ตอนที่ 240 หมูสามชั้น

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 240 หมูสามชั้น

ฤดูหนาวนี้ ฝนเยือกแข็งตกติดต่อกันหลายครั้ง อย่างน้อยก็ทำให้สถานการณ์เรือนพักร่ำรวยผ่อนคลายลง

ถึงแม้จะหนาวเย็น แต่อย่างน้อยพื้นดินก็ได้รับความชุ่มชื้นจากหยาดฝน

หวังว่าปีหน้าจะมีสภาพอากาศที่ดี

เยียนสุยลำเลียงผักที่ปลูกในเพิงอุ่นมายังจวนท่านหญิง

เขาส่งมอบบัญชีให้เยียนอวิ๋นเกอ “โชคดีที่ฝนตก ทำให้ฤดูหนาวนี้ไม่ถึงกับอยู่เฉย เพียงแต่น่าเสียดายที่ผักในเพิงอุ่นปีนี้เติบโตไม่ดีนัก ข้าน้อยได้สืบข่าวจากเรือนพักของตระกูลอื่น ปีนี้ผักในเพิงอุ่นของพวกเขาก็เติบโตไม่ดีเช่นเดียวกัน ย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ”

เยียนอวิ๋นเกอหยิบผักในเพิงอุ่นจากตะกร้าขึ้นมา ใบไม่เขียวพอ อีกทั้งยังออกเหลือง

เยียนสุยกลัวนางเข้าใจผิด จึงรีบพูดขึ้น “รายงานคุณหนู ผักนี้คุณภาพดีที่สุดในเวลานี้แล้ว”

หากนี่ถือว่าคุณภาพดีสุดแล้ว คงจะอนาถมากจริงๆ

“เติบโตได้ไม่ดีเอาเลยเสียจริง” เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “สวรรค์ไม่มีตา ไม่ยอมให้ข้าวทุกคนกิน ไม่โทษเจ้า เห็ดหูหนูแทบจะไม่มีผลผลิตแล้วใช่หรือไม่”

“เฮ้อ…”

เยียนสุยถอนหายใจ

สภาพแวดล้อมในการเติบโตของเห็ดหูหนูต้องอับชื้นและชุ่มชื้นเพียงพอ

ปีนี้สภาพอากาศแห้งแล้ง คุณสมบัติไม่ถึง ถึงแม้จะมีเห็ดหูหนูงอกออกมา แต่คุณภาพก็ย่ำแย่มาก

เยียนอวิ๋นเกอพลิกดูบัญชี หันกลับมาปลอบเยียนสุย

“เจ้าอย่าถอนหายใจ! ปีนี้ใกล้จะผ่านไปแล้ว ปีหน้าย่อมต้องดีกว่าปีนี้”

“หวังว่าจะเป็นดังที่คุณหนูกล่าว เวลานี้ทุกคนต่างรอคอยฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า หวังว่าสวรรค์จะมีตา”

เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “ผักในเพิงอุ่นขายออกหรือไม่”

เยียนสุยยิ้มเก้อ

สถานการณ์ของผักในเพิงอุ่นเก้อเหมือนรอยยิ้มของเขา

ตระกูลคนมั่งมีไม่โปรดปราน สามัญชนซื้อไม่ไหว

ตระกูลชนชั้นสูงมีเรือนพักและเพิงอุ่นของตนเอง ไม่สนใจผักในเพิงอุ่นของเรือนพักร่ำรวย

ทำได้เพียงขายให้ภัตตาคาร

แต่ปีนี้ภัตตาคารก็อยู่ยาก ความต้องการมีจำกัด

หลังจากเยียนอวิ๋นเกอรับรู้สถานการณ์ นางจึงตัดสินใจทันที “ปีนี้ทำเพิงอุ่นจำนวนน้อย พอกินเองก็พอ ต่อจากนี้อย่าหวังเพิ่งผักในเพิงอุ่นหาเงิน เห็ดหูหนูยังหาเงินได้ดีกว่าผักในเพิงอุ่น”

