จากตึกเล็กๆไปยังประตูหลัง ระยะห่างไม่ไกลมากนัก ในไม่เช้า หลานเซี่ยวเฉิงก็หยุดจอด จากนั้นก็อุ้มหลานเสี่ยวถางตรงไปยังรถจี๊ปสีดำคันที่อยู่ข้างหน้า
ก็มีทหารยืนรออยู่ที่ข้างรถเพื่อรอออกคำสั่งอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นหลานเซี่ยวเฉิง ก็ตามมาตรฐานทำท่าวันทยหัตถ์ให้กับเขา จากนั้น ก็เปิดประตูรถที่นั่งด้านหลัง
หลานเซี่ยวเฉิงค่อยวางหลานเสี่ยวถางเข้าไปด้านใน จากนั้น ก็นั่งอยู่ข้างเธอ
ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าโทรมาจากหันจื่ออี้
เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้หันจืออี้บอกว่าเขาอยู่ข้างนอกคลับเฮ้าส์ ให้เธอให้โทรหาเขาทุกเมื่อไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์ใด
นึกถึงวันนี้ที่หันจื่ออี้เพิ่งจะช่วยชีวิตเธอ เธอรู้โทษตัวเองเล็กน้อย ก็เลยรีบรับสาย : “ รุ่นพี่จื่ออี้ ขอโทษนะคะ เป็นเพราะว่าฉันได้เจอกับคุณพ่อก็เลยรู้สึกตื่นเต้น ก็เลยลืมโทรกลับไปให้คุณ ”
หันจื่ออี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก : “ เสี่ยวถาง พวกเรานัดเจอหน่อยเป็นไง เธอจะกลับมาเมื่อไหร่ ?”
หลานเสี่ยวถางคิดอยู่สักพัก : “ คุณไม่ต้องรอฉัน ตอนนี้ฉันกำลังจะไปบ้านของคุณพ่อ แล้วก็จะพักอยู่ที่นั้นชั่วคราว ขอบคุณที่วันนี้ที่คุณช่วยฉันเอาไว้ ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะต้องทำยังไง……”
“ เสี่ยวถาง ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่เธอปลอดภัยก็ได้แล้ว ” หันจื่ออี้ : “ รอเธอจะกลับมา ยังไงฉันค่อยไปรับเธออีกครั้ง ”
หลานเสี่ยวถางไม่ค่อยอยากจะเป็นติดค้างน้ำใจของหันจื่ออี้สักเท่าไหร่ แต่ทว่าวันนี้เขาช่วยเธอเอาๆไว้อย่างมาก จึงทำได้แค่ตอบกลับไปว่า : “ โอเค ฉันรู้แล้ว ”
พอวางสายไป หลานเซี่ยวเฉิงก็ถามหลานเสี่ยวถาง : “ ถางถาง เมื่อกี้เป็นเพื่อนสมัยเรียนหรอ ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ ค่ะ เป็นรุ่นพี่เมื่อก่อน ”
เมื่อกี้ตอนที่หลานเซี่ยวเฉิงอยู่ในตึกเล็กนั้นได้ฟังจากที่หลานเสี่ยวถางนั้นเอ่ยถึงหันจื่ออี้ ดังนั้นเขาก็เลยพยักหน้า : “ ลูกบอกว่าเขาช่วยอะไรลูกไว้นะ ? ถ้าเกิดว่าลูกติดค้างน้ำใจเขา พ่อจะช่วยลูกตอบแทนกลับเอง !”
หลานเสี่ยวถางกลัวว่าหลานเซี่ยวเฉิงจะรู้เรื่องที่เธอรู้สึกปลงไม่ตกและวิ่งออกไปถนนใหญ่เพื่อให้รถชนในวันนี้ ดังนั้นเธอก็เลยรีบอธิบายไปว่า : “ ก็คือตอนที่หนูกำลังจะข้ามทางม้าลายแล้วไม่ทันได้ระวัง เขาก็เลยดึงหนูเอาไว้ครั้งหนึ่งและช่วยชีวิตหนูไว้ครั้งหนึ่ง ”
หลานเซี่ยวเฉินก็รู้สึกใจหายเล็กน้อย : “ ต่อไปจะข้ามทางม้าลายดูให้มันดีๆก่อน ทำไมโตขนาดนี้แล้วยังงูๆปลาๆอยู่อีก ? เขาดึงลูกไว้หนึ่งครั้งมันก็ถือว่าช่วยลูก ต่อไป ถ้าเขาพบเจอความลำบากอะไร ก็ให้เขามาหาพ่อได้เลย พ่อจะตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยลูกเอาไว้วันนี้เอง !”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ ค่ะ !”
