาติก็ไม่หมด

สําหรับคําถามของเอี้ยนลี่เฉียง เอี้ยนเต่อชางส่ายหัวตามสัญชาตญาณและกล่าวว่า

“ไม่แน่นอน!”

“ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลที่เราควรเน้นย้ําถึงความมีระเบียบในการดําเนินธุรกิจ หากเราต้องการให้ครอบครัวของเราอยู่ได้นานๆ สิ่งสําคัญอันดับหนึ่งของเราคือการได้รับความไว้วางใจจากผู้คนตามด้วยการหารายได้

ตราบใดที่เราสามารถสร้างรายได้จากพวกเขา เงินทองก็จะหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดอีกทั้งยังไม่มีผู้ใดสามารถทําอันตรายพวกเราได้ด้วย…”

เอี้ยนเต่อชางเริ่มเข้าใจคําพูดของเขาเล็กน้อย

“ที่เจ้ามอบมีดพวกนั้นให้กับท่านกงก็เพราะต้องการความไว้วางใจจากเขาอย่างนั้นหรือ?”

“ขอให้ท่านพ่อเชื่อข้า ตามพฤติกรรมของแม่ทัพกงที่มีต่อผู้อื่น ตราบใดที่เราแสดงความเคารพต่อเขาอย่างมากในวันนี้ ไม่เพียงแต่เราจะสามารถสร้างความสัมพันธ์และเป็นเพื่อนกันได้ ท่านคอยดูเถอะอีกไม่กี่วันเขาจะนําพาเงินก้อนใหญ่มาให้เราแน่นอน”

กับลูกชายแบบนี้เอี้ยนเต่อชางจะพูดอะไรได้อีก? เอี้ยนเต่อชางมั่นใจอย่างยิ่งกับคําพูดของเอี้ยนลี่เฉียง คําพูดของเขาชัดเจนมาก และเขาไม่ต้องปวดหัวกับมีดหนึ่งร้อยเล่มอีกต่อไป

“ตกลง เราจะทําตามที่จะว่านับจากนี้พ่อจะเชื่อคําพูดของเจ้าทุกคํา!”

นอกเหนือจากเอี้ยนเต่อชางแล้ว แม้แต่เฉียนซูที่อยู่เคียงข้างเขาก็ยังเชื่อมั่นอย่างแท้จริงเช่นกันเมื่อเขาได้ยินคําพูดเหล่านั้น เขาก็ตระหนักว่านี่คือหัวใจสําคัญของการทําธุรกิจอย่างแท้จริง