บทที่ 181 หาเรื่องถึงบ้าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 181 หาเรื่องถึงบ้าน
บทที่ 181 หาเรื่องถึงบ้าน

พอคุณย่าซูพูดแบบนี้ สีหน้าราวกับดูถูกจนเหมือนตบหน้าแม่เฒ่าเหลียงอยู่

แล้วก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ไว้หน้าให้เลยสักนิด ใบหน้าเธอจึงมืดลงทันที

ทำไมยายแก่ตายยากคนนี้มันถึงไม่มีความละอายใจนัก?

อุตส่าห์ทำตัวสุภาพ แล้วทำไมถึงมาสู้กันทางความคิดอีก?

ทำไมถึงสอนไม่เป็น?

พอเห็นแม่สามีพ่ายแพ้ หลี่ชุ่ยฮวามองด้วยความรังเกียจแล้วก็ออกโรงแทน

“คุณน้าคะ คุณพูดแบบนั้นได้อย่างไร? ทำไมแม่สามีฉันจะสอนไม่เป็นล่ะ?”

สีหน้าของหลี่ชุ่ยฮวาดูวิตกกังวลมาก แม้คนที่พูดด้วยจะเป็นพ่อแม่สามีของน้องสามี แต่ใบหน้าของเธอไม่ได้มีความเคารพนับถือเลย

“ผู้หลักผู้ใหญ่เขาคุยกัน เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูด?” คุณย่าซูพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

สะใภ้สามบ้านผู้เฒ่าเหลียง แม้กระทั่งเส้นผมคุณย่าซูก็ไม่ชอบ

หลี่ชุ่ยฮวาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำไมยายแก่ปากร้ายมันรับมือยากนัก?

หลังจากตำหนิหลี่ชุ่ยฮวาแล้ว คุณย่าซูก็หันไปคุยด้วยอย่างจริงจัง “บ้านสะใภ้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่พูดนะ แต่เธอสอนไม่ได้จริง ๆ ดูสะใภ้ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ของเธอกับสะใภ้บ้านฉันสิ”

แม่เฒ่าเหลียงอึดอัดจะตายอยู่แล้ว สะใภ้บ้านซูไม่ใช่ลูกสาวบ้านเราหรือไง?

“อย่าโทษที่ฉันพูดจาไม่น่าฟังเลยนะ ตอนลูกสาวอยู่บ้านเธอเขาทำตัวไม่ดี แต่พอมาบ้านฉันแล้วกลับเชื่อฟัง ทั้งยังขยันทำงาน นั่นมันเป็นเพราะเธอสอนไม่เป็นเองต่างหาก!”

คุณย่าซูเป็นคนไม่ยอมใคร มีที่ไหนจะยอมเสียเปรียบ แค่ประโยคเดียวก็ทำแม่เฒ่าเหลียงสั่งสอนลูกไม่เป็นได้

“ฉันเป็นแขกนะ!” รออยู่นานกว่าหลี่ชุ่ยฮวาจะพูด เธอกัดฟันกรอด

“แขก? แขกแบบนี้เนี่ยนะ? ถ้าไม่คิดถึงพ่อแม่สามีของเธอ ฉันก็ไม่ให้เธอเข้าบ้านหรอก!” คุณย่าซูเป็นหญิงชราที่แข็งแกร่งจริง ๆ

“บ้านเขย ทำไมพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้? ฉันทำให้เธอขุ่นเคืองหรือ?” แม่เฒ่าเหลียงไม่พอใจทันทีที่คุณย่าพูดกับสะใภ้แบบนั้น

“ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่ บ้านสะใภ้ งั้นเธอว่าสะใภ้ของเธอคนนี้นิสัยเป็นอย่างไรหรือ? ถ้าเป็นสะใภ้ของฉัน ฉันก็คงไล่มันกลับไปตั้งนานแล้ว!”

“น้องสามี จะดูแม่สามีรังแกแม่ตัวเองแบบนี้หรือ?” หลี่ชุ่ยฮวาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มยั่วยุเหลียงซิ่ว

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าแม่สามีกับสะใภ้บ้านนี้จะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่ได้แค่ไว้หน้าด้วยใช่ไหม?

แต่เหลียงซิ่วกลับก้มหน้างุด ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา

แม่สามีพยายามรักษาหน้าเธอไว้ ถ้ายังคิดจะช่วยบ้านพ่อแม่พูดก็โง่เต็มทน!

พอเห็นเหลียงซิ่วไม่พูดอะไร หลี่ชุ่ยฮวารู้สึกรำคาญจนอยากจะเข้าไปตบ แต่ก็ถูกซูเสี่ยวอู่ขวางไว้

เด็กชายตัวโตยืนอยู่ตรงหน้าแบบนั้นมันทำให้เธอกลัวจริง ๆ กลัวว่าลูกหมาป่าตัวนี้จะลงไม้ลงมือใส่

ตัวเธอที่ถูกขวางเอ่ยปากด่าเหลียงซิ่วต่อ “แกเป็นศพหรือ? มองเมียโดนคนอื่นรังแกอยู่ได้!”