รถออฟโรดก็ได้ขับผ่านที่มีต้นไม้เรียงราย หลังจากผ่านทางแยกอีกสองทาง ก็มาถึงเส้นทางของเขตทหารแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำทางแยกก็เห็นว่าเป็นป้ายทะเบียนรถของหลานเซี่ยวเฉิง ก็เลยทำความเคารพด้วยการวันทยาหัตถ์ในทันทีและปล่อยให้ผ่านไป
ระหว่างทางที่เข้าไป ก็ได้ผ่านจุดตรวจเป็นชั้นๆ ในที่สุด รถทหารก็มาถึงยังจัตุรัสลานกว้างที่มีต้นไม้เขียวขจีที่อยู่ด้านหน้า
รถออฟโรดก็หยุดจอด หลานเสี่ยวถางก็ออกมาพร้อมกับหลานเซี่ยวเฉิง หลานเซี่ยวเฉิงที่ยืนหยัดอยู่ เธอก็ยังคงฟุบอยู่ด้านหลังของหลานเซี่ยวเฉิง และทำให้เขาแบกขึ้นไปบนลานจัตุรัสของป้อมปราการ
จนกระทั่งยืนอยู่ตรงด้านบน หลานเสี่ยวถางก็เพิ่งจะรู้ว่าทำไมหลานเซี่ยวเฉิงถึงอยากได้พาเธอมาที่นี่ และเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงที่เป็นระเบียบ มันมาจากไหนอีกแล้ว
ป้อมปราการสูงประมาณ 10 กว่าเมตรได้ ดังนั้น หลานเสี่ยวถางก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่มันเป็นเพียงลานจัตุรัสของหนึ่งในนั้น แถมยังอยู่ใกล้กับบริเวณที่ถูกต้นไม้สูงใหญ่แยกออกเป็นสองส่วน และยังมีลานจัตุรัสที่เหมือนกันอยู่อีกหลานอัน โอบล้อมอยู่ทั้งสี่ทิศของฟ้าและดิน
และทุกๆลานจัตุรัสบนนั้น ก็ยังมีทหารอีกนับพันคนอยู่ ที่กำลังฝึกซ้อมอย่างเป็นระเบียบเหมือนกันทั้งหมด
ในขณะนั้น พระอาทิตย์ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออก แสงอาทิตย์สีทองสาดส่องไปทั่วลานจัตุรัส ทหารที่มีร่างกายบุคลิกที่มีความชำนาญและทรงพลัง
ในตอนนั้นเอง องครักษ์คุ้มครองก็เดินยังตรงกลางของลานจัตุรัส จากนั้นก็ทำสัญญาณมือให้กับนายทหารที่ฝึกซ้อมอยู่ด้านล่าง
นายทหารก็กลับหลังหันมาในทันที และจ้องตาเขม็งมองมายังป้อมปราการ
ทันใดนั้น หลานเซี่ยวเฉิงก็ทำความเคารพด้วยการวันทยหัตถ์จากระยะไกล
ในขณะเดียวกันกองกำลังทหารหลายนับพันในบังคับบัญชาก็หยุดการฝึกซ้อม แล้วก็กลับหลังหันมายังป้อมปราการด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย เงาที่ยืนตรง เป็นแนว ก็แสดงความเคารพต่อหลานเซี่ยวเฉิง และแววตาก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างสุดๆกับความเคารพที่ออกมาจากใจจริง : “ พลโท !”
