บทที่ 231 ข้าผู้นี้ถือว่าจิตใจดีอยู่ไม่น้อย

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 231 ข้าผู้นี้ถือว่าจิตใจดีอยู่ไม่น้อย

บทที่ 231 ข้าผู้นี้ถือว่าจิตใจดีอยู่ไม่น้อย

เสี่ยวเป่าที่ขโมยเหล้าไม่สำเร็จ “…”

นางยัดเฉ่าเหมยในมือเข้าปากด้วยความโมโห แก้มนุ่มทั้งสองข้างขยายออกตามรูปร่างของเฉ่าเหมย

ชาติก่อนนางเคยใช้ชีวิตในโรงกลั่นสุราอยู่นานหลายปี ยามนั้นนางก็ทำได้เพียงดูและดมเท่านั้น อยากจะดื่มก็ดื่มไม่ได้ มาบัดนี้…

มาบัดนี้นางก็ยังมาเกิดเป็นเด็กน้อยที่มีท่านพ่อ ท่านอา และพี่ชายคอยห้ามไม่ให้ดื่มอีก

น่าเวทนา น่าเวทนาจริง ๆ

คนตัวเล็กกินพลางขมวดคิ้วถอนหายใจ ท่าทางของนางทำให้คนข้าง ๆ ต่างขบขัน

ทุกคนกำลังพูดถึงผลไม้หายากอย่างเฉ่าเหมย ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมันมาก่อน รูปลักษณ์ก็แปลกตา รสชาติก็อร่อยถูกปาก กินง่ายเพราะเนื้อด้านในไม่มีเมล็ด

แต่ก็มีคนอีกบางส่วนเอ่ยถามว่ามันคือสิ่งใด ผลไม้ที่ผลิดอกออกผลได้แม้อยู่ในช่วงอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบไม่เห็นมาก่อน

หนานกงหลีไม่ได้ลงรายละเอียดอันใดมาก เพียงตอบพวกเขาไปว่านี่คือเฉ่าเหมย เป็นผลไม้สายพันธุ์ใหม่ในครอบครองของราชวงศ์ต้าเซี่ย

เมื่อได้รับคำอธิบายที่แสนเลิศหรูเกี่ยวกับผลไม้นี้เพียงไม่กี่ประโยค เหล่าราชทูตจากอาณาจักรน้อยใหญ่ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นเช่นไรกับเฉ่าเหมยต่างก็ไม่รอช้าที่จะลองกินมัน

ผ่านไปสักพักเสี่ยวเป่าก็ลืมความขุ่นเคืองใจที่ถูกห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า จากนั้นนางก็พลางดื่มพลางกิน กวาดตามองเสื้อผ้าอาภรณ์อันหลากหลายที่ผู้คนในงานสวมใส่ด้วยความสงสัย คนตัวเล็กนั่งมองสิ่งสวย ๆ งาม ๆ ตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มเริงร่าจนทั้งคิ้วทั้งตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว

โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่ออกมาร่ายรำนั้น ดูแล้วเจริญหูเจริญตาจริง ๆ!

ทันใดนั้น หางตานางก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบนชายเสื้อคลุมของอาเจ็ด นางจึงคอยสังเกตสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วเงียบ ๆ

หนานกงจ้านที่กำลังมองนาง “ระวังหน่อย”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับสิ่งที่ตนกำลังจ้องขึ้นมาไว้ในมือ

“เอ๊ะ ตัวเจ้าสีสวยงามแปลกตายิ่งนัก”

เสี่ยวเป่าค่อย ๆ ลูบสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วบนมือ บนตัวมันมีสีสันสวยงามและเส้นขนปุกปุย

“เสี่ยวเป่ากำลังทำสิ่ง… เดี๋ยว!!!”

ทันทีที่หนานกงหลีเห็นสิ่งมีชีวิตในมือเสี่ยวเป่า เขาก็ผุดลุกขึ้นพร้อมร้องตกใจเสียงดังลั่น

“เร็วเข้า… รีบโยนมันทิ้งเร็ว!”

