หันจื่ออี้อึ้งเล็กน้อย ก่อนยิ้มออกมา “ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ”
สือมูเฉินพูดอย่างใจเย็น “คุณมาวันนี้คุณไม่ได้มาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะผู้ชายที่ภรรยาของตัวเองมีข่าวอื้อฉาวกับคนอื่นแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อยากรู้ความจริง ”
“ดังนั้นคุณติดต่อเธอไม่ได้มาโดยตลอด” หันจื่ออี้เลิกคิ้วขึ้น “ถ้าคุณจะพูดแบบนี้คุณก็แพ้แล้วล่ะ”
สือมูเฉินกำหมัดแน่น แต่ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ผู้ชนะคือคนที่หัวเราะทีหลัง”
“อืม พูดถูก” หันจื่ออี้พยักหน้าและเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเขาดูกลัดกลุ้มเล็กน้อย “ในวันนั้นผมอยู่กับเธอมันเป็นเรื่องบังเอิญหลังจากเกิดอุบัติเหตุ”
ขณะที่เขาพูดเขาจิบกาแฟอเมริกันในแก้วไปด้วย และรู้สึกถึงความขมแผ่ซ่านระหว่างริมฝีปากกับฟันของเขา จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เพราะเธอกำลังขี่จักรยานแล้วปะทะเข้ากับรถของผม”
สือมูเฉินตกใจ “หมายความว่ายังไง!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา หันจื่ออี้ก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที “จริงๆ แล้วคุณก็มีอาการหวาดกลัวเหมือนกันนะ!”
ท้ายที่สุดเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาสามารถอธิบายเหตุการณ์ตึงเครียดในขณะนั้นได้ครบถ้วน แน่นอนว่าเขาประสบความสำเร็จในการเห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมายจากก้นบึ้งในดวงตาของสือมูเฉิน
หลังจากพูดเรื่องนี้แล้ว หันจื่ออี้ก็ดื่มกาแฟในแก้วจนหมดแล้วพูดว่า “เหตุผลที่ผมบอกเรื่องนี้กับคุณก็เพราะไม่อยากเห็นเสี่ยวถางไม่สบายใจ ผมยอมรับว่าผมอิจฉาคุณ แต่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ทำให้คุณเข้าใจเธอผิดต่อไป ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
หลังจากพูดจบหันจื่ออี้ก็หยิบเสื้อแจ็กเกตของเขาขึ้นมาสวมใส่ “สือมูเฉิน สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือเมื่อก่อนผมรู้สึกสิ้นหวัง อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นผมก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณก็ไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะแข่งขันกับคุณ ก็เหมือนคำพูดที่คุณเพิ่งพูดไป ผู้ชนะคือคนที่หัวเราะทีหลัง!”
หลังจากพูดจบหันจื่ออี้ก็หยิบเงินออกมาวางไว้ใต้แก้วกาแฟของเขา แล้วหันหลังเดินออกไป
สือมูเฉินมองตามหลังของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและแน่วแน่ “หันจื่ออี้ ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะแพ้ไม่ใช่ผมแน่นอน”
หันจื่ออี้หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
สือมูเฉินละสายตาจากหันจื่ออี้ และขยับสายตาออกไปด้านนอก
สิ่งที่หันจื่ออี้พูดเมื่อกี้ยังก้องอยู่ในหูของเขา เขาบอกว่าหลานเสี่ยวถางกำลังขี่จักรยานแล้วชนเข้ากับรถของเขาที่กำลังขับอยู่!
สือมูเฉินรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกในร่างกายของเขา เขารีบจิบกาแฟมอคค่าอุ่นๆ เพื่อขับความเย็นออกจากร่างกายของเขา
เขารู้ว่ามันไม่ใช่หนาวจริงๆ แต่เป็นความกลัวต่างหาก
เขาเกือบจะเสียเธอไปแล้ว!
