ตอนที่ 159 มาทำอะไรอีก

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 159 มาทำอะไรอีก

เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว ขาทั้งสองข้างเริ่มกระถดถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว

โม่เสียนรีบเข้ามาขวางตรงหน้าเขา “ท่านอ๋องแปด ไปไหนมาหรือขอรับ มาขอรับ มาคุยกับพวกเราเรื่องแม่นางจินหน่อย”

“เรื่องของนาง? นางจะมีเรื่องอะไรให้คุย?” เย่ห้าวหราวถอยออกไปอีกสองก้าวพลางจ้องมองท่าทางราวกับหมาป่าและพยัคฆ์ของพวกเขาเหล่านั้น ก่อนโพล่งตะโกนไปทางด้านหลังพวกเขา “พี่ห้า เหตุใดถึงไม่ดูแลคนของท่านให้ดี ข้าเป็นถึงท่านอ๋องเชียวนะ”

โม่เสียนหันไปมองด้านหลัง ทว่ากลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียว จึงต้อนรุนแรงยิ่งขึ้น

“ท่านอ๋องแปด คราก่อนท่านพูดกับพวกเราว่าในโลกหล้าทุกแห่งหนใช่ว่าไร้บุปผาหอม อย่าได้ยึดมั่นอยู่กับมาลีเพียงดอกเดียวมิใช่หรือ? ทั้งยังโน้มน้าวใจพวกเราให้เรียนรู้จากท่านให้ดี ว่าหากว่าง ๆ ก็ให้ไปจิบสุราเคล้านารีที่หอคณิกา อย่าได้เอาอย่างท่านอ๋องของพวกเรามิใช่หรือ? ท่านอ๋องแปด ท่านว่า หากข้าน้อยนำคำพูดเหล่านี้ไปบอกแม่นางจิน นางจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไรหรือขอรับ?”

เย่ฮ่าวหรานถึงกับหน้าถอดสี เจ้าพวกบ้านี่ อยู่กับพี่ห้านานเกินไปจึงเรียนรู้เรื่องไม่ดีเข้าแล้ว คำพูดล้อเล่นเหล่านี้จะนำไปบอกหลีเอ๋อร์ได้หรือ? เช่นนั้นคงไม่ต่างกับการที่เขาไม่ต้องการชีวิตแล้ว

“พวกเจ้า…พวกเจ้า…” เย่ฮ่าวหรานโกรธจนริมฝีปากสั่นระริก ของที่อยู่ในอ้อมกอดก็แทบจะถือไว้ไม่อยู่ เสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้น พร้อมกับกระเป๋าเงินใบหนึ่งหล่นลงบนพื้น

เผิงอิงสายตาเฉียบแหลม รีบพุ่งตัวมาด้านหน้าและเก็บกระเป๋าขึ้นมา เลิกคิ้วแย้มยิ้ม “ของชิ้นนี้ คงมิใช่สิ่งที่แม่นางอื่นมอบให้ท่านอ๋องแปดหรอกกระมัง”

เย่ฮ่าวหรานชะงัก ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันใด ก่อนจะตะโกนไปด้านหลังของพวกเขา “พี่ห้า ของชิ้นนี้เป็นของแม่นางแซ่อวี้คนนั้น เมื่อครู่พวกเราเพิ่งรู้ความลับใหญ่ของแม่นางอวี้คนหนึ่งมา นางเนี่ย…”

“โม่เสียน เผิงอิง ถอยออกไป” จู่ ๆ ด้านในประตูใหญ่ของตำหนักอ๋องก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น

ผู้อารักขาทั้งสองที่จากเดิมกำลังหยอกล้อเย่ฮ่าวหรานถึงกับเก็บสีหน้า ไม่มีการขยับตัวแม้แต่น้อย แต่กระโดดกลับเข้าไปด้านในประตูใหญ่ของจวนอ๋อง

เย่ฮ่าวหรานถอนหายใจอย่างโล่งอก ข้างหูได้ยินเสียงของเย่ซิวตู๋ดังขึ้น “เข้ามา”

บนใบหน้าของเย่ฮ่าวหรานปรากฏรอยยิ้ม หอบของเหล่านั้นวิ่งเข้าไปด้านในอย่างมีความสุข ตอนที่เดินมาถึงข้างกายของโม่เสียนและเผิงอิง ยังมองพวกเขาอย่างภาคภูมิใจด้วย

