ตอนที่ 233 บุคคลต้นแบบกลายเป็นพ่อตา

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 233 บุคคลต้นแบบกลายเป็นพ่อตา

ตอนที่ 233 บุคคลต้นแบบกลายเป็นพ่อตา

เซี่ยไห่มองเฉินเจียเหออย่างจริงจัง และมอบความไว้วางใจให้เขาทำธุระแทน “ช่วยคุยเรื่องพี่ใหญ่ฉันกับหล่อนให้มากขึ้นด้วย นายน่าจะรู้ดีที่สุดว่าพี่ชายฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากแค่ไหนในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา แค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องปาฏิหาริย์มากแล้ว อย่าให้หลินเซี่ยและแม่ของเธอคิดกับพี่ใหญ่ฉันในแง่ลบเลย”

“รู้แล้ว นายเองก็อย่าเพิ่งรีบรวบรัดให้หล่อนเป็นหลานสาวเลย ค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้น ยังไงหล่อนก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับนาย หนีไม่พ้นหรอก”

ได้ยินดังนี้ เซี่ยไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “นายพูดถูก หล่อนเป็นครอบครัวเดียวกับฉันแล้ว หนีไม่พ้นแน่นอน”

เฉินเจียเหอโบกมือไล่อย่างไม่อดทน “กลับไปพักผ่อนเถอะ หลังจากเซี่ยเซี่ยปรึกษาความคิดเห็นของแม่ยายฉันเมื่อไหร่ เราจะรีบนัดหมายให้นายได้ไปเจอหล่อน”

“ฉันจะรอ”

เซี่ยไห่ก้าวไปข้างหน้า เมื่อคิดอะไรบางอย่างออกก็หันมาเรียกเฉินเจียเหออีกครั้ง “จริงสิ นายช่วยเป็นธุระให้ฉันอีกเรื่อง ลองให้ใครสักคนไปดูว่าพอจะมีบ้านในบริเวณใกล้เคียงที่มีสภาพแวดล้อมดีและพร้อมขายบ้างไหม จะดีที่สุดถ้า หิ้วกระเป๋าใบเดียวแล้วย้ายเข้าอยู่ได้ทันที แต่ต้องเก็บเป็นความลับหน่อยนะ”

“เพราะอะไร?” เฉินเจียเหอถาม

เซี่ยไห่ตอบกลับ “แม่ฉันกับคนอื่น ๆ กำลังจะเดินทางมาที่นี่ แม่สาวดาราใหญ่กลัวว่าการเดินทางของหล่อนจะเอิกเกริกเกินไป หล่อนต้องการความเป็นส่วนตัวสูงเป็นพิเศษ ดังนั้นโปรดช่วยฉันหาบ้านที่มีคุณสมบัติที่ว่าด้วย”

เฉินเจียเหอรับคำ “ได้ ไว้ฉันจะไปถามเพื่อนร่วมงานให้”

“ว่างแล้วก็แวะเวียนไปเยี่ยมเขาบ้าง นั่นพ่อตาของนายเลยนะ”

“วางใจได้”

เฉินเจียเหอรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินคำว่า ‘พ่อตา’

เขา ถังจวิ้นเฟิง และคนอื่น ๆ ต่างก็มองว่าเซี่ยเหลยเป็นบุคคลต้นแบบและวีรบุรุษในใจของพวกเขามาโดยตลอด หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของวีรบุรุษสงครามคนนี้เสมอมา

ตอนนี้ความปรารถนานั้นกำลังจะเป็นจริงแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกลายเป็นลูกเขยของบุคคลต้นแบบของตัวเองอีกด้วย

ช่างเป็นโชคชะตาที่แสนวิเศษ และสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่เสียจริงบราวนี่ออนไลน์

เมื่อเขาเข้าไปในบ้าน หลินเซี่ยก็ถาม

“ทำไมพวกคุณใช้เวลานานขนาดนี้? หลังจากคุยกันในบ้านแล้วยังออกไปคุยกันข้างนอกต่ออีกเหรอ?”