เธอเป็นผู้หญิงที่งี่เง่า เขาเคยพูดกับเธอมาก่อนไม่ว่าเธอจะได้ยินหรือเห็นอะไรต้องถามเขาจากปากให้แน่ใจก่อน แต่เธอกลับล้อเล่นกับความเป็นความตาย!
โชคดีที่เธอไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้สือมูเฉินก็กำหมัดแน่น และสายตาที่น่ากลัวได้แพร่ออกมา!
วันนั้นเขาเชื่อว่าหลานเล่อซินไม่ได้ลงมือทำคนเดียว เพราะหลานเล่อซินไม่มีความสามารถนี้ และเขาต้องกระชากหน้ากากคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน!
เมื่อนึกถึงหลานเล่อซินสือมูเฉินก็ตระหนักได้ว่าเขาลืมให้คนไปตรวจสอบที่อยู่ของหลานเล่อซิน
ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออกเพื่อสั่งคนให้หาหลานเล่อซินและติดตามเธออย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าเธอติดต่อกับใครบ้าง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วสือมูเฉินก็โทรหาหลานเสี่ยวถาง
คราวนี้ในที่สุดเธอก็ไม่ได้ปิดเครื่อง หัวใจของเขาสดใสขึ้น เขากำลังคิดเกี่ยวกับคำพูดและประโยคที่จะพูดกับเธอ แต่เขากลับได้ยินเสียงตัดสาย “ผู้ใช้ที่คุณเรียกกำลังรับสาย……”
ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางกำลังบีบโทรศัพท์และมองดูสายที่เธอเพิ่งกดวางสายไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย
ผ่านไปสองสามวัน แม้ว่าเธอจะปิดเครื่องในตอนกลางวัน แต่เธอก็ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้ให้เฉียวโยวโยว ถ้าสือมูเฉินติดต่อเธอไม่ได้จริงๆ เขาต้องคิดที่จะไปถามเฉียวโยวโยวอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเธอเฝ้ารอรับสายโทรศัพท์บ้านทุกวัน และนอกเหนือจากหันจื่ออี้แล้ว เธอไม่เคยได้รับสายจากสือมูเฉินเลย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาไม่เคยตามหาเธออย่างจริงจัง!
เมื่อเขาโทรมาเธอก็ไม่ต้องการคุยกับเขาอีกต่อไป!
อย่างไรก็ตามทันทีที่วางสายสือมูเฉินก็โทรมาอีกครั้ง
หลานเสี่ยวถางลังเล แต่ก็กดตัดสาย
เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่โทรมาอีกเธอก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอตัดสายไปสองครั้งเอง เขาก็สู้ต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ เหรอ? !
หลังจากรอเป็นเวลานานก็ไม่มีสายเรียกเข้าของสือมูเฉินอีก
ขณะที่รู้สึกไม่สบายใจโทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางก็สั่น เธอหยิบขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นข้อความวีแชทที่Jarvisส่งมา ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว!
Jarvisพิมพ์ว่า “เสี่ยวถาง คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
แม้ว่าJarvisจะเป็นเพื่อนของสือมูเฉิน แต่เขาก็เป็นไอดอลของหลานเสี่ยวถาง เป็นคนที่ตัวเองชื่นชมส่งข้อความมาเธอจะไม่สนใจได้อย่างไร?!
หลานเสี่ยวถางรีบตอบทันที “ฉันอยู่บ้านอย่างเบื่อๆ”
Jarvis“ไม่ได้ออกไปช้อปปิ้งกับมูเฉินเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางกำลังจะถามว่าเขาไม่เห็นข่าวเหรอ แต่เมื่อคิดดูแล้วJarvisอยู่ต่างประเทศ และเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้น คาดว่าสือมูเฉินคงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวด้วยจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาไม่น่าจะรู้ข่าวนี้
ดังนั้นเธอจึงอธิบายว่า “ช่วงนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่บ้าน พอดีฉันมาอยู่บ้านพ่อ”
Jarvisพูดว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยินมูเฉินพูดว่าคุณไปหาพ่อของคุณแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเหรอ? เขาดีกับคุณไหม?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเบาๆ “พ่อของฉันดีกับฉันมาก ฉันรู้สึกมีความสุขมากเลยค่ะ”
Jarvisพูดอีกครั้ง “แล้วคุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่? มูเฉินไม่ได้เดินทางไปทำธุรกิจต่างเมืองใช่ไหม? เขาคงจะคิดถึงคุณมากเลย”
เมื่อหลานเสี่ยวถางเห็นประโยคนี้ เธอก็ลังเล คำที่พิมพ์แล้วถูกลบแล้วลบอีก ในที่สุดเธอก็ตอบว่า “ไม่น่าจะใช่นะ ฉันอยู่บ้านพ่อของฉัน เขาไม่เคยมาตามฉันเลย!”
