ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ดูเหมือนจะรู้อดีตของพวกเขา ฉะนั้นจึงวางหมากแก้ได้ยากขนาดนี้
แต่จะมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่คนวางหมากคิดพลาดไปก็คือ ถึงแม้ว่าเขาจะถูกวางยาในปริมาณมากขนาดนี้ แต่เขาก็ยังคงไม่แตะต้องหลานเล่อซินเลย!
มิฉะนั้นแล้ว——
สือมูเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย ถ้าเขาได้แตะต้องหลานเล่อซินไปแล้ว เช่นนั้นหลานเสี่ยวถางกับเขาก็จะต้องแตกหักกันอย่างแน่นอน
อีกอย่างเมื่อข่าวนี้ออกมา เธอจะเคียดแค้นเขา เขาก็จะโกรธเธอ ดังนั้นการเลิกราจึงต้องเป็นบทสรุปสุดท้ายของคนทั้งสอง!
อย่างนั้นคนที่ทำเรื่องเช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
สือมูเฉินนึกถึงหนังสือที่ตนเองเคยอ่านก่อนหน้านี้ คือวิธีการทวนย้อนกลับ
หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้น ให้ก้าวไปข้างหน้าผลลัพธ์ คิดพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ ว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นคนได้รับผลประโยชน์
ถ้าเขากับหลานเสี่ยวถางเลิกกัน เช่นนั้นคนที่ได้รับผลประโยชน์อาจจะเป็นหลานเล่อซิน ถึงอย่างไร ตลอดมาเธอก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้จากเขาเลย
แล้วก็มีสือเพ่ยหลิน อย่างไรเสียเขายังมีความคิดเกี่ยวกับหลานเสี่ยวถางอยู่ อีกอย่างอาการป่วยของเขาจำเป็นต้องได้ยาจากหลานเสี่ยวถาง ตราบใดที่เขากุมหัวใจของหลานเสี่ยวถางไว้ได้ ทุกๆอย่างก็จะราบรื่นไร้อุปสรรค!
คนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนกันก็คือหันจื่ออี้ ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากข่าว แต่ถ้าหลานเสี่ยวถางเลิกกับตนเองไป เช่นนั้นหันจื่ออี้ก็จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน!
นอกจากนี้หันจื่ออี้ยังมีชุดนักวิศวกรเครือข่ายและแฮกเกอร์อยู่ข้างกาย ถ้าคอยพูดผสมโรงอยู่ ทำให้ข่าวนี้เลื่องลือออกไป เช่นนั้นมันก็ไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้อีกแล้ว!
สือมูเฉินนึกถึงตรงนี้แล้ว ก็โทรออกไปที่เบอร์หนึ่ง : “ตรวจสอบหน่อย ว่าคนที่เริ่มปล่อยข่าวคนแรก กับคนที่มาผสมโรงทีหลัง มันใช่ฝ่ายเดียวกันไหม! ระวังด้วย คนที่ผสมโรงอยู่ เป็นไปได้อาจจะไม่ได้มีแค่เพียงฝ่ายเดียว อาจจะเป็นผลมาจากพลังของหลายๆฝ่ายร่วมกัน”
ถึงอย่างไรก็ต้องการจะเห็นเขากับหันจื่ออี้เข่นฆ่ากัน ต้องการให้เขากับหลานเสี่ยวถางเลิกกัน อยากให้เขาอับอายขายหน้า แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คนเดียว!
ในเมื่อมีข่าวออกมา เช่นนั้นต้องมีคนแอบดูความสำเร็จอย่างเงียบๆ และยังคอยใส่ฟืนเข้าไปอีก!
ดังนั้นในเมื่อชัดเจนว่าเป็นแผนการของคนอื่น ถึงแม้ว่าจะเห็นรูปถ่ายเหล่านั้น เขาก็ไม่สามารถไม่แยกผิดแยกถูกแล้วยอมเชื่อว่าหลานเสี่ยวถางทำเรื่องผิดต่อเขาได้
อย่างนั้นเขาจึงจะถามเธอให้ชัดเจนด้วยตนเอง!