เฉินเจียเหออธิบายว่า “สหายเซี่ยเหลยกับแม่ของเขาและคุณเซี่ยอวี่กำลังออกเดินทางมายังไห่เฉิงในเร็ว ๆ นี้ เซี่ยไห่ก็เลยขอให้ผมช่วยเป็นธุระจัดหาบ้านให้พวกเขาน่ะ”

น้ำเสียงของเฉินเจียเหอเต็มไปด้วยความคาดหวังและตั้งตาคอย

อารมณ์ของหลินเซี่ยค่อนข้างซับซ้อน เธอดูกังวลเกินจะอธิบายเป็นคำพูด

เฉินเจียเหอจึงขยับเข้าไปใกล้เธอให้มากขึ้นพร้อมกับถามเบา ๆ

“เป็นอะไรไป? คุณไม่สบายใจเหรอ?”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่เป็นห่วงความรู้สึกของแม่ฉัน หล่อนเป็นคนซื่อสัตย์เกินไป มักจะรู้สึกว่าการได้กลับไปเจอเซี่ยเหลยอีกครั้งจะเป็นการทำให้พ่อหลินต้าฝูขุ่นเคือง แล้วหล่อนก็กลัวว่าหลินจินซานและหลินเยี่ยนจะรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตที่แท้จริงของฉัน หล่อนยังเอาชนะอุปสรรคทางจิตใจของตัวเองไม่ได้ ทำให้ฉันพลอยไม่อยากเจอเซี่ยเหลยไปด้วย ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้หล่อนจะยอมผ่อนปรนและเต็มใจที่จะเจอกับเซี่ยไห่ไหม”

หลินเซี่ยพูดต่อไป “จริง ๆ แล้ว ฉันพอจะเข้าใจอารมณ์ของหล่อนอยู่หรอก หล่อนเป็นคนที่เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยามาก แม้ว่าฉันจะไม่เคยเจอหลินต้าฝูมาก่อน แต่ฉันก็บอกได้จากคำบอกเล่าของทุกคนว่าหลินต้าฝูเป็นคนดี เขาปฏิบัติต่อแม่ของฉันและเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างดีที่สุด เพราะตระหนักเสมอว่าเสิ่นอวี้อิ๋งเป็นลูกสาวของวีรบุรุษสงคราม ดังนั้นเขาจึงลำเอียงต่อหล่อนเป็นพิเศษมาหลายปี ในขณะที่แม่ฉันปฏิบัติต่อหลินจินซานเหมือนลูกชายของหล่อนแท้ ๆ หลินจินซานก็ถือว่าแม่ฉันเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเขา เป็นธรรมดาที่หล่อนจะไม่ต้องการทำลายความสมดุลนี้ ไม่ต้องการให้หลินจินซานรู้ความจริง เพื่อที่จะไม่สร้างช่องว่างระหว่างพวกเรา”

เฉินเจียเหอหนุนแขนไว้ด้านหลังศีรษะ พลางถอนหายใจ “ใช่แล้ว แม่ยายเป็นคนที่เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์และความยุติธรรมเหนือสิ่งอื่น หล่อนสนิทสนมกับพี่เขยเหมือนเป็นแม่ลูกกันแท้ ๆ เราพอเข้าใจความกังวลของหล่อนได้”

“นอนกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปหาพวกเขา”

หลินเซี่ยมีเรื่องในใจให้คิดมากเกินไป แทบข่มตานอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน เธอไปที่บ้านของหลิวกุ้ยอิงตั้งแต่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น

เมื่อเธอไปถึง ก็เห็นว่าประตูบ้านยังไม่เปิด

เธอเคาะประตู ไม่นานหลินจินซานก็ออกมาเปิดประตูให้ เขาหาวขณะที่เปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะของตัวเอง

หลินจินซานตกใจเมื่อเห็นเธอ “น้องสาว ทำไมมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเชียวล่ะ? ทำไมใต้ตาถึงได้คล้ำหนักขนาดนี้? อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับเฉินเจียเหอมา? ไม่ต้องกลัวนะ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไปหาเขาเพื่อชำระบัญชีเดี๋ยวนี้แหละ ต่อให้เขาจะเป็นสหายน้องชายของเจ้านาย เขาก็ไม่มีสิทธิ์มารังแกน้องสาวฉัน”

หลินจินซานมองไปที่หลินเซี่ยที่อยู่ในสภาพไม่สู้ดีก็เริ่มมีอารมณ์คุกรุ่น ตั้งท่าว่าจะรีบออกไปข้างนอก

ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะคาดเดาเหตุการณ์ผิดถนัด แต่หัวใจของหลินเซี่ยกลับอบอุ่นมาก

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความกังวลของหลิวกุ้ยอิงแล้ว

ถ้าหลินจินซานรู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องเพศตรงข้ามที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่อกันเลยแม้แต่น้อย ความสัมพันธ์ทางครอบครัวระหว่างพวกเขาจะยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า?