เสียงดังกังวาน พร้อมกับเสียงที่ดังสะท้อนกลับมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลานเซี่ยวเฉิงก็ยืดตัวตรงในทันที และทำวันทยาหัตถ์ให้กับนายทหารที่อยู่ด้านล่าง
หลานเสี่ยวถางเห็นว่า นายทหารหลายพันคนที่หันหน้าไปทางป้อมอปราการนั้นกำลังซ้อมในการใช้ปืน ข้างลำตัวของพวกเขานั้น เป็นตัวปืนสีดำที่ทะมึนทึบเยือกเย็นที่แผ่รังสีออกมา
และหลังจากที่ปฏิบัติท่าทางกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ทหารนับหลายพันคนที่อยู่ลานจัตุรัสก็เงียบและคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเพียงแค่เสียงลมเท่านั้น
หลานเสี่ยวถางก็รู้ตะลึงเล็กน้อย เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองพ่อที่อยู่ข้างๆตัวเอง
รูปร่างของเขาสูงประมาณราวๆ 1.8 เมตร แล้วก็มีไหล่ที่กว้างมาก ถึงอย่างไรความหล่อเหลาบนหน้าตาก็ต้องแก่ไปตามกาลเวลา
ตอนที่เขาเห็นเธอในครั้งแรก แล้วเธอก็เห็นถึงความตื่นเต้นในตัวเขา และตอนที่เขาแบกเธอ เธอก็รู้สึกถึงความรักของพ่อ
แต่ในขณะนั้น หลานเสี่ยวถางเห็นเพียงแค่คนที่เป็นทหารคนหนึ่ง จิตใจที่เด็ดเดี่ยวกับความหนักแน่นที่อยู่ในตัวของเขา การตกตะกอนที่เคยผ่านมาตามกาลเวลา ความสามารถก็ยังคงไม่ถูกปิดบัง
พร้อมกับสัญญาณมืออย่างหนึ่งของหลานเซี่ยวเฉิง ทุกคนก็ต่างหันกลับไปยังทางเดิม จากนั้น ก็ฝึกซ้อมต่อจากเมื่อกี้
ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลพร้อมควร แต่หลานเสี่ยวถางก็ยังสามารถเห็นได้ว่าเสื้อผ้าของหลายคนนั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แต่ทว่าการเคลื่อนไหวของมือยังคงไม่ท้อถอยเลยแม้แต่สักนิด
“ ถางถาง รู้ไหมว่าพ่อกับแม่นั้นรู้จักกันได้ยังไง ?” ในขณะนั้น หลานเซี่ยวเฉิงที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา
หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกประหลาดใจในคำถาม : “ เป็นเพราะว่าแม่มาหนิงเฉิง จากนั้นพอเจอกันพ่อกับแม่ก็ตกหลุมรัก ?”
หลานเซี่ยวเฉิงส่ายหน้า : “ อันที่จริงถ้าไม่ประมือกันก็ไม่รู้จักกัน ”
เมื่อเห็นแววตาที่ไม่เข้าใจของหลานเสี่ยวถาง หลานเซี่ยวเฉิงก็อธิบาย : “ ในตอนนั้น พ่อยังเป็นแค่ยศทหารเท่านั้น พ่อกับเพื่อนไปที่สนามยิงปืนในแถบชานเมืองเพื่อเล่น พอเพิ่งไปถึงที่นั่น ก็เห็นมีผู้คนมากมายล้อมรอบอยู่เป้าหมายหนึ่ง ต่างก็มีเสียงร้องเชียร์ ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินแบบนี้ ก็อดนึกถึงภาพก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกาเคยเห็นเย่เหลียนอีเล่น ดังนั้นก็เลยยิ้ม : “ พวกเขากำลังดูฝีมือการยิงปืนของแม่อยู่รอบๆใช่ไหมคะ ?”