ผู้ใดได้ก็ได้รีบมาเอามันออกไปที เขาร่ำร้องอยู่ในใจ

หนานกงจ้านสังเกตเห็นว่าความผิดปกติจึงเยี่ยมหน้าเข้าไปดู พลันสีหน้าแข็งทื่อไปในบัดดล

“เสี่ยวเป่ารีบปล่อยมันเร็ว!” เขาเองก็ไม่กล้าขยับ เพราะเกรงว่าแมงมุมบนมือเสี่ยวเป่าจะตกใจ จากที่ยังไม่เกิดเรื่อง ประเดี๋ยวจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ

“กรร!”

จิ้งจอกน้อยที่นอนสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเป่า จู่ ๆ กระโดดออกมาคาบแมงมุมสีรุ้งออกจากมือนาง

“รีบมาให้ข้าดูหน่อยว่าถูกกัดหรือไม่”

มือเล็ก ๆ ถูกคนทั้งสามพลิกไปพลิกมาเพื่อตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า สายตาพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความกังวล

“ถูกกัดหรือไม่ เจ็บที่ใดบ้างรีบบอกอาเจ็ดมาเร็วเข้า”

“ไยถึงได้จับมันเล่า ข้ามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันมีพิษ”

เสี่ยวเป่านั่งนิ่งกะพริบปริบ ๆ “เสี่ยวเป่าไม่ได้โดนกัด ท่านอาทั้งสอง พี่รองไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ”

ทว่าหนานกงฉีโม่ยังไม่วางใจ เขาเรียกคนมาสั่งการทันที “ตามหมอหลวง!”

เหล่าขุนนางที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พวกเขา และราชทูตทั้งหลายต่างก็สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างรวดเร็ว

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

“ข้าเองก็มิทราบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ท่านอ๋องทั้งสองและองค์ชายรองคงไม่มีเจตนาจะล่มงานเลี้ยงหรอกกระมัง”

และแล้วก็มีคนจงใจก่อปัญหา “ต้าเซี่ยละเลย*[1]เราถึงเพียงนี้ คงไม่เห็นเราอยู่ในสายตาแล้วกระมัง!”

“ทุกท่าน ต้องขออภัยทุกท่านแล้ว องค์หญิงน้อยของเราเพิ่งพบแมงมุมสีรุ้ง เกรงว่าจะเป็นแมงมุมพิษ ท่านอ๋องทั้งสองและองค์ชายรองจึงเป็นห่วงองค์หญิง ทุกท่านโปรดกินดื่มชมระบำให้สบายใจต่อเถิด”

หงหลูซื่อชิงยืนขึ้นท่ามกลางผู้คนเพื่ออธิบาย ว่าเหตุใดท่านอ๋องทั้งสองและองค์ชายรองจึงทำเช่นนี้

“นี่…ในงานเลี้ยงนี้มีแมงมุมพิษ!”

แมงมุมสีรุ้ง และเหมือนจะได้ยินว่ามันมีพิษ มิหนำซ้ำมันยังอยู่ที่นี่!

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็กระวนกระวายกันมากขึ้น

“พวกท่านละเลยเราเกินไปแล้ว นี่เป็นวิธีการต้อนรับของราชวงศ์ต้าเซี่ยอย่างนั้นหรือ ทำให้พวกเราตกอยู่ในอันตราย!”

“จริงด้วย ในสถานที่เช่นนี้ยังปล่อยให้สัตว์มีพิษเข้ามาได้ อาณาจักรของพวกท่านประมาทเกินไปแล้ว”

เมื่อได้ยินหงหลูซื่อชิงกล่าวถึงแมงมุม ทางด้านหนานจ้าว มหาปุโรหิตมองสตรีนางหนึ่งที่อยู่ข้างหลังด้วยแววตานิ่งสงบ

สตรีนางนั้นตากระตุกพลางส่ายหัวเล็กน้อย

เป็นนางที่แอบปล่อยแมงมุมพิษพวกนั้นจริง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะพบมันเข้าเสียก่อน

ทั้งโถงรับรองเต็มไปด้วยความโกลาหล หนานกงหลีลุกขึ้นประกาศกร้าว

“หุบปากให้หมด!”