หลังจากรอสองนาทีJarvisก็ตอบกลับมา: “เมื่อกี้ผมถามเขาอย่างเจาะจง เขาบอกว่าเขาโทรหาคุณหลายสายแล้ว แต่คุณตัดสายทิ้ง เสี่ยวถาง พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกหน้าร้อนแผ่ว มันเป็นเรื่องยากที่จะโกหกแถมยังถูกจับได้อีก
เธอจำใจพูดยอมรับ “อืม มันค่อนข้างอึดอัด”
Jarvisพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น? ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่นิสัยดี เป็นเขาที่รังแกคุณใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางตอบว่า “เขาไม่ได้รังแกฉัน แต่เขาแค่มีทางเลือกของเขาเท่านั้นเอง”
หน้าแชทแสดงอยู่ว่าJarvisว่ากำลังพิมพ์ แต่หลังจากรอเป็นเวลานานเขาก็ส่งประโยคง่ายๆ ตอบกลับมา
มีบรรทัดเดียวด้านบน “ทางเลือกของเขาคือคุณ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางเห็นคำเหล่านี้เธอก็สั่นไปทั้งตัว และรู้สึกอยากจะร้องไห้
ผ่านไปนาน เธอถึงเจอคำตอบที่จะตอบเขา“คุณเป็นเพื่อนของเขา แน่นอนว่าต้องช่วยเขาพูด”
Jarvisพูดว่า “สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง ผมเคยได้ยินเขาพูดแบบนี้”
แม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะรู้สึกว่าJarvisไม่พูดโกหก และเขาไม่จำเป็นต้องโกหกเธอ แต่เธอก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ฉันคิดว่าเขาแค่พูดผ่านๆ ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดเลย”
Jarvisส่งอีโมจิ “ถ้าอย่างนั้นผมจะขอให้เขาโทรหาคุณตอนนี้ ให้เขาพูดให้คุณได้ยินทั้งสองหู?”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางเต้นเร็วขึ้นและเธอก็รีบพูดว่า “ไม่ต้อง ฉันกับเขา…… ”
หลังจากทนกัดฟัน เธอตัดสินใจบอกความจริงว่า “อันที่จริงมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขา ฉันกลับบ้านในวันนั้นเห็นเขากับแฟนเก่าของเขา……”
แม้ว่าจะผ่านไปสองสามวันหลานเสี่ยวถางก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออกขณะที่พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง
“ผมเคยได้ฟังเรื่องนี้แล้ว” Jarvisพูด “คุณเข้าใจเขาผิด เขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
หลานเสี่ยวถางคาดไม่ถึงว่าสือมูเฉินจะถึงกับบอกJarvis เกี่ยวกับฉากนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “ฉันเห็นกับตาของตัวเอง พวกเขาทั้งสองไม่ได้สวมเสื้อผ้า”
Jarvisพูดว่า “เสี่ยวถาง บางครั้งการเห็นด้วยตาอาจไม่ได้เป็นความจริงเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนั้นคุณต้องมองแค่แวบเดียวอย่างแน่นอน คุณไม่เห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนก็รีบวิ่งหนีไปแล้ว? หรือพวกเขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้น?”
หลานเสี่ยวถางพูดด้วยความไม่พอใจ”คนสองคนนั้นจะทำอะไรอย่างอื่นได้บ้างทั้งที่ตัววติดกันโดยไม่ใส่เสื้อผ้า?”