“ ใช่ !” หลานเซี่ยวเฉิงก็หวนคิดถึงอดีต บนแก้มก็ดูเหมือนกับว่าอ่อนเยาว์ลงหลายปีพร้อมจิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิม : “ ในตอนนั้น พ่อยังวัยรุ่ยแล้วฮึกเหิม พอเห็นว่ามีผู้หญิงที่ยิงได้ไม่เลวเลย ดังนั้นก็เลยเบียดผู้คนเข้าไป จากนั้นก็หยิบปืนที่ด้านข้างแล้วก็ยิ่งกระสุนออกไปหนึ่งลูก ”
เขายังคงพูดต่อ : “ ในตอนนั้น กระสุนของพ่อก็ตรงไปยังวงแหวน 10 คะแนน พ่อยังคงจำมันได้ ตอนที่แม่ของลูกหันกลับมาสบสายตากับพ่อ ”
“ เพราะฉะนั้น หลังจากที่พ่อกับแม่เรียนรู้ซึ่งกันและ ก็……” หลานเสี่ยวถาง
“ ก็ประมาณนั้น ในวันนั้นเธอดีกว่าเล็กน้อย พ่อในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดก็แพ้ไป 2 คะแนนของผลรวมคะแนนสุดท้าย กลับไปพร้อมกับความโกรธที่ร้อนรุ่มในใจ ” หลานเซี่ยวเฉิง : “ ด้วยเหตุนี้ หลังจากนั้นพ่อก็ฝึกซ้อมกับการยิงปืนอย่างหนัก แล้วก็มักจะชวนแม่ของลูกไปแข่ง ต่อมา พวกเราก็ต่างแพ้ชนะสลับกันไป แต่ทว่ากลับไม่แข่งกันแล้ว……”
หลานเสี่ยวถางเข้าใจ แน่นอนว่าจะต้องชอบซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นถึงได้เริ่มคบหากัน และการแข่งยิงปืนก็ถูกวางไว้เป็นอีกเรื่อง
ในขณะที่หลานเซี่ยวเฉิงพูดนั้นริมฝีปากก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “ ตอนที่ยังวัยรุ่น มักจะรู้สึกว่าเรื่องในอนาคตเป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้ ดังนั้น ต่อมาหลังจากที่รู้ฐานะของเธอแล้ว พวกเราก็ยังยืนหยัดที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ทว่า ความจริงมันก็คือความจริง ที่มีหลายสิ่งหลายอย่าง ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีความประนีประนอมเลย แต่ก็ต้องยอมจำนนใจ ”
หลานเสี่ยวถางเข้าใจความหมายของหลานเซี่ยวเฉิง เธอก็เลยพยักหน้า : “ พ่อคะ หนูรู้ค่ะ ถึงอย่างไรหนูก็ยังคงมีความหวัง ก็เหมือนกับคนและทะเลอันใหญ่กว้าง หนูกับแม่ก็ยังได้พบเจอกัน และหนูเชื่อว่ามันต้องมีสักวัน ที่ครอบครัวของพวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ”
หลานเซี่ยวเฉิงพยักหน้า : “ แต่ทว่า น้องชายของลูกที่อายุน้อยกว่า 5 ปี……”
เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย : “ รอเขากลับมา พ่อจะหาโอกาสให้ลูกไปเจอกับน้อง ถึงแม้ว่าน้องจะมีนิสัยที่ควบคุมไม่ได้อยู่บ้างเล็กน้อย ทั้งหมดก็เป็นเพราะคุณตาของเขาในปีนั้นที่รักเอ็นดูจน……”
หลานเสี่ยวถางอดที่จะหัวเราะไม่ได้ : “ ค่ะ ! หนูก็สงสัยเหมือนกันว่าน้องชายจะเป็นยังไง ?”
หลานเซี่ยวเฉิงดูเหมือนว่าพอพูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่าง จนเขาต้องขยี้ไปที่คิ้ว และเปลี่ยนเรื่องในการพูด : “ เสี่ยวถาง พวกเราเตรียมตัวไปอาหารมื้อค่ำดีไหม ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ ค่ะ ”
ในอาหารมื้อค่ำ ตามคำขอของหลานเสี่ยวถาง เธอกินข้าวพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของหลานเซี่ยวเฉิง
เธอกินข้าวในโรงอาหารกับพวกเขานับพันคน และเพิ่งจะพบว่า อะไรคือเวลากินข้าวและเวลานอนห้ามพูดคุยจริงๆ
ที่นี่แทบจะมีแต่ผู้ชาย ยกเว้น แพทย์ทหารกับองครักษ์หญิงบางส่วน คนนับพัน ผู้หญิงสามารถนับได้ด้วยมือเดียว
เพราะฉะนั้น เมื่อมีเด็กผู้หญิงวัยรุ่นนั่งอยู่ตรงข้ามของหลานเซี่ยวเฉิงในตอนนั้น และสายตาของทุกคนก็จับจ้องมองมา
