สือมูเฉินรู้สึกได้ว่าร่างกายนั้นอ่อนแรงไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่ศีรษะ เจ็บปวดจนแทบจะแตกออกมา
สมองของเขาตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงน้ำเย็นๆที่ตกลงมาจากด้านบนอย่างไม่ขาดสาย เขาจึงนึกขึ้นได้ว่า เพื่อบรรเทาฤทธิ์ของยา จึงใช้น้ำเย็นรดตนเองตลอด แล้วน่องก็ยังถูกกรีดไว้ด้วย……
สือมูเฉินก้มหน้ามองไปที่น่อง จึงพบว่าแค่การกระทำเช่นนี้ก็กลายเป็นความยากลำบาก ลำคอก็เจ็บปวดราวกับโดนตะกั่วมาราดรด
น่าจะเป็นการติดเชื้อและมีไข้ใช่ไหม?
แม้ว่าน่องของเขาจะห้ามเลือดไว้ได้แล้ว แต่เพราะว่าบาดแผลนั้นถูกน้ำชะล้างเป็นเวลานาน ทั้งซีดทั้งบวม ราวกับมีหนอนตัวใหญ่คืบคลานอยู่
ร่างกายที่เยือกเย็นอย่างมาก เขาจึงสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อคิดที่จะพูด เขาจึงตระหนักได้ถึงคอที่เจ็บปวดราวกับถูกไฟแผดเผา
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ใช้น้ำจากฝักบัวรดลำคอให้ชุ่มชื้น หลังจากนั้นก็พยุงตัว ประคองกำแพงที่เย็นยะเยือกลุกยืนขึ้นมา
เขาปิดฝักบัว แล้วดึงผ้าเช็ดตัวข้างๆมาห่อหุ้มร่างกายไว้ ประคองกำแพงล้มลุกคลุกคลานเดินออกไปข้างนอก
ฝืนใจเดินมาถึงห้องนอน สือมูเฉินถอดกางเกงชั้นในที่เปียกชื้นออก แล้วเช็ดตัวให้แห้งอย่างลวกๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้งและสบายตัวด้วยความลำบากยากเย็น
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว ก็ยังคงเหน็บหนาวมากจนปากสั่น แต่ทว่าส่วนลึกๆของร่างกายราวกับมีกองไฟเผาไหม้ลุกโชนอยู่
หัวของเขาหนักมาก เนื้อตัวก็เจ็บปวดไปหมด ไม่ต้องคิดเลยแน่นอนว่าเขาเป็นไข้อย่างหนัก สือมูเฉินควานหามือถือของตนเอง บนหน้าจอก็เห็นว่ามีสายไม่ได้รับหลายสาย
เพียงแต่ที่หลานเสี่ยวถางโทรเข้ามา ยังคงเป็นเพียงตอนเช้าของเมื่อวานนี้
ฉะนั้นเธอคงเข้าใจเขาผิดจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าตลอดทั้งวันนี้ไปอยู่ที่ไหน ไปหาเฉียวโยวโยวหรือเปล่า?
ไม่สิ ตอนนี้เฉียวโยวโยวยุ่งกับงานแต่งงานอยู่ คาดว่าคงไม่สะดวกที่จะดูแลเธอ!
อีกทั้งเมื่อวานตอนที่เธอไปก็เหมือนจะไม่ได้เอาอะไรไปเลย ผู้หญิงคนเดียวออกจากบ้านไปจะเจอกับอันตรายหรือเปล่า?
ด้วยความคิดนี้ หัวใจของสือมูเฉินก็ตึงแน่นขึ้นอย่างฉับพลัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานเป็นวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันที่หลานเสี่ยวถางกับพ่อของเธอนัดเจอกัน
ฉะนั้นเธอน่าจะไปหาพ่อของเธอนะ!
เมื่อนึกถึงฐานะทางสังคมของพ่อหลานเสี่ยวถาง สือมูเฉินก็ปวดหัวขึ้นมาทันที
สถานที่นั้นไม่ใช่ว่ามีเงินก็จะสามารถไปได้ หากดื้อรั้นดันทุรังเข้าไป นั่นคือการท้าทายอำนาจความมั่นคงของกองทัพจีนทั้งหมด!
ดังนั้นสือมูเฉินจึงกดเบอร์มือถือของหลานเสี่ยวถาง แล้วโทรไปหาเธอ
แต่ว่ามีแค่สัญญาณดังขึ้นที่ปลายสาย บ่งบอกว่าเธอไม่ได้เปิดเครื่อง
เขามองดูเวลา จึงพบว่าเพิ่งจะหกโมงครึ่ง เธอคงยังไม่ตื่นใช่ไหม?