“คุณหนูพูดถูก แต่ว่าร้านขายของชำหนานเป่ยทำเครื่องปรุง ยังมีใช้อยู่บ้าง”

“เครื่องปรุงของร้านขายของชำหนานเป่ยขายดีจริง ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้าว่ากำไรในปีนี้คงมากโข”

นอกจากกำไรของเครื่องปรุงที่เพิ่มขึ้นแล้ว กำไรของหีบศพก็ไม่เลว ปริมาณการขายดีเสมอมา

เพียงแต่ปีนี้ทุกคนต่างยากจน คนตายก็มีจำนวนมาก

เครื่องปรุงและหีบศพต่างขายได้ดีอย่างมากด้วยความบังเอิญ

ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือว่าควรร้องไห้

นอกจากนี้ ผ้าผืนก็ได้กำไรมหาศาล

ผ้าผืนในโกดังของเรือนพักร่ำรวยถูกนำออกมาจำหน่ายต่อเนื่อง

ปีนี้ทั้งนุ่น ป่านและไหมล้วนลดผลผลิต

ซึ่งหมายความว่าปริมาณการผลิตผ้าผืนไม่เพียงพอ

แต่ฤดูหนาวในปีนี้กลับหนาวเป็นพิเศษ

เยียนอวิ๋นเกอเริ่มกักตุนผ้าผืนตั้งแต่ต้นปี ทยอยนำออกมาจำหน่ายในฤดูกาลนี้ นอกจากปริมาณการส่งออกมากแล้ว ราคาก็เป็นธรรม ดึงดูดพ่อค้าจากทางเหนือและใต้มากลุ่มหนึ่ง

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ผ้าผืนก็นำกำไรมาให้เยียนอวิ๋นเกอเป็นจำนวนมหาศาล

แทบจะชดเชยความเสียหายตลอดทั้งปีของนาง

ระหว่างช่วงภัยแล้ง ภายในใจของสามัญชน ผ้าผืนเป็นสิ่งของที่แข็งค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก

การกักตุนทองคำยังไม่สู้ผ้าผืน

ทองคำไม่หมุนเวียน

ผ้าผืนเป็นสิ่งของแข็งค่า ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านในเขาที่ห่างไกล หรือว่าทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ หรือแม้แต่กลางทะเล

ถึงแม้เผ่าพันธุ์แตกต่างกัน ภาษาแตกต่างกัน เพียงแค่นำผ้าผืนออกมาก็สามารถดำเนินการแลกเปลี่ยนได้

ทองคำไม่อาจเทียนผ้าผืนได้ เพราะมันไม่คล่องตัว

ในสถานที่หลายแห่ง การซื้อขายด้วยทองคำไม่ใช่เรื่องง่าย

เยียนอวิ๋นเกอเตือนเยียนสุย “ผ้าผืนขายดีก็ต้องเก็บไว้บ้าง อย่าได้ขายผ้าผืนในโกดังออกไปจนหมด อย่างน้อยก็เหลือไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หากปีหน้าสภาพอากาศดี นุ่น ป่านและไหมก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีในการผลิต หากปีหน้าอากาศไม่ดี ยังต้องหวังพึ่งผ้าผืนในโกดังเอาทุนกลับมาชดเชยความเสียหาย”

เยียนสุยบันทึกเอาไว้ “คุณหนูพูดถูก อากาศผิดปกติเกินไป ปีหน้าตกลงจะเป็นอย่างไร ไม่มีผู้ใดบอกได้”

เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “เจ้าเคยถามชาวนาที่มีประสบการณ์หรือไม่ พวกเขาบอกว่าอากาศปีหน้าจะเป็นอย่างไร”