ยามนี้ใบหน้าเขาเรียบตึงดึงเอาความน่าเกรงขามของเชื้อพระวงศ์หนุ่มออกมาประจักษ์แก่สายตาผู้คน

หนานกงจ้านและหนานกงฉีโม่ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน ดวงตาของทั้งสองเรียกได้ว่าเย็นยะเยือก

“ในเมื่อพวกท่านอยากรู้ว่าแมงมุมพิษนี้เข้ามาได้อย่างไร เช่นนั้นก็ดี ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน!”

คนผู้หนึ่งห้ามใจไว้ไม่อยู่ โพล่งออกมาว่า “ทำไมหรือ หรือพวกท่านจะกล่าวหาว่าเป็นพวกเราที่นำแมงมุมเข้ามาที่นี่? ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเจ้าจะไม่ทำตัวเป็นขโมยร้องให้จับโจร*[2]”

หนานกงหลีปรายตามองบรรดาราชทูตที่มาจากอาณาจักรที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจเรื่องพิษ

“แมงมุมตัวนี้มีขนาดเล็กมาก ซ้ำลำตัวยังหลากสี อย่าว่าแต่อาณาจักรของข้าคิดจะใช้แผนการชั่วช้าน่ารังเกียจเช่นนี้เลย แม้แต่แมงมุมชนิดนี้ก็ยังไม่อาจพบได้ในอาณาจักรต้าเซี่ยของข้า”

สิ้นคำนั้น หลายคนก็หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

มีคนไม่ยอมเชื่อและยังคงตั้งคำถามว่า “แมงมุมตัวนี้คงไม่อาจเข้ามาที่นี่ได้เองหรอกกระมัง ต้องเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของพวกท่าน!”

หนานกงหลีเยียดยิ้ม “ท่านราชทูตผู้นี้คงหูไม่ดีแล้วกระมัง เมื่อครู่ข้าเพิ่งจะบอกไปชัดเจนแล้วว่า แมงมุมชนิดนี้มิอาจพบได้ในอาณาจักรต้าเซี่ยของข้า เช่นนั้นแล้วมันย่อมไม่ใช่สัตว์พิษของที่นี่ แล้วมันจะมาปรากฏอยู่ที่นี่เพราะความเลินเล่อของพวกข้าได้อย่างไร

ท่านราชทูตผู้นี้ท่าทางจะป่วยแต่ไม่ยอมรักษา หากอาณาจักรของท่านไม่มีความสามารถด้านการรักษา อาณาจักรต้าเซี่ยของข้าก็ยินดีที่จะให้ท่านยืมหมอเพื่อรักษาหู แม้อาการทางหูนี้จะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่มันคงไม่เป็นการดีแน่ หากท่านได้ยินคำพูดของผู้อื่นไม่ชัดเจน แล้วพยายามคิดเองเออเองเช่นนี้ หากโชคดีพบคนใจดีเช่นข้าก็แล้วไป แต่หากเจอคนไม่ดีเข้า ก็เป็นท่านเองที่จะแย่”

ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีปัญหาเรื่องหูถึงกับหน้าดำหน้าแดง เพราะความโมโหจนรู้สึกเจ็บหัวใจ บ่าวรับใช้ต้องมาประคองให้นั่งลงช้า ๆ

“ไอ้หยา ท่านราชทูตผู้นี้ ไม่เพียงแต่มีปัญหาเรื่องหู แต่ยังเป็นโรคหัวใจด้วย จิ๊จิ๊ อาณาจักรของพวกท่านนี่ทำงานหนักกันจริง ๆ เจ็บป่วยร้ายแรงถึงเพียงนี้ยังต้องเดินทางไกลเพื่อมาเยือนอาณาจักรของเรา หมอหลวงเร็วเข้า รีบมารักษาท่านราชทูตที อย่าปล่อยให้เขาเกิดเรื่องที่ต้าเซี่ย หากไม่รีบรักษาอาการหูหนวกจนต้องคิดเองเออเองให้ท่านผู้นี้ ถึงตอนนั้นคนเขาจะครหาเราเอาได้ หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ยุติธรรมกับต้าเซี่ยของเราแล้ว”

เจ้าเด็กนี่! ท่านราชทูตผู้นั้นโมโหจนตาเหลือก เดิมทีเขานั้นยังแข็งแรงดี แต่เพราะคำพูดของหนานกงหลีที่บอกว่าเขาเป็นโรค เขาถึงได้ตกใจจนกลายเป็นเช่นนี้

