ตอนที่ 234 รอจนกว่าจะออกมา แล้วจะดูแลในยามชราเอง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 234 รอจนกว่าจะออกมา แล้วจะดูแลในยามชราเอง

ตอนที่ 234 รอจนกว่าจะออกมา แล้วจะดูแลในยามชราเอง

หลินจินซานได้ยินว่าเซี่ยไห่กลับมาก็รีบร้อนจะกลับไปทำงาน เขาพูดกับหลินเซี่ยว่า “แม่จะมีเรื่องสำคัญอะไรกัน? รอจนกว่าฉันจะเลิกงานแล้วค่อยคุยกันก็ได้ เจ้านายกลับมาแล้ว ฉันต้องรีบกลับไปทำงาน ตอนนี้ถือเป็นช่วงทำผลงาน ต้องสร้างความประทับใจให้กับเขาซะหน่อย ไม่งั้นฉันคงชวดตำแหน่งดี ๆ แน่ หลังห้องเต้นรำเปิด ฉันอาจจะได้เป็นหัวหน้าแผนกก็ได้นะ”

“พี่ชาย รอก่อนเถอะ เรื่องที่แม่อยากจะคุยสำคัญกว่างานของนายมาก”

หลินเซี่ยทำหน้าจริงจังมาก ปฏิเสธที่จะปล่อยให้เขาไป หลินจินซานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินกลับเข้าไปในห้อง “อะไรมันจะสำคัญขนาดนั้น? สำคัญกว่าการเป็นหัวหน้าของฉันอีกเหรอ?

หลินเยี่ยนอดบ่นไม่ได้ “พี่ชาย ในหัวพี่นี่มีแต่เงิน ๆๆ จริง ๆ”

“ถ้าฉันไม่หาเงินแล้วจะทำยังไง? พวกเราอยู่กันเองโดยไม่มีเงินได้เหรอ?” หลินจินซานกลอกตาไปที่น้องสาวของเขา “สมัยฉันยังอยู่ที่บ้านเกิด ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านเราจน ย่าจะยอมให้เธอออกไปทำงานในร้านอาหารไหม?”

เมื่อพี่ชายและน้องสาวเริ่มจะทะเลาะกัน หลินเซี่ยก็ตะโกนเรียกหลิวกุ้ยอิงจากหน้าประตูว่า “แม่ พวกเราพร้อมแล้ว รีบหน่อยค่ะ”

หลิวกุ้ยอิงถูกหลินเซี่ยตีวงล้อมแล้ว ไม่สามารถหลบหนีได้อีก

หล่อนยืนลังเลในลานบ้านอยู่นาน ก่อนจะก้าวเท้าหนัก ๆ กลับเข้าไปในบ้าน

หลินจินซานสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของหลิวกุ้ยอิง จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ ทำไมถึงทำหน้าตาน่าเกลียดแบบนั้น แม่มีเรื่องอะไรจะบอกเหรอ? ผมคิดว่าแม่ทำเงินได้เยอะแท้ ๆ แต่สังเกตจากสีหน้าแล้วเหมือนคนขาดทุนมากกว่า”

หลินเยี่ยนเร่งเร้าอีกแรง “จริงค่ะ แม่ เกิดอะไรขึ้นคะ? รีบบอกเร็ว ๆ เถอะ ฉันยังต้องหั่นแป้งต่อ ช้ากว่านี้เดี๋ยวจะออกไปตั้งแผงสายนะคะ”

หลิวกุ้ยอิงเดินลากเท้าอันหนักอึ้งเข้ามา จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้

เด็กทั้งสามมองตรงไปที่หล่อน ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังไม่ยอมพูดอะไร

หลินเซี่ยมองหน้าหล่อนแล้วพูดว่า “แม่ บอกพวกเราเถอะค่ะ เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง”

หลินจินซานรู้สึกแปลกใจมากกับคำพูดของหลินเซี่ย เขาถามอย่างประหลาดใจ “ความจริง? ความจริงอะไร? ใช่ความจริงเรื่องสลับตัวเด็กในตอนนั้นหรือเปล่า?”