นึกถึงตรงนี้แล้ว สือมูเฉินจึงใช้มือถือเครื่องสำรองโทรไปหาหลานเสี่ยวถาง
แต่โทรศัพท์ของเธอก็ยังคงปิดเครื่องอยู่
สือมูเฉินมองดูเวลา ก็ต้องขมวดคิ้ว จึงตัดสินใจวางเรื่องการหาหลักฐานไว้ชั่วคราว
เพราะเมื่อวานหลานเสี่ยวถางเข้านอนเร็ว ฉะนั้นวันนี้จึงไม่ได้ตื่นสาย
ในตอนเช้าเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ หลานเซี่ยวเฉิงก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า : “ถางถาง ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะไม่ต้องออกกำลังกายมากจนเกินไป แต่ก็ต้องออกกำลังแบบพื้นฐานไว้บ้างน่าจะดีกว่า ต่อไปนี้พ่อจะพาลูกไปวิ่งด้วยกันในตอนเช้านะ”
หลานเสี่ยวถางอดคิดไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้สือมูเฉินก็พาเธอวิ่งตอนเช้าเป็นประจำ ความเศร้าในใจของเธอก็เอ่อล้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพียงแต่ยังคงพยักหน้าไป : “โอเคค่ะพ่อ เราไปสนามออกกำลังกายกันเถอะค่ะ”
หลังจากออกกำลังกายก็รู้สึกอยากอาหารขึ้นมา หลังจากที่หลานเสี่ยวถางทานอาหารเช้าเสร็จ ก็นึกขึ้นได้ว่ามือถือของตนเองปิดเครื่องไว้ตลอด ด้วยเหตุนี้จึงมีความลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงเปิดเครื่องขึ้นมา
เธอคาดไม่ถึงว่า เธอเพิ่งจะเปิดเครื่องก็ได้รับสายจากหันจื่ออี้เลย
ในสาย น้ำเสียงของเขาดูจริงจังเล็กน้อย : “เสี่ยวถางคุณฟังฉันนะ คุณปิดเครื่องไปน่าจะดีกว่า แล้วอยู่บ้านของพ่อคุณทางด้านนั้น ถ้ามีใครมาหาคุณก็อย่าออกมานะ”
หลานเสี่ยวถางตกตะลึง : “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หันจื่ออี้ยังบอกอีกว่า : “อีกอย่าง ห้ามดูข่าวด้วย”
หลานเสี่ยวถางสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างจึงเอ่ยถามออกมา : “ในข่าวพูดว่าอะไร? มีความเกี่ยวข้องกับฉันใช่ไหม?”
หันจื่ออี้จึงพูดว่า : “ช่างเถอะ ไม่ให้คุณดูคุณก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น ฉันแค่มาฉีดวัคซีนให้คุณล่วงหน้าเข็มหนึ่งก็เท่านั้น คุณเห็นข่าวแล้วก็อย่าเป็นทุกข์ไปเลยนะ ฉันจะคิดหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด”
หลานเสี่ยวถางตอบกลับว่า : “โอเค อย่างนั้นฉันจะดูแค่นิดหน่อย ดูเสร็จก็จะปิดเครื่องเลย”
“โอเค” หันจื่ออี้กล่าวว่า : “การปิดเครื่องเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องหาคุณเจอ เพียงแต่คุณก็ทิ้งเบอร์บ้านไว้ให้ฉัน พอเรื่องราวสงบลงแล้ว ฉันจะติดต่อคุณกลับไป”
หลานเสี่ยวถางคิดๆดูแล้ว ก็ให้เบอร์บ้านกับหันจื่ออี้ไป
วางสายไปแล้ว เธอก็เปิดเว่ยป๋อทันที จึงได้เห็นเนื้อหาเดียวกันกับที่สือมูเฉินเห็น
เพียงแต่เธอกำลังท่องเว็บไซต์อยู่ ในระหว่างนั้นจู่ๆเนื้อหาที่เธอเห็นก็หายไป
เธอตกตะลึงเล็กน้อย คลิกที่การค้นหา แล้วก็พบว่ามันหายไปแล้วจริงๆ!
หันจื่ออี้จัดการได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
หลานเสี่ยวถางกำลังสงสัยอยู่ จู่ๆคำคำหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว : DR
เมื่อกี้พิจารณาจากน้ำเสียงของหันจื่ออี้ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นั้นร้ายแรง และคาดว่าต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะรับมือได้
แต่ว่ารวดเร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ เช่นนั้นจะมีความเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือสือมูเฉิน!
เป็นกลุ่มDRของสือมูเฉินที่ทำการลบข่าวสารทั้งหมดนี้ทิ้ง!
หลานเสี่ยวถางมองลงไปที่มือถือของตนเอง กดเบอร์บนมือถือที่เคยติดต่อกันอยู่หลายครั้งอย่างชำนาญ
แต่กดที่แป้นพิมพ์แล้วก็ไม่ได้ต่อสายออกไป
สักพักเธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลบหมายเลขทิ้งทีละตัวๆ จากนั้นก็โทรไปหาเฉียวโยวโยวแทน
พอโทรศัพท์ออกไป เฉียวโยวโยวก็รับสายทันที เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสูงว่า: “เสี่ยวถาง ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันเห็นข่าวก็อึ้งไป จากนั้นโทรไปที่มือถือของคุณก็ปิดเครื่อง?!”