เพราะเหตุนี้เขาจึงโทรไปอีกเบอร์หนึ่ง : “มาที่บ้านฉัน พาฉันไปส่งโรงพยาบาลหน่อย”
ผ่านไปยี่สิบนาที ผู้ช่วยก็ประคองสือมูเฉินลงมา แล้วไปโรงพยาบาล เมื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย จึงพบว่ามันสูงถึง 38.9°C!
อีกทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวปริมาณมากที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย เป็นการบ่งบอกว่าแผลเกิดการติดเชื้ออย่างเห็นได้ชัด
หมอได้ให้น้ำเกลือแก่สือมูเฉินอย่างรวดเร็ว และทำการรักษาบาดแผลให้
ภายใต้ฤทธิ์ของยา เขาจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงช่วงบ่าย
เวลานี้ผู้ช่วยชาร์จแบตมือถือของเขาแล้ววางไว้ข้างๆเตียง เมื่อเห็นเขาตื่นขึ้นมา ก็เดินเข้าไปพูดกับสือมูเฉินอย่างกลุ้มใจ : “ประธานสือ เมื่อกี้ฉันเห็นข่าวข่าวหนึ่ง……”
หลังจากที่ให้ยาฆ่าเชื้อสือมูเฉินไป เขาก็ดีขึ้นมากแล้ว
ถึงแม้ว่าจะยังคงเวียนหัวอยู่เล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดบนร่างกายก็ลดลงไปมาก
เขาหยิบมือถือขึ้นมา แล้วถามว่า : “ข่าวอะไร?”
“มันเกี่ยวกับคุณผู้หญิง……” ผู้ช่วยกล่าวว่า : “ฉันให้คนไปจัดการแล้ว แต่เพราะว่ามีคนช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นจึงไม่สามารถระงับไว้ได้ในเวลาอันสั้น”
สือมูเฉินขมวดคิ้วขึ้น : “ฉันขอดูหน่อย”
พูดจบเขาก็รีบเปิดเว่ยป๋อ ชั่วขณะสีหน้าก็เปลี่ยนไป
ในประเทศจีน Times Group เป็นหนึ่งในสามของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำมาโดยตลอด
และLatitude Technology ยังเป็นหนึ่งในบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับนานาชาติอีกด้วย
บังเอิญจริงๆ ที่ประธานของทั้งสองบริษัทที่ตั้งอยู่ในหนิงเฉิง ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนคนเดียวกัน!
บางทีสงครามการค้าทั่วไป ยังคงไม่เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากประชาชนได้ แต่ข่าวความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมของชายหญิงเช่นนี้ มันสามารถเป็นเปลวไฟที่ดีที่สุดที่จะจุดประกายความตื่นเต้นให้คนทั้งโลกได้!
บนนั้นมีรูปภาพมากมาย บ้างก็เป็นสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางจับมือกัน แล้วก็มีรูปหลานเสี่ยวถางกับหันจื่ออี้ที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมกัน
ที่ด้านบนมีการกล่าวบรรยาย เดิมทีหลานเสี่ยวถางกับหันจื่ออี้เป็นคู่รักกันตอนมหาวิทยาลัย แต่เพราะว่าหันจื่ออี้ไปต่างประเทศ หลานเสี่ยวถางก็เลยไปสนิทสนมกับสือมูเฉิน
แต่เมื่อหันจื่ออี้กลับมาที่ประเทศจีน ก็กลับกลายเป็นบุตรชายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Latitude ในเวลาเดียวกันเขายังเป็นรองประธานของ Latitude Technology ของประเทศจีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้หลานเสี่ยวถางจึงลังเลตัดสินใจไม่ได้ระหว่างชายสองคนนี้
บทความด้านบนยังเขียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉิน จากนั้น ก็เอ่ยถึงว่าหลานเสี่ยวถางไปทำงานที่ Latitude Technology เพิ่งจะเข้าไปที่ Latitude เธอก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทเลย บอกว่าเป็นเพราะหันจื่ออี้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อพิชิตรอยยิ้มที่สวยงามนี้ไว้
ในเวลาเดียวกัน ยังกล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้สือมูเฉินกับหันจื่ออี้เคยเข้าร่วมการประมูลการกุศล และในเวลานั้นหลานเสี่ยวถางก็นั่งอยู่ข้างๆหันจื่ออี้ด้วย แต่สุดท้ายแล้วกลับออกไปด้วยกันกับสือมูเฉิน
เรื่องราวเป็นเหตุการณ์ภายใน ทำให้คนที่ครุ่นคิดดูก็รู้สึกว่ามันน่ากลัว
น่ารังเกียจที่สุด ที่ด้านบนยังมีการลงคะแนนความคิดเห็น ให้ทุกๆคนคาดเดาว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะได้หลานเสี่ยวถางไป! อีกทั้งหันจื่ออี้ยังมีคะแนนโหวตมากกว่าเขาเป็นสองเท่า!