“หยุดเลยนะ” หลินเซี่ยดึงเขาไว้ “เฉินเจียเหอไม่ได้รังแกฉัน ฉันแค่ข่มตานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ขอบตาฉันเลยคล้ำแถมตาก็บวมแบบนี้”

“อ้าว แล้วทำไมถึงมาหาพวกเราแต่เช้าแบบนี้”

“มีเรื่องบางอย่าง” หลินเซี่ยมองไปที่หลินจินซานที่ผมยุ่งเหยิงเหมือนรังนกถามว่า “นายเพิ่งตื่นเหรอ?”

หลินจินซานไอเบา ๆ และอธิบายว่า “นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเองนะ”

“เข้ามาก่อนเถอะ”

หลินจินซานต้อนรับหลินเซี่ยเข้าไปในลานบ้าน

หม้อบนเตาเดือดปุด หลินเยี่ยนเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการนึ่งแป้งเหลียงเฝิ่น

เมื่อเห็นหลินเซี่ย หล่อนก็ยิ้มแล้วถามว่า “พี่สาว ทำไมมาที่นี่แต่เช้าล่ะ?”

“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแม่ แม่อยู่ไหน?” หลินเซี่ยถาม

“แม่อยู่ในครัวค่ะ”

หลินเซี่ยไปที่ห้องครัวเพื่อตามหาหลิวกุ้ยอิง ซึ่งกำลังจะตั้งน้ำมันบนเตาน้ำมันก๊าดเพื่อทำอิ๋วโพล่าจื่อ

“แม่คะ”

“เซี่ยเซี่ย มาหาแม่แต่เช้าเลยเหรอ?”

หลินเซี่ยทำหน้าจริงจัง “มีความคืบหน้าแล้วค่ะแม่”

หลิวกุ้ยอิงมองดูท่าทางของเธอ ทันใดนั้นหัวใจของหล่อนก็เต้นระรัวขึ้นมา

“เซี่ยไห่กลับมาแล้ว” หลินเซี่ยพูดต่อไป

หลิวกุ้ยอิงหันหลังให้เธอ หลังจากได้ยินแบบนั้นก็ตอบรับในลำคอแล้วนิ่งไปนาน

หลินเซี่ยยืนอยู่ด้านหลังหลิวกุ้ยอิง ตรงไปยังประเด็นสำคัญ “เขาอยากเจอแม่”

หลิวกุ้ยอิงไม่ตอบสนอง ในสมองเอาแต่คิดวนเวียนถึงเรื่องที่หลินเซี่ยเล่าให้ฟังเสมอ จนกระทั่งน้ำมันในหม้อเดือดพล่าน ถึงเริ่มยกหม้อน้ำมันแล้วเทลงไปผสมกับพริกในขวดโหล

กระบวนการนี้จะต้องแม่นยำเรื่องการทดสอบอุณหภูมิน้ำมัน เพราะถ้าควบคุมอุณหภูมิน้ำมันไม่เหมาะสม ตัวพริกจะเหม็นไหม้ ซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติตามมา

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลินเซี่ยส่งผลต่อหลิวกุ้ยอิงมาก หล่อนเสียสมาธิไปครู่หนึ่ง เทน้ำมันเดือดจัดลงในขวดโหลพริกโดยไม่รอให้อุณหภูมิของน้ำมันลดลงเสียก่อน

ไม่นานกลิ่นพริกไหม้ก็โชยฉุนไปทั่วทั้งห้องครัว

หลินเซี่ยเห็นแม่ของเธอทำงานผิดพลาดเพราะอาการเหม่อลอย จึงพูดว่า “แม่ หยุดทำงานก่อนเถอะค่ะ เรามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า”

หลิวกุ้ยอิงยังคงเลือกที่จะหลบหนี ไม่กล้าหันกลับมาเผชิญหน้าเธอ “รอจนกว่าแม่จะทำงานเสร็จก่อน ลูกกลับไปเปิดร้านรอก่อนก็ได้”

“เซี่ยไห่กลับมาแล้ว พี่ชายก็ต้องกลับไปทำงานให้เขาเร็ว ๆ นี้เหมือนกัน แม่คิดว่าเราสองคนจะซ่อนมันไว้จากเขาได้นานแค่ไหน?”