“ให้โอกาสเขาอธิบายบ้างสิ” Jarvisพูด“คุณลองคิดดู พวกคุณอยู่ด้วยกันมานานแล้ว เขาเคยมีท่าทีจะชอบผู้หญิงคนนั้นไหม?”
หลานเสี่ยวถางคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด สือมูเฉินไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเขามีความสนใจในตัวของหลานเล่อซิน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเกลียดผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย
ดังนั้น……
อย่างไรก็ตามฉากนั้นเหมือนจริงเกินไป และต้นขาของหลานเล่อซินยังพันรอบตัวของสือมูเฉินอีกด้วย เมื่อคิดแบบนี้เธอจะหาเหตุผลให้เขาได้อย่างไร……
หลานเสี่ยวถางส่งข้อความ “คุณJarvis พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วโอเคไหมคะ?”
“ก็ได้” Jarvisตอบ “ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจ คุณสามารถคุยกับผมได้ตลอดเวลา”
หลานเสี่ยวถางเหลือบมองเวลา “ที่นั่นตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วคะ?”
Jarvisตอบว่า “ช่วงนี้ผมเดินทางมาทำธุรกิจที่ญี่ปุ่น เวลาแทบจะไม่ต่างกับคุณเลย”
หลานเสี่ยวถางตอบว่า “งั้นก็ดีเลยค่ะ ฉันนึกว่าจะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ วันนี้คุณไม่ยุ่งเหรอ?”
“เรื่อยๆ ครับ” Jarvisพูด “คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
หลานเสี่ยวถางตอบว่า “ฉันเพิ่งช่วยพ่อดูแลจัดการดอกไม้บนขอบหน้าต่าง และอีกสักครู่ฉันจะเขียนโปรแกรม”
ผ่านไปครึ่งนาทีJarvisก็ตอบกลับมา “ดอกไม้อะไร ถ่ายรูปให้ผมดูหน่อย”
หลานเสี่ยวถางคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสนใจดอกไม้อะไรพวกนี้ แต่เธอก็ยอมถ่ายรูปส่งไปให้เขาดู
ทันทีที่ส่งรูปถ่ายไป Jarvisก็ส่งอิโมจิกลับมา “ไม่ผ่าน”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะถามว่า”ไม่ผ่านตรงไหนคะ? ฉันถ่ายไม่สวยเหรอ?”
Jarvisตอบว่า “มีแค่วิวแต่ไม่มีคน มันดูซ้ำซากจำเจเกินไป”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกงงงัน เขาหมายถึงอะไร?
กำลังเดาJarvisก็ตอบกลับมาว่า “เอาตัวคุณถ่ายเข้าไปด้วย”
หลานเสี่ยวถางกะพริบตา ไม่คิดว่าJarvisจะให้เธอถ่ายเซลฟี เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างแน่ชัดอีกครั้ง “ฉันเหรอ?”
Jarvisตอบว่า “แน่นอนว่าเป็นคุณ”
แม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะไม่ทราบจุดประสงค์ของเขา แต่เธอก็เข้าไปใกล้ๆ ดอกไม้นั้นแล้วก็กดเซลฟี
เธอส่งรูปถ่ายให้เขา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “คุณจะไม่ส่งให้มูเฉินใช่ไหม?”
Jarvisตอบในทันที “ไม่ส่งให้เขาแน่นอน นี่เป็นความลับระหว่างเรา”
หลังจากนั้นก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค”ผมเห็นรูปถ่ายแล้ว สวยมาก มันทำให้ผมไม่ต้องกังวลเรื่องการทำงานได้ตลอดทั้งวัน”
หลานเสี่ยวถางส่งอิโมจิเกรงใจแล้วพิมพ์ข้อความส่งตามไป”ถ้าอย่างนั้นฉันขอดูรูปร่างหน้าตาของคุณว่าเป็นอย่างไรได้ไหมคะ?”