สุดท้ายแล้วยังมีการเสริมชุดรูปภาพ ที่เป็นภาพถ่ายของสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกันอีก
———หนังสือยอดนิยมที่สุด ที่ได้รับความสนใจในการค้นหาบนวีแชต [樱桃阅读] โหลดเลยจะได้ไม่พลาด———
อีกชุดหนึ่ง คือรูปของหลานเสี่ยวถางและหันจื่ออี้ที่อยู่ด้วยกัน
สือมูเฉินมองไปยังภาพชุดหลังนั้น รูม่านตาก็หดแคบลงอย่างรวดเร็ว
เห็นเหมือนกับเป็นร้านอาหารเล็กๆที่ไม่สะดุดตา คล้ายกับร้านอาหารเมื่อหลายปีมาแล้ว ทำให้คนคิดว่าเป็นภาพเหตุการณ์เมื่อสองสามปีก่อน
แต่สือมูเฉินรับรู้ว่า ชุดของหลานเสี่ยวถาง เป็นชุดที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไปซื้อด้วยกัน
ในภาพ หลานเสี่ยวถางและหันจื่ออี้นั่งตรงข้ามกันกำลังทานปิ้งย่างเสียบไม้อยู่ คนทั้งสองคล้ายกับเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน สบตากันแล้วยิ้ม
และรูปต่อไป หันจื่ออี้ก็ยกมือขึ้นโดยตรง ปลายนิ้ววางไปบนแก้มของหลานเสี่ยวถาง คล้ายกับกำลังลูบคลำใบหน้าของเธอ
เธอไม่ได้หลบหลีกแม้แต่น้อย เหมือนกับยอมรับในการกระทำที่สนิทสนมนี้ของเขา
นี่ก็ช่างมันเถอะ แต่รูปต่อไปมันเกินไปจริงๆ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เนื้อตัวของคนทั้งสองเปียกชื้น รวมไปถึงผมด้วย ทั้งคู่นั่งอยู่ริมฝั่ง หันจื่ออี้ยื่นมือออกไป โอบหลานเสี่ยวถางมาไว้ในอ้อมกอด
คนทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมาก ท่าทีดูสนิทชิดเชื้อ!
สือมูเฉินมองชุดที่หลานเสี่ยวถางสวมใส่แล้ว ยังคงเป็นชุดเดียวกันกับเมื่อวาน!
ดังนั้น หลังจากที่เธอเข้าใจผิดเรื่องเขากับหลานเล่อซิน ก็ออกไปหาหันจื่ออี้ทันทีเลยเหรอ?! คาดไม่ถึง ว่ายังกอดกันกลมกับหันจื่ออี้ในที่สาธารณะอีก?!”
เขามองรูปภาพบนหน้าจอ รู้สึกเพียงว่าตลอดชีวิตที่เติบโตมา ไม่เคยมีช่วงเวลาไหน ที่ไฟในหัวใจกระตุ้นให้ตนเองอยากจะเผาโลกทิ้งเท่าเวลานี้!
“โครม!” มือถือลอยออกจากฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ตกลงบนพื้น หน้าจอแตกเป็นเสี่ยงๆ
ผู้ช่วยที่ติดตามสือมูเฉินมาหลายปี เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาโมโหมากขนาดนี้
เขาตกใจจนตัวสั่น ก้าวถอยหลังไปสองก้าว แล้วกล่าวโน้มน้าวว่า: “ประธานสือครับ คุณอย่าโมโหไปเลยครับ คุณยังให้น้ำเกลืออยู่ ควรจะพยายามรักษาจิตใจให้สงบนะครับ!”
สือมูเฉินหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงแทบจะตะโกนออกมา แต่เพราะยังเป็นไข้อยู่ จึงแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบพร่า: “เจอเรื่องแบบนี้ จะสงบจิตใจได้ยังไง คุณบอกฉันมาซิ?!”
ผู้ช่วยก้มหน้าเงียบไม่พูดจา: “ประธานสือ ฉันจะส่งคนไปจัดการต่อเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ต้องแล้ว!” สือมูเฉินกล่าว: “คุณออกไปก่อน เรื่องนี้ฉันจัดการเอง!”
พูดจบ เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองโยนมือถือทิ้งไปแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า: “ไปเอามือถือสำรองในรถมาให้ฉัน”
อย่างรวดเร็ว ผู้ช่วยก็นำมือถือสำรองมาส่งให้ จากนั้นก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
สือมูเฉินเปิดเครื่องมือถือ แล้วโทรศัพท์ไปหาทางด้านของDR: “เห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตแล้วหรือยัง?”
คนที่รับสายคือPhilip เขากล่าวอย่างงุนงงว่า: “ลูกพี่ ข่าวอะไรเหรอ?”