หลินจินซานสังเกตใบหน้าของหลิวกุ้ยอิง เห็นว่าวันนี้ใบหน้าของหล่อนเคร่งขรึมยิ่งกว่าทุกครั้ง ทั้งยังเอาแต่ก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะมองพวกเขา ราวกับกลัวการเผชิญหน้าต่อสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดพลาด

ทันใดนั้นหลินจินซานก็มีท่าทางตะลึงลาน ในใจเริ่มคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ไม่รู้ว่าผุดความคิดนั้นออกมาได้อย่างไร เขามองไปที่หลิวกุ้ยอิงด้วยความหวาดกลัวและถามว่า “แม่ แม่คงไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอกใช่ไหม?”

เมื่อเห็นว่าหล่อนเงียบไป หลินจินซานจึงเข้าใจไปเองว่าหล่อนยอมรับ เขาพูดด้วยความตกใจสุดขีด “พระเจ้าช่วย ตอนนั้นแม่จงใจอุ้มเด็กกลับมาผิดคนใช่ไหม? การแอบสลับลูกของคนอื่นอย่างลับ ๆ เป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ แม่โดนโทษจำคุกเพราะเรื่องนี้แน่”

หลินจินซานรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มเพียงแค่คิดถึงมัน เขาลุกยืนขึ้น วางมือเท้าสะเอว หันรีหันขวางอย่างกังวลใจ

“บอกมาตรง ๆ เถอะ ในเมื่อแม่เป็นคนทำแบบนั้น แล้วแม่ไปแจ้งความทำไม! นี่ไม่เท่ากับเป็นโจรแต่เรียกจับโจรหรอกเหรอ? เราควรทำยังไงกันดี เราทนเห็นแม่โดนจับเข้าคุกไม่ได้หรอกนะ?”

หลินจินซานเกือบจะร้องไห้

เดิมทีหลินเซี่ยต้องการขัดจังหวะหลินจินซาน และบอกเขาว่าอย่าจินตนาการฟุ้งซ่านมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเห็นว่าหลินจินซานดูวิตกกังวลอย่างมาก เธอก็กลืนคำพูดของตัวเองกลับลงคออีกครั้ง

เธอก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าหลินจินซานจะปฏิบัติต่อหลิวกุ้ยอิงอย่างไร เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้

ขณะที่หลิวกุ้ยอิงกำลังจะอธิบาย หลินเซี่ยก็ขยิบตา ส่งสัญญาณให้หล่อนหยุดพูด

“แม่ แม่คงไม่ได้ทำแบบนั้นจริง ๆ หรอกใช่ไหม? แม่กลายเป็นคนแบบนั้นไปได้ยังไง?” หลินจินซานไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่ที่ทั้งใจดีและซื่อสัตย์จะคิดไม่ซื่อแอบสลับเปลี่ยนลูกของคนอื่น

หลินเยี่ยนก็พูดอย่างเป็นกังวลเช่นกัน “แม่ ฉันเชื่อว่าแม่ไม่ได้ทำแบบนั้นแน่นอน บอกพวกเราเร็ว เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่? มีใครจงใจคนใส่ร้ายแม่หรือเปล่า?”