เยียนสุยส่ายหน้าช้าๆ ด้วยสีหน้าตึงเครียด

“ไม่แน่! ชาวนาที่มีประสบการณ์ต่างบอกว่าปีนี้อากาศประหลาด พวกเขาก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ เพียงแค่อุณหภูมิที่ลดลงและฝนเยือกแข็งที่ตกลงมาอย่างกะทันหันก็ทำให้ทุกคนต่างฉงย ปีก่อนๆ ล้วนไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าเบาๆ “ในเมื่อสภาพอากาศในปีหน้ายังคาดการณ์ไม่ได้ เจ้าเตรียมคนรีบขุดคูคลองและเขื่อนเก็บน้ำ พยายามกักเก็บน้ำให้ได้ก่อนการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า อย่างน้อยก็สามารถรับรองการเพาะปลูกที่ราบรื่น หากแหล่งน้ำไม่เพียงพอ คงต้องทิ้งพื้นที่ให้ร้างไปชั่วคราว”

“ข้าน้อยเข้าใจ! เพียงแต่ผู้ลี้ภัยและผู้เช่าเหล่านั้น พวกเขาก็ต้องเพาะปลูก…”

เยียนอวิ๋นเกอพูดขัดเขา “ให้ความสำคัญกับที่นาดีในเรือนพักก่อน หากมีน้ำที่เหลือ แบ่งตามสัดส่วนพื้นที่ เจ้าจำไว้ว่าต้องแบ่งสัดส่วนแหล่งน้ำให้ดี แบ่งตามระยะใกล้ไหล เจ้าจัดตารางการปล่อยน้ำไว้ให้ดีก่อน ให้คนเฝ้าจุดรั่วของคูคลองแต่ละจุด ระวังมีคนขโมยน้ำ เจ้าต้องเตรียมการให้ดี ระวังเหตุกาณ์การทะเลาะกันเพื่อแย่งน้ำ”

เยียนสุยพยักหน้าตอบรับ จดบันทึกเอาไว้ทีละข้อ

บางครั้งเขาก็สงสัยอย่างมาก คุณหนูมีชาติกำเนิดจากตระกูลใหญ่ เกิดมามีกินมีใช้ เหตุใดจึงคุ้นชินกับเรื่องการเพาะปลูกเช่นนี้

รายละเอียดแต่ละอย่าง บางครั้งเขายังไม่เคยคิดถึง คุณหนูสี่ก็เริ่มเตือนเขาแล้ว

ราวกับนางเกิดมาก็ทำนาเป็น

ประหลาด!

แน่นอน เขาก็ไม่กล้าถาม

เขาจรดพู่กันจดบันทึกคุณหนูสี่กำชับทีละเรื่อง หลังจากกลับเรือนพักก็ดำเนินการขึ้นอย่างเข้มงวดทันที

คราวนี้ เยียนสุยนอกจากส่งผักในเพิงอุ่นมาแล้ว ยังส่งไก่ เป็ด และปลาตากแห้ง เนื้อตากแห้ง รวมทั้งไก่และเป็ดที่ยังเป็นอยู่…

สภาพอากาศแห้งแล้ง ผลผลิตไม่ดี การเติบโตของเป็ดและไก่ก็ได้รับผลกระทบ

ไม่กล้าให้อาหารอย่างเต็มที่ ทำให้เป็ดและไก่น้ำหนักเบา

แต่เนื้อหมูยังคงดี

ดูท่าทางเด็กในเรือนพักจะตัดหญ้าอย่างกระตือรือร้น

เยียนอวิ๋นเกอมองเนื้อหมูในตะกร้า น้ำลายไหลเล็กน้อย

เนื้อนี้ดีเสียจริง!

หมูสามชั้นที่มีเนื้อและมันสลับกัน นำมาปิ้งย่าง หรือนำมาผัด หรือทำเนื้อหมูผัดซ้ำ…อร่อย

อยากกิน!

ขาหมูนำมาต้มน้ำแกง นำมาต้มรากบัว นางก็เริ่มน้ำลายไหลแล้ว

ยังสามารถทำขาหมูผัดถั่วก็มีรสชาติดี

สงวนท่าทีไว้!