“โยวโยว เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้แน่ชัดหรอก แต่ระหว่างฉันกับหันจื่ออี้ไม่ได้มีอะไร” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “ฉันกังวลว่าจะมีสื่อมวลชนโทรเข้ามาหาฉัน ดังนั้น ฉันเลยปิดมือถือทันที ใช่แล้ว ถ้าคุณต้องการโทรหาฉัน ตอนนี้ก็โทรมาหาฉันทางโทรศัพท์บ้านนะ ฉันจะให้เบอร์คุณ คุณจดนะ…..”
———หนังสือยอดนิยมที่สุด ที่ได้รับความสนใจในการค้นหาบนวีแชต [樱桃阅读] โหลดเลยจะได้ไม่พลาด———
เฉียวโยวโยวจดบันทึกเบอร์แล้ว จึงกล่าวด้วยความงุนงงเล็กน้อยว่า: “เสี่ยวถาง คุณไม่ได้อยู่บ้านเหรอ? นี่มันไม่ใช่เบอร์บ้านของคุณนี่!”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะกำมือถือแน่น เธอสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์แล้วกล่าวว่า: “โยวโยว สรุปคือติดต่อฉันมาทางนี้นะ ถ้าหาก ถ้าหากมูเฉินโทรมาถามหาฉัน คุณก็——”
เธอพูดถึงตรงนี้ ก็คาดไม่ถึงว่าจะลังเลใจเล็กน้อย
ตกลงเธอต้องการให้เบอร์นี้กับมูเฉินหรือไม่?
หลานเสี่ยวถางลังเลใจอยู่หลายวินาที ในที่สุดก็ยังกล่าวว่า: “ถ้าเขาถามหาฉัน คุณก็บอกเบอร์นี้กับเขาไปนะ”
“เสี่ยวถาง คุณกับเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เฉียวโยวโยวสังเกตได้ถึงความผิดปกติ: “พวกคุณทะเลาะกันเหรอ? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
“โยวโยว เรื่องนี้ฉันกลับไปแล้วค่อยบอกคุณนะ ตอนนี้ฉันอยู่กับพ่อของฉัน” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “มีคนโทรเข้ามาแล้ว ฉันต้องวางสายแล้วนะ โยวโยว ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน!”
หลานเสี่ยวถางพูดพลาง นำมือถือมาปิดเครื่องอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางเอาไว้ข้างๆ
ตลอดทั้งวัน เธอแทบจะไม่ได้ดูทีวี แล้วก็ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์เข้าอินเทอร์เน็ตเลย
ที่เหมือนกันคือ หลานเซี่ยวเฉิงก็ดูเหมือนจะไม่ได้เปิดทีวีโดยสิ้นเชิง แล้วก็ไม่ได้บอกรหัสเข้าอินเทอร์เน็ตกับหลานเสี่ยวถาง
พ่อลูกทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงมัน หลานเซี่ยวเฉิงแทบจะใช้เวลาว่างทั้งหมดของตัวเอง มาอยู่เป็นเพื่อนหลานเสี่ยวถาง การอยู่ร่วมกันของคนทั้งสองยิ่งนานวันก็ยิ่งกลมเกลียวกันมากขึ้น
ในหลายวันมานี้ สือมูเฉินโทรหาหลานเสี่ยวถางหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงปิดเครื่อง
วันนี้ เขาหยิบมือถือขึ้นมา ต่อสายไปยังเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยเบอร์หนึ่ง
คู่สายรับสายอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงที่แหบพร่าของผู้ชาย หลังจากได้ฟังคำพูดของสือมูเฉิน เขาก็กล่าวตอบกลับว่า: “วันนี้คุณหลานก็ยังคงอยู่ที่บ้านพักทหาร ไม่ได้เดินออกมาเลยแม้แต่ก้าวเดียว”
พอวางสายแล้ว สือมูเฉินก็กล่าวกับผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆว่า: “เตรียมทำขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาล”
“ครับ ประธานสือ” ช่วงที่ผู้ช่วยกำลังจัดทำขั้นตอน สือมูเฉินก็ได้รับโทรศัพท์ของหันจื่ออี้
เขาตกใจเล็กน้อย หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาใช้วิธีการระงับข่าวราวกับสายฟ้า และยังลบจนสะอาดโดยสิ้นเชิง
และในมุมของผู้ชายอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้ ก็คล้ายกับจะใช้วิธีจัดการแบบเดียวกัน เพียงแต่ เป็นวิธีที่อ่อนโยนกว่าเล็กน้อย
ดังนั้น ข่าวนี้คล้ายกับจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วก็หายไปจากสายตาของผู้คนไปอย่างกะทันหัน
และนี่ก็เป็นครั้งแรกกับการร่วมมืออย่างดุษดีของเขากับหันจื่ออี้ แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้โดยปริยาย และไม่เคยติดต่ออีกฝ่ายเลยสักครั้ง
วันนี้ คาดไม่ถึงว่าหันจื่ออี้จะโทรมาหาเขา ทำให้สือมูเฉินคาดเดาไม่ได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา เพียงแต่ยังคงกดรับสาย: “คุณหัน”
หันจื่ออี้กล่าว: “คุณสือ ไม่ทราบว่าพอมีเวลาไหม พวกเราไปหาที่คุยกันหน่อยได้ไหมครับ?”