หลังจากเดินตามเย่ซิวตู๋เข้ามาในห้องตำรา เย่ฮ่าวหรานจึงวางของในมือลงบนโต๊ะตำรา

“ของเหล่านี้ เป็นของนางจริง ๆ หรือ?” เย่ซิวตู๋หยิบผ้าเช็ดหน้าปักลายผืนหนึ่งที่ถูกเผาไปครึ่งหนึ่งขึ้นมา อันที่จริงนี่เป็นเรื่องยากมากที่จะจินตนาการได้ว่ามันเป็นสมบัติของอวี้ชิงลั่ว อีกอย่าง เหตุใดถึงได้ถูกเผาจนกลายเป็นเช่นนี้? ราวกับว่าเพิ่งแย่งออกมาจากกองไฟอย่างไรอย่างนั้น

เย่ฮ่าวหรานตามจินหลิวหลีออกไปนานขนาดนั้น ทั้งยังวิ่งระยะไกลอีก บัดนี้ไม่อยากให้ขาคู่นั้นของตนเองเหนื่อยล้าอีกต่อไป จึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า พยักหน้ากล่าวว่า “พวกเราเข้าไปในจวนอวี้โดยไม่ทันระวัง อืม ก็เลยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับอวี้ชิงลั่วในตอนนั้น พี่ห้า หลายปีมานี้อวี้ชิงลั่วคงเลี้ยงดูลูกด้วยความยากลำบากจริง ๆ”

ก็แค่สตรีนางหนึ่ง แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดอวี้ชิงลั่วถึงได้มีบุตรกับพี่ห้า แต่สิ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือตอนนั้นเป็นเพราะนางมีเด็กอยู่ในท้อง จึงทำให้นางถูกตระกูลอวี๋ตราหน้าว่าเป็นสตรีไร้ยางอาย

เรื่องไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้นเขาก็เคยได้ยินมาก่อน เมื่อหกปีก่อนเคยมีการพูดคุยกันตามท้องถนน บอกว่าลูกสะใภ้สาวของตระกูลอวี๋แอบออกไปเล่นชู้ ทั้งยังตั้งครรภ์ลูกอีกหนึ่งคนในท้อง สตรีประพฤติตัวไม่ดีเช่นนี้แม้แต่สวรรค์ก็ทนดูไม่ได้ ยังไม่ทันได้ถูกจับขังถ่วงน้ำในวันรุ่งขึ้น ในคืนนั้นก็ถูกฟ้าผ่าตายเสียแล้ว

เรื่องนี้เย่ฮ่าวหรานย่อมทราบดี ทว่าเรื่องที่แอบไปเล่นชู้ก็ไม่ได้มีแค่ตระกูลเดียว สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อก็คือลูกสะใภ้ตระกูลอวี๋ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ด้วยการถูกฟ้าผ่า เรื่องนี้จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่เผ็ดร้อนภายในเมืองหลวง

ทว่าเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมากก็คือ หลังจากนั้นอีกเก้าเดือน มีคนบอกว่าอวี้ชิงลั่วตายอยู่ในวัดทรุดโทรมที่มีลมเข้าได้จากทั้งสี่ด้าน สภาพการตายช่างน่าอนาถ นางถูกเผาจนจำสภาพเดิมไม่ได้ เด็กในท้องก็ปกป้องไว้ไม่ได้เช่นกัน

ตอนนั้นเย่ฮ่าวหรานเพียงรู้สึกว่านี่เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็ทราบดีว่าอวี้ชิงลั่วถูกฟ้าผ่าตายไปแล้ว เหตุใดนางถึงได้ไปตายอยู่ในวัดทรุดโทรมที่ชานเมืองอีก?

ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจ อวี้ชิงลั่วไม่ได้ตายเพราะถูกฟ้าผ่า ตอนนั้นนางหนีรอดออกมาได้ และนางก็หนีกลับไปที่บ้านตระกูลตนเองเพื่อขอให้ตระกูลอวี้ช่วยเหลือ คิดไม่ถึงว่านอกจากจะถูกปฏิเสธแล้ว ยังทำให้เฉินจีซินและลูกสาวของนางได้ทราบเรื่องที่นางยังมีชีวิตอยู่ และนำเรื่องนี้ไปบอกอวี๋จั้วหลินด้วย

ด้วยเหตุนี้ นางจึงต้องถูกไล่ฆ่าจากตระกูลอวี๋

สตรีท้องโย้เพียงคนเดียวที่ไม่มีใครช่วยเหลือ มีบ้านก็กลับไปไม่ได้ มีญาติพี่น้องก็ไม่มีใครมองเห็น นางจึงต้องปกป้องลูกในท้องเป็นเวลาถึงเก้าเดือนเต็ม ๆ ด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว ท้ายที่สุดก็ถูกอวี๋จั้วหลินดักอยู่ในวัดทรุดโทรม และมีชีวิตรอดออกมาจากกองไฟที่โหมกระหน่ำอีกครั้ง

เย่ซิวตู๋นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงวันเกิดของหนานหนาน มุมปากเม้มเข้าหากันจนแน่น เอ่ยถามเสียงเบาแหบพร่าว่า “วันที่วัดทรุดโทรมนั่นถูกเผา คือวันและเดือนที่เท่าไร?”