หนานกงหลีจัดการราชทูตด้วยฝีปากจนอยู่หมัด ก่อนจะใช้นัยน์ตาสีดอกท้อคู่นั้นกวาดมองพวกที่เหลือ

“ทุกท่าน มีผู้ใดยังไม่เข้าใจอีกหรือไม่ ข้าไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้พวกท่านฟังอีกรอบ เพราะข้าผู้นี้ถือว่าจิตใจดีอยู่ไม่น้อย”

ทุกคน “…”

อย่างท่านน่ะหรือเรียกว่าจิตใจดี

ในเวลานี้อย่าว่าแต่ราชทูตผู้นั้นเลยที่มีน้ำโห คนฟังอย่างพวกเขาก็รู้สึกเสียดาย ในขณะเดียวกันก็ดีใจที่ช้ากว่าท่านผู้นั้นไปหนึ่งก้าว ไม่เช่นนั้นผู้ที่กำลังมีน้ำโหอาจเป็นพวกเขา

เหล่าผู้ที่เคยปะทะฝีปากกับเซียวเหยาอ๋องแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำได้เพียงปิดปากเงียบ

ในหมู่พวกเขา กลุ่มคนที่มีความสุขที่สุดคือคนเผ่าหมาน การเจรจาเมื่อคราวก่อนพวกเขาเคยลิ้มลองวาจาเจ็บแสบของเซียวเหยาอ๋องผู้นี้มาแล้ว พวกเขาโมโหจนแทบอยากฆ่าคน

ในที่สุด… ก็ไม่ได้มีเพียงพวกเขาที่ต้องเจ็บแสบเพราะพิษปากเซียวเหยาอ๋อง

หงหลูซื่อชิงก้าวออกมาคลี่คลายสถานการณ์

“ทุกท่านโปรดใจเย็น โชคดีที่แมงมุมตัวนี้ไม่ได้ก่อปัญหาใหญ่ ขอทุกท่านอย่าได้เป็นกังวล ทางเราจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างอย่างแน่นอน”

“ผู้ใดจะรู้ว่าแมงมุมที่พวกท่านกล่าวถึงจะจริงแท้เพียงใด ดีชั่วอย่างไรก็ล้วนออกมาจากปากพวกท่านเพียงฝ่ายเดียว”

เจ้าของประโยคนั้นเพียงบ่นพึมพำ

“ท่านอาเจ็ด หงหงยังไม่ได้กินมันเจ้าค่ะ”

รอจนหมอหลวงตรวจอาการเสี่ยวเป่าเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอันใดจริง ๆ ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสี่ยวเป่าพบ ว่าหงหงที่คาบแมงมุมออกจากมือนางไม่ได้กินมันเข้าไป แต่กำลังใช้กรงเล็บแหลมคมเขี่ยแมงมุมตัวนั้นเล่น

เมื่อได้ยินเสี่ยวเป่าพูดเช่นนั้น หนานกงหลีก็เลิกคิ้วขึ้น “ในเมื่ออยากเห็นทุกอย่าง เช่นนั้นก็ดูเสียให้พอ”

เขากวักมือเรียกคนมาจับแมงมุมพิษด้วยตะเกียบ

เสี่ยวเป่า “ไม่ต้อง ๆ อย่าลำบากเลย”

พูดจบนางก็เรียกหาหงหง จิ้งจอกตัวน้อยก้มหัวให้นาง ในขณะที่แมงมุมสีรุ้งกระโดดขึ้นแขนเสี่ยวเป่า

หนานกงหลีเปลือกตากระตุก แมงมุมนี้มีพิษร้ายแรงมาก แต่จิ้งจอกน้อยตัวนี้กลับกล้าคาบมันไว้ในปาก มิหนำซ้ำมันยังกระโดดขึ้นไปบนตัวเสี่ยวเป่า!

อันตรายเกินไปแล้ว!!!

หงหงฟังคำสั่งของเสี่ยวเป่า มันคาบแมงมุมไปไว้บนโต๊ะให้ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นความจริงตามที่เซียวเหยาอ๋องอธิบายไว้!