“แล้วถ้าแม่เป็นคนทำแบบนั้นจริง ๆ นายจะทำยังไงล่ะ?” หลินเซี่ยมองไปที่หลินจินซานแล้วถาม

“ถ้าคนร้ายกลายเป็นแม่จริง ๆ…”

หลินจินซานนิ่งเงียบ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “เซี่ยเซี่ย ต่อให้แม่ของพวกเราจะทำอย่างนั้นจริง แต่หล่อนก็ทำลงไปเพื่อให้เธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม่ไม่ได้ทำให้วัยเด็กของเธอต้องตกระกำลำบากเลย เธอไม่สามารถตำหนิแม่ได้”

หลังจากพูดอย่างนั้น หลินจินซานก็ถอนหายใจอย่างหนัก “แต่เมื่อเป็นแบบนี้ เสิ่นอวี้อิ๋งก็ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบจริง ๆ สมควรแล้วที่คนอื่นจะโกรธแค้นบ้านเรา”

หลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจของหลินจินซาน ในที่สุดหลินเซี่ยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลินจินซานถึงได้สนิทสนมใกล้ชิดกับเสิ่นอวี้อิ๋งมากในชาติก่อน ทั้งยังช่วยหล่อนทำธุระต่าง ๆ มาโดยตลอด

นั่นก็เพราะหลินจินซานเชื่อว่าต้นเหตุของการสลับตัวเด็กเป็นความผิดของหลิวกุ้ยอิง เขาจึงรู้สึกผิดเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นอวี้อิ๋ง

หลินจินซานมองไปที่หลิวกุ้ยอิง บ่นด้วยความโกรธอย่างอดไม่ได้ “แม่ ทำไมตอนนั้นแม่ถึงคิดเลอะเลือนแบบนั้นไปได้?”

“พี่ชาย ถ้าแม่เป็นคนทำเรื่องแบบนั้นจริง ๆ พี่จะยังถือว่าท่านเป็นแม่อยู่ไหม?” หลินเซี่ยมองเขา ถามตรง ๆ จากใจ

“ต้องนับถือแบบเดิมอยู่แล้ว”

หลินจินซานพูดกับหลิวกุ้ยอิงอย่างเคร่งขรึม “แม่ ไม่ต้องกังวลนะ ในเมื่อแม่ทำในสิ่งที่ละเมิดกฎหมายและก่ออาชญากรรม แม่ก็ต้องรับผิดชอบผลของการกระทำ ไม่ต้องกังวล หลังจากแม่ออกมาแล้ว ผมจะหาลู่ทางเลี้ยงดูแม่เอง”

หลังจากที่หลินจินซานพูดจบ เขาก็หันไปบอกหลินเซี่ยอีกครั้ง “เซี่ยเซี่ย แม่ทำแบบนั้นลงไปก็เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น เธอต้องเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของหล่อน อย่าตัดสินอย่างรุนแรงเกินไป”

หลินเซี่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินคำตอบของหลินจินซาน เห็นได้ว่าหลินจินซานถือว่าหลิวกุ้ยอิงเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาจริง ๆ

ต่อให้แม่จะก่ออาชญากรรม เขาก็ยังเต็มใจที่จะเลี้ยงดูหล่อนในอนาคต

หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “พี่ชาย พี่เข้าใจผิดแล้ว ตำรวจยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคดีที่ฉันกับเสิ่นอวี้อิ๋งถูกอุ้มสลับตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ นายควรเชื่อในนิสัยใจคอของแม่เรา ท่านไม่ใช่คนแบบนั้น”

หลินเยี่ยนที่หน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“แม่ทำให้ฉันกลัวแทบตาย ทำไมไม่บอกตั้งแต่เนิ่น ๆ ล่ะ? คิดจะเล่นกับความรู้สึกหรือยังไง?”

หลินจินซานตบหน้าอกอย่างโล่งใจ กลอกตาไปทางหลินเซี่ย และถามหลิวกุ้ยอิง “แม่ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้ทำหน้าขมขื่นเหมือนคนอมทุกข์แบบนั้นล่ะ?”