“วันที่สามเดือนเจ็ดไง ทำไมรึ?”

“วันนั้น…เป็นวันเกิดของหนานหนาน” เย่ซิวตู๋รู้สึกแน่นอยู่ในอก ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วแขนขาของเขา

เย่ฮ่าวหรานเบิกตาโต ถ้าเช่นนี้ก็หมายความว่าอวี้ชิงลั่วคลอดลูกท่ามกลางไฟที่กำลังเผาไหม้วัดทรุดโทรมอย่างนั้นสิ?

“ข้าจะออกไปข้างนอกหน่อย” เย่ซิวตู๋หายใจถี่ขึ้น ไม่พูดไม่จาแต่กลับหมุนตัวและเปิดประตูห้องตำรา

“พี่ห้า…” เย่ฮ่าวหรานดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ แต่ค้นพบว่าเงาของคนคนนั้นได้หายไปแล้ว

เย่ฮ่าวหรานกลับไปนั่งอีกครั้งอย่างหวาดหวั่น มองดูของเหล่านั้นที่วางอยู่บนโต๊ะขณะลอบถอนหายใจ

หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดว่าอวี้ชิงลั่วไม่เหมาะสมกับพี่ห้าของเขาเพราะนางเคยเป็นภรรยาของอวี๋จั้วหลินมาก่อน แต่ตอนนี้ บางทีอาจไม่มีสตรีผู้ใดที่เหมาะสมกับพี่ห้าได้มากกว่านี้อีกแล้วจริง ๆ แค่นางคลอดลูกในสภาพแวดล้อมที่อันตรายเช่นนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เย่ฮ่าวหรานยืนอยู่ในห้องตำราครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องตำราไป ตอนที่เงยหน้ามองก็พบแสงจันทร์ที่อยู่ด้านหน้า จู่ ๆ ภายในใจก็อ่อนยวบลง สตรีคนนั้นที่เหมาะสมกับเขา หลังจากผ่านไปห้าปี ดูเหมือนว่าจะปรากฏตัวออกมาแล้ว

เย่ซิวตู๋แทบจะไม่คิดอะไรให้มากมาย ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องของอวี้ชิงลั่วแล้ว

นิ้วมือเคาะลงบนประตูห้องสองสามครั้ง และดึงกลับมาอย่างช้า ๆ หลังจากทำเช่นนี้ซ้ำไปสองสามหน ในที่สุดก็ผลักประตูห้องอย่างเงียบ ๆ และค้นพบกับความมืดภายในห้อง

แสงจันทร์ที่อยู่นอกหน้าต่างลอดผ่านไปถึงขอบเตียง มุมปากของเย่ซิวตู๋แห้งผากขณะเหลือบมองสตรีที่กำลังนอนหันหลังให้ตนเองอยู่บนเตียง ภายในใจพลันเกิดความยุ่งเหยิง

คือนางนี่แหละ คือนางจริง ๆ เขาไม่ต้องการใครอีกแล้ว สตรีที่ให้กำเนิดลูกของเขาทั้งยังทำให้เขาคิดถึงคะนึงหา ก็คือนาง

เย่ซิวตู๋เดินมานั่งข้างเตียงอย่างช้า ๆ ครั้นนึกถึงคำพูดของนางที่เคยพูดอยู่หลายหนว่าซ่อนอาวุธไว้ทว่ากลับไม่ได้ลงมือทำ เขาก็แอบหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เสียงแผ่วเบานั้นทำให้อวี้ชิงลั่วถึงกับตื่นตัว วินาทีต่อมาจึงผ่อนคลายลงอีกครั้ง นางกลอกตาอย่างจนปัญญาและเอ่ยปากถามว่า “ท่านมาทำอะไรอีก…ท่านจะทำอะไรเนี่ย?”

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ความลับอ๋องแปดแตกแล้ว อย่าให้รู้ถึงหูหลิวหลีแล้วกันค่ะ

ชีวิตชิงลั่วตอนนั้นคือรันทดจริงค่ะ ไม่มีใครซัพเลย บ้านสามีก็รังเกียจ บ้านแม่ตัวเองก็ไม่ยอมช่วยเหลือ

ไหหม่า(海馬)