ต้องสงวนท่าทีไว้!

ในฐานะคุณหนูของตระกูลใหญ่ นางต้องสงวนท่าทีที่ควรมี

นางชอบกิน แต่ไม่ตะกละ

ต้องกินอย่างมีขีดจำกัด

ไก่ เป็ด และปลาที่ตากแห้งล้วนสามารถนำมาทำอาหารที่เลิศรสได้

นางบอกเยียนสุย “อีกครึ่งเดือน ส่งหมูตัวหนึ่งมา ฆ่าสด”

นางจะทำเนื้อตากแห้งด้วยตัวเอง

ในจวนมีคนมาก หมูหนึ่งตัวถึงจะพอกิน

ในคืนนั้น เยียนอวิ๋นเกอชี้แนะแม่ครัวทำพะโล้หม้อหนึ่ง มีพะโล้หัวหมู พะโล้หางหมู เครื่องในหมู น่องไก่ ปีกไก่…

ก่อนจะผัดเนื้อหมูอีกจานด้วยตนเอง

แม่ครัวต้มน้ำแกงหม้อหนึ่งด้วยไฟอ่อน

ตะเกียบเสียบลงบนขาหมูที่อ่อนนุ่ม เพียงแค่คีบก็สามารถคีบเนื้อขึ้นมาได้

น้ำแกงขาหมูหม้อนี้ต้มได้สำเร็จอย่างมาก สดชื่นเหมาะสำหรับการกินในฤดูกาลนี้

เซียวฮูหยินเกิดความอยากอาหารขึ้นมา นางดื่มน้ำแกงรากบัวต้มขาหมูสองชามติดต่อกัน

หลังจากดื่มเสร็จ ในกระเพาะอบอุ่น สบายอย่างมาก

อาหารเลิศรสสามารถเยียวยาจิตใจของคนได้

เซียวฮูหยินที่อารมณ์ขุ่นมัวเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมาหลังจากดื่มน้ำแกง

นางพูดกับเยียนอวิ๋นเกอ “ตอนนั้นเจ้าให้คนไปขุดรากบัวทางใต้ ตอนนั้นข้ายังคิดว่าเจ้าเหลวไหล เวลานี้ข้าถึงได้รู้ว่าการกินรากบัวที่สดใหม่ในเมืองหลวงช่างเป็นเรื่องที่โชคดี”

เยียนอวิ๋นเกอพูดขึ้นทันที “รากบัวนอกจากนำมาต้มน้ำแกงแล้ว ยังสามารถนำมาผัดหรือยำ วันนี้ข้ายังทำพะโล้รากบัว ท่านแม่จะลองชิมดูหรือไม่ รากบัวที่ผ่านการทำพะโล้รสชาติไม่เหมือนกับรากบัวที่ต้มน้ำแกง”

“อ้อ! ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็อยากลองชิมดู”

สาวรับใช้นำรากบัวที่ฝานเสร็จจานเล็กขึ้นมา เซียวฮูหยินคีบชิ้นหนึ่งเข้าปาก ลิ้มรสอย่างช้าๆ

นางพยักหน้าระรัว “รสชาติดีเสียจริง เพียงแต่กินมากไม่ได้ ดื่มน้ำแกงดีกว่า”

เยียนอวิ๋นเกอกลับพูด “ข้าอายุน้อย ระบบทางเดินดี หากท่านแม่ไม่กิน ข้าจะกินที่เหลือทั้งหมด”

“เจ้ากินเถิด กินได้เป็นเรื่องดี!”