หลิวกุ้ยอิงสบตากับหลินจินซาน ทันใดนั้นก็หลบเลี่ยงทันที

เห็นได้ชัดว่าหล่อนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี

หลินเซี่ยพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่ ดูสิคะ ถึงแม้แม่จะกลายเป็นอาชญากร แต่ลูกชายคนโตก็ยังเต็มใจที่จะเลี้ยงดูแม่ในวัยชรา คราวนี้ยังต้องกังวลอะไรอีก? สำหรับเขาแล้ว แม่ถือเป็นแม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และนั่นก็เพียงพอแล้ว”

“จินซาน ขอบใจนะ”

ปฏิกิริยาของหลินจินซานเมื่อครู่นี้ทำให้หลิวกุ้ยอิงรู้สึกอบอุ่นจริง ๆ

คำพูดของเขาทำให้หลิวกุ้ยอิงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างหล่อนกับหลินจินซานก็กินระยะเวลายาวนานถึงยี่สิบปี เป็นไปไม่ได้ที่จะแตกหักเพียงเพราะตัวตนของหลินเซี่ย

หลิวกุ้ยอิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ มองดูลูกทั้งสามคน จากนั้นรวบรวมความกล้า ในที่สุดก็พูดว่า “จินซาน เสี่ยวเยี่ยน สิ่งที่แม่ต้องการบอกลูกทั้งสองในวันนี้มีความเกี่ยวข้องกับเซี่ยเซี่ยจริง ๆ”

หล่อนพูดอย่างเคร่งเครียดต่อไปว่า “ถึงอย่างนั้น แม่ไม่ได้เป็นคนจงใจสลับตัวหล่อนแน่นอน ดังนั้นอย่ากังวลไปเลย ต่อให้แม่คนนี้จะไร้ความรู้ความสามารถ แต่ก็ไม่มีวันทำอะไรที่ไร้ยางอาย”

“แม่ ถ้าอย่างนั้นเซี่ยเซี่ยเป็นอะไร?” หลินจินซานเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก บรรยากาศก็เริ่มหนักอึ้งลงทุกขณะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

“จินซาน ลูกน่าจะจำได้ ตอนที่แม่ตามพ่อของลูกกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน ตอนนั้นแม่ก็ตั้งท้องน้องสาวของลูกแล้ว” หลิวกุ้ยอิงมองไปที่หลินจินซานเป็นเชิงถาม

“เหมือนผมจะจำได้ราง ๆ”

หลินจินซานนึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อของเขาพาสาวสวยกลับมาในตอนที่เขายังเด็ก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะลืมเลือน “ผมจำได้ว่าตอนนั้นคนในหมู่บ้านต่างบอกว่าพ่อไม่ธรรมดาเลย ทั้งที่ตัวเองเป็นพ่อม่ายลูกติด แต่กลับหาภรรยาที่ยังสาวสวยแบบนี้กลับมาได้ ถึงแม่จะมาจากชนบทห่างไกล แต่หลายคนก็ยังอิจฉา ป้า ๆ ในหมู่บ้านมักจะแวะมาเยี่ยมเยียนบ้านเราทุกวัน”

หลังจากที่หลินจินซานพูดจบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาก็ถามอย่างสงสัย

“แม่ ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”

เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ของหลินจินซาน ในที่สุดหลิวกุ้ยอิงก็ไม่คิดจะบ่ายเบี่ยงอีก ยอมเปิดเผยความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจของเธอมานานยี่สิบปี “จินซาน จริง ๆ แล้ว ก่อนที่แม่จะมาเจอกับพ่อของลูก ในท้องแม่ก็มีน้องสาวของลูกแล้ว”

“หมายความว่าไง?” หลินจินซานถาม

“คือว่า… แม่… แม่เคยมีคนรักคนหนึ่ง ก่อนที่จะมาเจอพ่อ”

หลิวกุ้ยอิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะหยิบยกเหตุผลอะไรมาประกอบเพื่อให้หลินจินซานยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้ง่ายขึ้น

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ค่อยๆ เล่าออกมานะคะ เข้าใจว่าการเผชิญความจริงอาจดูน่ากลัว แต่ถ้ายังปิดบังต่อไปมันจะยิ่งคาราคาซังมากกว่าเดิมอีกนะ

ไหหม่า(海馬)