สือมูเฉินพยายามระงับอารมณ์ที่ปะทุขึ้นที่หน้าอกแล้วกล่าวว่า: “รีเฟชเว่ยป๋อหน่อย เรื่องหัวข้อข่าวที่เกี่ยวกับฉัน”
“โอเค ลูกพี่!” Philipรีบกล่าวตอบกลับ
หลังจากเขาทำการรีเฟช สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที: “ลูกพี่ ใครใส่ร้ายคุณกับพี่สะใภ้แบบนี้?!”
“ให้เวลาพวกคุณครึ่งชั่วโมง ลบข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้ฉันทันที!” สือมูเฉินเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ดุร้าย: “แล้วก็ ไปติดตามดูที่มาของโพสต์แรก ตรวจสอบว่าตกลงเป็นใคร!”
“โอเค ลูกพี่ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้!” Philipกล่าว: “แล้วถ้ายังมีคนเผยแพร่ออกมาใหม่อีกล่ะ?”
“ก็จัดทำโปรแกรมอีกตัวหนึ่ง ข่าวทั้งหมดนี้ที่ต้องการเผยแพร่จะได้รับการเตือน” สือมูเฉินหรี่ตามอง: “ถ้าหากยังส่งต่ออีก บัญชีและคอมพิวเตอร์ของเขาจะถูกแฮ็กโดยตรง!”
“ลูกพี่สุดยอดเลย!” Philipกล่าวตอบรับว่า: “ฉันกับพวกพี่น้องจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
“ดี ทำให้ไว!” สือมูเฉินกล่าว: “อีกครึ่งชั่วโมงฉันไม่ต้องการเห็นคำวิจารณ์ที่เกี่ยวข้องบนอินเทอร์เน็ตอีก!”
“ไม่มีปัญหา!”
วางสายแล้ว สือมูเฉินก็กำมือถือแน่น สีหน้ายังคงคร่ำเครียด
เขาพิงที่หัวเตียง หลับตา ภาพที่ได้เห็นเมื่อกี้ยังคงปรากฏอยู่ตรงหน้า
เขาไม่รู้ว่าภายในใจของตนเองรู้สึกอะไร รู้เพียงว่า ตั้งแต่เริ่มแรกก็โมโหมาก จนถึงตอนนี้พอคิดขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเพราะการทรยศหักหลังของหลานเสี่ยวถาง
เดี๋ยวนะ เจ็บปวดเหรอ?
พิจารณาเล็กน้อยว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนพบเจอเรื่องแบบนี้ เขาจะไม่ฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆเหรอ?”
แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงไม่มีความคิดแบบนี้เลยแม้แต่น้อย?
ความรู้สึกนี้ ค่อนข้างแปลก ทำให้สือมูเฉินอดไม่ได้ที่จะใจลอยไปเล็กน้อย
ความโกรธเดือดดาลภายในใจค่อยๆถูกดับไปด้วยความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ สือมูเฉินบังคับตัวเองให้สงบลงอย่างช้าๆ
เขาก้มหน้ามองมือถืออีกเล็กน้อย สายตาตกไปที่บันทึกการโทรล่าสุด
จำได้ว่า หลังจากPhilipเห็นข่าวนั้นแล้ว ประโยคแรก คือพูดกับเขาว่าอะไร?
ใช่แล้ว เขาถามว่า ตกลงมันคือใคร คาดไม่ถึงว่าจะใส่ร้ายพี่สะใภ้…..
ทันใดในสมองที่ค่อนข้างหนักหน่วงของสือมูเฉินก็ได้สติขึ้นมา
เขาและหลานเสี่ยวถางก็อยู่ด้วยกันมานานแล้ว รู้ดีถึงนิสัยและการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นของเธอ เมื่อกี้ ในทันใดที่เขาเห็นข่าว ด้วยความที่กำลังอารมณ์เสียอยู่ ดังนั้น จึงโมโหไปโดยสัญชาตญาณ
แต่หลังจากโมโหแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาถูกวางยา ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตมาจนถึงวันนี้ ทั้งหมดทั้งมวล เหมือนกับพิสูจน์ให้เห็นว่า การทรยศนี้จะต้องมีคนหนึ่งที่คอยผสมโรงอยู่!
ไม่สิ จะพูดว่ามีคนผสมโรงก็จะไม่เชิง จะต้องมีคนที่วางแผนทุกสิ่งทุกอย่างนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงได้ถ่ายรูปหลานเสี่ยวถางและหันจื่ออี้เมื่อสองสามวันก่อนได้ ถึงได้สะกดรอยตามหลานเสี่ยวถางไปตลอด หลังจากที่หลานเสี่ยวถางเข้าใจเขาผิดเมื่อวานได้!
จุดประสงค์ของคนคนนั้น ชัดเจนว่าต้องการให้พวกเขาแยกจากกัน!
เขาเกือบจะหลงกลพวกเขาแล้ว!