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารมื้อค่ำ แล้วก็มองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็มีทหารหนุ่มบางคนที่ส่งยิ้มให้เธอ ทำให้เห็นฟันขาวสะอาดที่เป็นระเบียบ
เธอรู้สึกอายเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มกริ่มให้กับพวกเขา จากนั้นก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ
ในที่สุดก็กินจนเสร็จโดยที่ไม่พูดอะไรเลย พอหลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าทุกคนก็กินอาหารในจานอย่างสะอาดหมดจดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ว่า เธอยังไม่ไป พวกเขาก็เลยยังไม่ไป
หลานเสี่ยวถางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลานเซี่ยวเฉิง และถาม : “ พ่อคะ นี่พวกเขา……”
หลานซี่ยวเฉิง : “ ถางถาง นี่เป็นการแสดงออกให้เห็นความเป็นมิตรที่มีต่อลูก พวกเราไปเดินเล่นกัน เดี๋ยวพ่อพาไปดูรอบๆ !”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า และลุกยืนขึ้น
แต่ทว่าเธอที่เพิ่งที่จะลุกขึ้นมาก็สะดุ้งตกใจ
ทหารที่อยู่ด้านในนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอลุกขึ้น หรือเป็นเพราะหลานเซี่ยวเฉิงลุกขึ้นกันแน่ ทุกคนก็ต่างลุกขึ้นมา จากนั้นก็หันมายังหลานเสี่ยวถางและทั้งสองที่อยู่ตรงกลาง และทำวันทยาหัตถ์ด้วยความเป็นระเบียบระเรียบร้อย
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าถ้าหากตัวเองไม่แสดงเคารพอะไรหน่อยมันก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยดี ด้วยเหตุนี้ เธอก็เรียนแบบทุกคน และทำวันทยาหัตถ์ให้กับพวกเขา
แต่ทว่าท่าทางที่เธอทำนั้นไม่ได้มาตรฐานเลย แล้วก็มันดูบอบบาง ทันใดนั้น คนที่อยู่บริเวณรอบๆก็ต่างพากันหัวเราะ
เธอรู้สึกขายหน้า ก็เลยปิดหน้าเอาไว้ แทบอยากจะเอาตัวเองมุดลงดินไปเลย
“ พอได้แล้ว มีอะไรที่ควรทำก็ไปทำได้แล้ว !” หลานเซี่ยวเฉิงรู้ว่าทุกคนกำลังตลกลูกสาวของตัวเอง ก็เลยทำสัญญาณมือให้ทุกคน ส่งสัญญาณให้ทุกคนนั้นหยุดเล่น
ดังนั้น ทหารทุกคนก็ต่างตอบกลับด้วยเสียงที่พร้อมเพรียงว่า “ ครับ พลโท ” จากนั้น ก็ส่งสัญญาณมือให้กับหลานเสี่ยวถาง ให้เก็บจานอาหารของตัวเอง แล้วก็ออกจากโรงอาหาร
ใกล้ค่ำ หลานเสี่ยวถางกับหลานเซี่ยวเฉิงก็เดินเล่นอยู่ในเขตทหาร แต่ทว่าหลานเสี่ยวนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถจักรยาน และหลานเซี่ยวเฉิงก็เข็นรถจักรยาน
จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเล็กน้อย ทั้งสองถึงได้กลับไปยังตึกเล็กๆที่หลานเซี่ยวเฉิงพักอยู่
เขาได้สั่งให้คนเตรียมห้องไว้ให้หลานเสี่ยวถางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จากถามก็ถามบอกกับหลานเสี่ยวถางว่า : “ ถางถาง ต่อจากนี้ไปที่นี่ก็คือบ้านของลูก ลูกอยากจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ห้องนี้ลูกอยากจัดแต่งอะไรก็ได้เลยเต็มที่ !”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ ขอบคุณนะคะพ่อ !”
เป็นเพราะว่าในตอนกลางวันผ่านอะไรมาเยอะ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ตื่นเต้นและดีใจมาก แต่ทว่าหลานเสี่ยวถางยังคงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง เช้าในวันรุ่งขึ้น
พอเธอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าการจัดวางในห้องดูแปลกไป ก็ใจลอยไปสักพัก ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเองอยู่ที่ไหน
และในทำนองเดียวกัน กับในคอนโดมีเนียมของสือมูเฉิน ขนตาที่สั่นของเขา ก็ลืมตาขึ้นมาเช่นกัน