หลินเซี่ยพูดต่อ “แทนที่จะปล่อยให้เขารู้ความจริงจากคนอื่น แม่ควรบอกเขาเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าเขาไปรู้ประสบการณ์ชีวิตของฉันจากเซี่ยไห่ เขาต้องเข้าใจแม่ผิดอย่างแน่นอน แม่กลัวว่าเขาจะตีตัวออกห่างจากตัวเอง แต่ดูวิธีการที่แม่เลือกใช้สิ มันส่งผลต่อความสัมพันธ์ในฐานะครอบครัวของเรายิ่งกว่าซะอีก”

หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย มือของหลิวกุ้ยอิงที่จับทัพพีก็แข็งค้างอยู่กลางอากาศ

เหมือนตกอยู่ในห้วงพันธนาการอันลึกล้ำ

ทันใดนั้น หลินเยี่ยนก็เดินเข้ามา “แม่ ฉันนึ่งแป้งเสร็จแล้ว ทางแม่ล่ะเตรียมของพร้อมหรือยัง?”

หลิวกุ้ยอิงถึงได้กลับมารู้สึกตัว รีบพูดว่า “เสี่ยวเยี่ยน เมื่อกี้นี้แม่ลืมควบคุมอุณหภูมิของน้ำมัน อิ๋วโพล่าจื่อโหลนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เราเก็บไว้ใช้เองที่บ้านเถอะ”

หลินเยี่ยนเข้ามาตรวจสอบแล้วพูดว่า “แม่ มันแค่สีเข้มกว่าเดิมนิดหน่อยเท่านั้นเอง ใช้ตามปกติก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะคะ”

แม้ว่าจะเป็นเพียงเหลียงเฝิ่นที่ขายบนแผงลอยข้างทางธรรมดา ๆ แต่หลิวกุ้ยอิงก็เข้มงวดมากในการควบคุมการผลิตอาหารทุกขั้นตอน หล่อนส่ายหัว “ไม่ได้ ถ้าพริกเผ็ดเกินไปจะส่งผลต่อรสชาติ เราเก็บไว้ปรุงกินกันเองที่บ้านดีกว่า ยังพอมีของไว้ทำขวดใหม่ได้”

“พี่สาว ดูสิว่าแม่สิ้นเปลืองแค่ไหน”

หลินเซี่ยพูดยิ้ม ๆ “เสี่ยวเยี่ยน เชื่อที่แม่พูดเถอะ เราขายอาหารการกิน สิ่งที่ทำให้เราขายดิบขายดีเป็นเพราะลูกค้ากินแล้วไปบอกต่อกันปากต่อปาก เราอย่าทำอะไรที่เสี่ยงโดนตำหนิเลยดีกว่า”

“แม่ ทำงานในครัวไปก่อนแล้วกัน ฉันจะออกไปรอที่ลานบ้าน”

หลินเซี่ยกลัวว่าถ้าเธอยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป น้ำมันพริกโหลถัดมาของหลิวกุ้ยอิงจะไหม้เป็นครั้งที่สอง เธอจึงเดินตามหลินเยี่ยนออกมาจากห้องครัว

หลังจากหลินจินซานซักผ้าเสร็จ เขาก็ถามหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย รู้ไหมว่าเถ้าแก่เซี่ยจะกลับมาเมื่อไหร่?”

“เขากลับมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”

หลินจินซานได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที รีบเปลี่ยนไปใส่รองเท้ายาง แล้วตั้งท่าจะออกจากบ้าน “จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวออกไปทำงานก่อน”

หลินเซี่ยหยุดเขาไว้ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่ชาย เดี๋ยวก่อน พอดีว่าแม่มีเรื่องบางอย่างจะบอกกับพวกเรา”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คุณแม่จะเอาชนะอุปสรรคในใจได้ไหมนะ กล้าพุ่งชนปัญหาหน่อยค่ะ รีบบอกตอนนี้จะได้รีบเคลียร์ บอกช้าไปจะเสียหายหนักกว่านี้นะคะ

ไหหม่า(海馬)