เหลียงเหล่าซานที่โดนภรรยาด่าก็คิดจะสั่งสอนเสี่ยวอู่ในฐานะลุง

แต่เด็กชายก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “ผมเคารพคุณเพราะคุณเป็นลุงของผม แล้วคุณก็ควรทำในสิ่งที่คนเป็นลุงควรทำด้วยครับ!”

เสี่ยวอู่พูดชัดเจน เพราะถ้าไม่ได้เป็นลุงก็ไม่ได้เป็นอะไรต่อกันเลย

ที่คอกวัว ซูเสี่ยวปาวิ่งพรวดเข้ามาไม่ทันได้พักหายใจ

“เสี่ยวปา เป็นอะไรไป? ทำไมวิ่งเร็วแบบนี้?”

คนที่เอ่ยปากก่อนใครคือฉืออี้หย่วนผู้ซึ่งอ่อนโยนราวกับหยกมาตลอด

เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นเสี่ยวปาเป็นแบบนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเถียน?

“ผม… ผม… ผมมา… ผมมาหาปู่ ที่… ที่บ้าน มีคนมา!”

เสี่ยวปาหอบหายใจหนัก พูดจาขาด ๆ หาย ๆ กว่าจะจบ

ฉือเก๋อเห็นหลานเป็นแบบนั้นก็เอาน้ำใส่แก้วให้เขาดื่มก่อน

เสี่ยวปาดื่มรวดเดียวก่อนจะเล่าทุกอย่างออกมาอย่างราบรื่น

ฉืออี้หย่วนกลัวว่าเสี่ยวเถียนจะทนทุกข์ จึงรีบวิ่งไปบ้านซู พอเห็นอีกฝ่ายวิ่งไวกว่า ซูซื่อเลี่ยงยอมไม่ได้จึงรีบไล่ตามไปด้วย

จากนั้นก็ตามด้วยซานกง เสี่ยวซื่อ และเสี่ยวลิ่ว

ส่วนเสี่ยวชี เสี่ยวปาและเสียวจิ่วคิดจะตามไป แต่คุณปู่ซูเรียกไว้ก่อน “ไปตามพ่อที่ฟาร์มไก่กลับบ้านไป”

ว่าจบ คุณปู่ซูก็กล่าวลาฉือเก๋อกับตู้ถงเหอะอย่างสุภาพ จากนั้นก็เดินกลับไปที่บ้าน

“ผู้เฒ่าฉือ จะไม่เป็นปัญหาอะไรใช่ไหม?”

ฉือเก๋อส่ายหัว “ไม่หรอก คนที่รังแกบ้านซูได้จริง ๆ มีไม่เยอะหรอก”

ตู้ถงเหออยากจะตามไปดูแต่ก็ยอมแพ้ ด้วยสถานะพวกเขาที่เป็นแบบนี้ ถ้าตามไป ไม่แน่ว่าอาจจะไปให้คนอื่นข่มขู่ก็ได้

เพราะอย่างไร คนที่มาสร้างปัญหาถึงบ้านก็ไม่ใช่คนหงซิน

ฉืออี้หย่วนวิ่งเร็วมาก แต่ก่อนที่จะไปถึงบ้านซูก็โดนคนขวางเอาไว้ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซูเสี่ยวฉินที่หลบเงียบมาตลอด

ฉืออี้หย่วนขมวดคิ้ว

“พี่อี้หย่วน!” ซูเสี่ยวฉินพูดด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยน

ตอนนี้ซูเสี่ยวฉินคิดอย่างรอบคอบ และรู้สึกว่าควรเรียนรู้จากเสี่ยวเถียน

ไม่ใช่ว่าชอบน้ำเสียงหวานหยดย้อยของเสี่ยวเถียนหรือ? ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียหน่อย

แต่เสี่ยวฉินไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีประโยคที่ว่า ตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว*[1]

อันที่จริงเธอเรียนรู้จากเสี่ยวเถียน แต่ถึงจะเรียนอย่างไรก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเสี่ยวเถียนยิ้มหวานมาจากใจจริง แต่แววตาของเสี่ยวฉินมันไม่บริสุทธิ์ใจ ทั้งรอยยิ้มที่แสดงออกมาทำให้คนรู้สึกเหมือนจงใจทำ

เธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉืออี้หย่วนขมวดคิ้ว เลยขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกนิด แต่อีกฝ่ายถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ซูซื่อเลี่ยงที่ตามหลังมาอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นฉืออี้หย่วนถูกซูเสี่ยวฉินหยุดไว้

เหอะ วิ่งเร็วขนาดนั้นจะไม่ถูกคนอื่นหยุดไว้ได้อย่างไร?

เขาไม่ชอบซูเสี่ยวฉิน แต่รู้สึกว่าตอนนี้อีกฝ่ายทำได้ดีมาก

ไอ้หนุ่มนี่ นับวันยิ่งเห็นยิ่งไม่สบายใจ!

เขาวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ส่วนฉืออี้หย่วนคิดจะวิ่งไปด้วย แต่กลับถูกเสี่ยวฉินรั้งไว้

“หลบไป!” ฉืออี้หย่วนพูดเสียงรอดไรฟัน

“พี่อี้หย่วน ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่!” ซูเสี่ยวฉินพูดอย่างอาย ๆ

ซูเสี่ยวฉินอยู่ในเมืองมานานเกือบปี เธอเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่คนในวัยนี้ไม่สมควรรู้และเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นคงไม่ใจเต้นกับฉืออี้หย่วนแล้วคิดจะยั่วยวนเขาหรอก

ในที่สุด ฉืออี้หย่วนก็ทนไม่ไหวจึงสะบัดแขนที่เสี่ยวฉินจับอยู่ ทว่าเสื้อกลับขาดแทน

ตั้งแต่มาหงซิน เขาไม่ได้ทำเสื้อตัวใหม่เลย และตัวที่ใส่อยู่ก็เป็นเสื้อที่คนใจดีในหงซินให้เป็นของขวัญ

ซูเสี่ยวฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะฉีกแขนเสื้อของฉืออี้หย่วนขาดโดยไม่ได้ออกแรงมาก เธอจึงรู้สึกอายขึ้นมา

“พี่อี้หย่วน ฉัน… ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”

“ไปให้พ้น อย่าให้ฉันเห็นเธออีกนะ!”

ฉืออี้หย่วนมองแขนเสื้อที่ขาดวิ่นแล้วพูดด้วยความขยะแขยง น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ เย็นเสียยิ่งกว่าอากาศในตอนนี้เสียอีก

ซูเสี่ยวฉินสร้างเรื่องขึ้นมาเสียแล้ว และเธอก็กลัวจริง ๆ จึงปล่อยมือจากเสื้อของอีกฝ่าย

เด็กหนุ่มมองแขนเสื้อที่ขาดแล้วตัดสินใจไปบ้านซูทั้งอย่างนั้น เรื่องนี้ไว้ว่ากันทีหลังได้จนกว่าเรื่องบ้านซูจะสิ้นสุดลง

ตอนนี้หลาน ๆ บ้านซูแซงหน้ากันไปก่อนแล้ว เขาจึงรีบไล่ตามให้ทัน

ซูเสี่ยวฉินมองเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งไปบ้านซูอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอจึงบิดเบี้ยว

ทำไมทุกคนในชุมชนถึงชอบเสี่ยวเถียน แม้แต่คนคอกวัวก็ยังชอบ

เธอไม่ยอม ไม่ยอม!

พวกคนที่ปฏิบัติต่อเธอไม่ได้ จะต้องได้รับการชดใช้!

บ้านซูยังกล้าสนิทกับคนคอกวัวแบบนี้ อีกทั้งหัวหน้าซูก็ยังรู้เห็นเป็นใจ งั้นก็อย่าโทษเธอแล้วกัน

พอมาถึงก็ได้ยินเสียงดังเอะวะวุ่นวายที่ลานบ้านซู และดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะรุนแรงมากขึ้น

หัวใจของเขาบีบรัดที่ไม่ได้ยินเสียงเสี่ยวเถียน จึงรีบเข้าไปดู

ที่ลานบ้านซู มีคนสองฝั่งเผชิญหน้ากัน

ฝั่งหนึ่งเป็นเด็กหนุ่ม อีกฝั่งเป็นคนบ้านเหลียง

ซูเสี่ยวเถียนยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง คนบ้านซูน่าจะดูแลเธอเป็นพิเศษแล้วให้เธอซ่อนตัวไว้

ฉืออี้หย่วนไม่ได้คิดเรื่องอื่นใด แล้วมุ่งไปหาเด็กหญิงโดยตรงพร้อมทั้งให้เธอหลบอยู่ด้านหลังของตนเอง

ซูเสี่ยวเถียนกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ในลานบ้านอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดที่มีคนมายืนบัง

พอเห็นว่าเป็นฉืออี้หย่วน ก็เข้าใจว่าเป็นวิธีปกป้องของอีกฝ่าย

“พี่อี้หย่วน มาทำอะไรที่นี่คะ?”

คนเป็นพี่ก้มมองเสี่ยวเถียน แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ “พี่ไม่วางใจ!”

ไม่วางใจใช่ไหมล่ะ? ถ้าเกิดบ้านเหลียงลงมือจริง ๆ แล้วไม่ทันระวังตีโดนเสี่ยวเถียนขึ้นมาจะทำอย่างไร?

เด็กสาวตัวเล็กแค่นี้ ทนไม่ไหวหรอก

คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กสองคน เพราะในบริเวณนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แม้แต่ซูซื่อเลี่ยงก็ยุ่งอยู่กับการปกป้องคุณย่าและแม่สาม จึงไม่ได้ดูแลน้องเล็ก

ตระกูลเหลียงมาพร้อมกันทั้งหมดเจ็ดแปดคน นอกจากสามีภรรยาเหลียงแล้ว ยังมีคู่หลี่ชุ่ยฮวา เหลียงเหล่าต้ากับเหลียงเหล่าเอ้อร์ ทั้งยังหิ้วหลานชายมาอีกสองคน

มากันเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนจะมาปล้นอย่างไรอย่างนั้น

*[1] คนเขลาเบาปัญญาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบผู้อื่น