นางมองเยียนอวิ๋นเกอกินรากบัวพะโล้ด้วยรอยยิ้ม ภายในใจพึงพอใจอย่างมาก

การทำพะโล้ในยุคสมัยนี้ ไม่มีผู้ใดเทียบฝีมือกับเยียนอวิ๋นเกอได้

สิ่งสำคัญคือนางใช้เครื่องปรุงอย่างเต็มที่ น้ำพะโล้รสชาติดี

คนส่วนใหญ่ทำพะโล้ รสชาติขาดแคลน ส่วนใหญ่ล้วนเพราะเครื่องเทศไม่พอ น้ำพะโล้ไม่หอมพอ

น้ำพะโล้ต้องใส่เครื่องเทศที่เพียงพอ ต้องกล้าใส่เครื่องเทศ

หลายปีนี้ เยียนอวิ๋นเกอยุ่งอยู่กับการบริหารเรือนพักร่ำรวย ไม่มีเวลาผลักดันการขายเครื่องเทศ

เครื่องเทศของร้านขายของชำหนานเป่ยก็ขายได้ธรรมดา

มันเกี่ยวข้องกับความเคยชินในการกินของทุกคน

นอกจากนี้ราคาของเครื่องเทศสูง คนส่วนใหญ่ซื้อไม่ไหว

เยียนอวิ๋นเกอก็เคยคิดจะผลักดันการค้าขายเครื่องเทศ เพียงแต่มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกตระกูลขุนนางโจมตี

มีตระกูลขุนนางจำนวนไม่น้อยอาศัยการหาเงินจากการขายเครื่องเทศ

หากนางต้องการขายเครื่องเทศ ย่อมต้องกดราคาของเครื่องเทศลง

ต้องกดราคาให้พอๆ กับเสบียง ทำให้ครอบครัวต่างๆ สามารถจับจ่ายได้ ซึ่งมันจะเป็นการทำลายผลประโยชน์ของตระกูลขุนนาง

การตัดหนทางการร่ำรวยของผู้อื่นเหมือนกับการสังหารบิดามารดาของผู้อื่น

เวลานี้ นางเลือกที่จะหลีกเลี่ยง

เมื่อถึงโอกาส นางค่อยคำนึงเรื่องการขายเครื่องเทศ

เมื่อกินอิ่ม คนก็นอนอยู่บนเก้าอี้ไม่ยอมขยับ

เซียวฮูหยินเร่งเร้านาง “ลุกขึ้นมาเดินย่อยอาหาร อย่าได้นอนนิ่งไม่ขยับ ไม่ดีต่อร่างกาย”

เยียนอวิ๋นเกอลุกขึ้นตามคำสั่ง วิ่งไปย่อยอาหารในลาน

นางไม่รู้สึกหนาว

นางพลางเดินย่อย พลางคิดว่าพรุ่งนี้จะให้คนส่งสิ่งของในท้องถิ่นให้พี่สอง

ทางแคว้นซ่างกู่ก็ต้องให้คนส่งของปีใหม่กลับไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็สามารถขอเงินแต๊ะเอียจากบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านได้อย่างถูกต้อง

ทางพี่ใหญ่ก็ต้องให้คนไปส่งของใช้ปีใหม่

ถึงแม้จะอยู่ไกล แต่ไม่อาจละเลยพิธีได้ ต้องไปมาหาสู่กันเป็นประจำ

อีกทั้งนางกังวลสถานการณ์ของหลานชายอย่างมาก เด็กอายุไม่กี่เดือน ต้องน่ารักมากอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังต้องเขียนจดหมายให้พี่สองเยียนอวิ๋นถงอีกฉบับเพื่อถามข่าวดี

นอกจากนี้ยังต้องส่งจดหมายไปให้พี่สะใภ้อย่างหลิวเป่าจูอีกหนึ่งฉบับเพื่อคุยสัพเพเหระ…

แต่ละอย่างแต่ละเรื่อง ถึงแม้ปีนี้จะไม่สงบนัก แต่ก็ไม่กระทบต่อการจัดเตรียมในเรื่องช่วงปีใหม่ของนาง

จริงด้วย ทางคู่ค้าของนางก็ต้องส่งของขวัญปีใหม่เพื่อแสดงน้ำใจ