“ทุกท่านดู เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสัตว์มีพิษที่พบได้เฉพาะในป่าทึบที่มีสภาพอากาศชื้นเท่านั้น”

หงหลูซื่อชิง “แม้เมืองหลวงของต้าเซี่ยจะมีภูเขาและป่าหลายแห่ง แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าสภาพอากาศของที่นี่ไม่ชื้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแมงมุมชนิดนี้ หากองค์หญิงไม่ได้ทรงพบเข้าเสียก่อน ยามนั้นผู้ที่อยู่ใกล้แมงมุมตัวนี้ที่สุดคือเซียวเหยาอ๋อง เช่นนั้นผู้ที่เสี่ยงจะโดนกัดมากที่สุดก็คือเซียวเหยาอ๋องของเรา!”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หงหลูซื่อชิงยังตกใจ นับประสาอันใดกับคนอื่น ๆ

ด้านหนานกงจ้านและหนานกงฉีโม่ก็ลอบสังเกตอาการคนแต่ละอาณาจักรอย่างรอบคอบ จากนั้นทั้งคู่ก็พบว่ามีคนสองคนจากอาณาจักรหนานจ้าวที่มีท่าทางแปลก ๆ

หนานกงจ้านกำหมัดแน่นทันที หนานจ้าว!

แต่ยามนี้พวกเขาไม่มีหลักฐาน หากบุ่มบ่ามพูดออกมา เกรงว่านอกจากคนพวกนั้นจะไม่ยอมรับแล้ว ยังจะหาว่าถูกใส่ความอีกด้วย ฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงนิ่งไว้ก่อน

การปรากฏตัวของแมงมุมทำลายความสงสัยที่เหล่าอาณาจักรน้อยใหญ่มีต่อต้าเซี่ย และหันไปสงสัยบรรดาคณะราชทูตด้วยกันเอง

ผู้ใดบ้างที่เลี้ยงสิ่งที่มองเห็นได้ยากและมีพิษร้ายแรงเช่นนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าตนถูกหมายหัวอยู่

หนานกงหลีกวาดตามองทุกคน “พวกท่านทุกคนเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันพระราชสมภพของเสด็จพี่ของข้า ข้าเชื่อว่าพวกท่านคงมิได้มีความคิดที่น่ารังเกียจเช่นนี้ แต่หากมีผู้ใดคิดทำการชั่วในแผ่นดินต้าเซี่ย ก็อย่าหาว่าข้าเสียมารยาท เหล่าพี่น้องของข้าพร้อมชำระบัญชี

ข้านั้นไร้ยางอาย มักกล่าววาจาน่าเกลียดก่อนสิ่งใด ไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่เพียงใดราชวงศ์ต้าเซี่ยของข้าก็ไม่เกรงกลัว แต่ราชทูตทั้งหลายมิต้องเป็นกังวล ทุกท่านมาที่นี่เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง ต้าเซี่ยในฐานะเจ้าบ้านย่อมต้องต้อนรับขับสู้พวกท่านเป็นอย่างดี ให้พวกท่านรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตน หากมีสิ่งใดขาดเหลือ ขอทุกท่านแจ้งให้เราทราบทันที ทางหงหลูซื่อชิงของเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อความพอใจของทุกท่าน”

คำพูดหวาน ๆ ก็สามารถตบหน้าคนได้ เป็นเหตุให้บรรดาผู้ที่ไม่พอใจหมดคำจะโต้เถียง

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องในงานเลี้ยง งานเลี้ยงจึงต้องยุติลงเพียงเท่านี้

หงหลูซื่อชิงท่าทางเป็นกังวลยิ่ง เพราะเกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะทำให้ต้าเซี่ยของพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง!

ด้านหนานกงหลีดูไม่ค่อยกังวลนัก ซ้ำยังยกยิ้มเย้ยหยัน “ปล่อยให้พวกเขาสงสัยกันเองไปเถิด”

[1] ละเลย ในที่นี้หมายถึง ต้อนรับไม่ดี

[2] ขโมยร้องให้จับโจร หมายถึง ตัวเองคือคนร้าย แต่กล่าวหาคนอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