สือมูเฉินมองไปที่ย่านการค้าตรงข้ามโรงพยาบาล ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า: “ได้ครับ ตอนนี้ฉันมีเวลา ร้านกาแฟของศูนย์การค้าโกลเดนพอร์ต เป็นยังไง?”
หันจื่ออี้กล่าว: “อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึง”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หันจื่ออี้ก็มาถึงที่นั่งที่สือมูเฉินนั่งอยู่ แล้วกล่าวกับบริกรว่า: “อเมริกาโน่หนึ่งแก้ว ไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่นม”
สือมูเฉินได้ยินเขาสั่ง ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย: “ของขม สามารถทำให้คนได้สติขึ้นมา”
หันจื่ออี้พยักหน้า: “ใช่แล้ว ฉันต้องการอาศัยของแบบนี้ทำให้ได้สติขึ้นมา แต่คุณสือไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะดื่มเหล้า ก็ยังคงเยือกเย็นกว่าคนอื่นมาก”
สือมูเฉินกล่าวอย่างนิ่งๆว่า: “ฉันสามารถตีความคำพูดนี้ของคุณว่าเป็นคำชมได้ไหม?”
หันจื่ออี้ยิ้มๆ: “แน่นอน”
“ฉันคิดว่า ที่วันนี้คุณหันให้ฉันออกมาคุยกันข้างนอก คงไม่ใช่มาเพื่อชมฉันหรอกใช่ไหม” สือมูเฉินมองไปยังหันจื่ออี้: “ว่ามาเถอะ เรื่องเกี่ยวกับอะไร?”
“เกี่ยวกับเสี่ยวถาง” หันจื่ออี้ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา: “ที่ฉันมาหาคุณวันนี้ ก็เพื่อเธอ”
“ฉันไม่คิดว่าภรรยาของตนเอง จะต้องการให้คนอื่นเดินทางมาพูดคุยกับฉัน” สือมูเฉินค่อยๆจิบกาแฟอึกหนึ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย ฟังไม่ออกว่าโกรธหรือยินดี
หันจื่ออี้ยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของสือมูเฉินหรือไม่ คาดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นได้ถึงการยิ้มเยาะบนใบหน้าของหันจื่ออี้
แล้วได้ยินหันจื่ออี้กล่าวว่า: “อันที่จริง ถ้าย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน ฉันไม่จำเป็นต้องมาเผชิญหน้ากับคุณแบบนี้โดยสิ้นเชิง เพราะว่า เวลานั้น เธอเป็นของฉัน”
เขามองสือมูเฉิน อยากจะเห็นอารมณ์ความรู้สึกของสือมูเฉินสักเล็กน้อย แต่ก็ต้องล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
หันจื่ออี้ยังกล่าวอย่างไม่ยอมอีกว่า: “ข่าวนั้น สำหรับคุณแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะไม่ส่งผลกระทบเลยแม้แต่น้อย?”
เขาไม่เชื่อว่า สือมูเฉินเห็นเขาโอบกอดหลานเสี่ยวถางแล้ว จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด!
“คุณหันคาดหวังให้ฉันแสดงออกยังไงล่ะ?” สือมูเฉินกล่าว: “คนฉลาดไม่เชื่อข่าวที่ไม่มีมูลหรอก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ถือว่าฉลาด แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ความเป็นจริง”
“แล้วคุณสืออยากรู้ไหมล่ะ ว่ารูปภาพเหล่านั้นบนเว่ยป๋อ ถ่ายในเหตุการณ์ไหนของฉันกับเธอ?” หันจื่ออี้มองตาของสือมูเฉินแล้วกล่าวถาม
“อยาก” สือมูเฉินตอบกลับอย่างเฉียบขาด