ตอนที 63-1 ท่านจงใจปิดบังข้า

เมื่อหลี่เว่ยหยางเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่แล้ว จึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ไป๋จื่อกำลังยืนรออยู่ด้านนอก และเมื่อนางเห็นหลี่เว่ยหยางเดินออกมา จึงรีบวิ่งเข้ามาหา:

“คุณหนู”

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองนาง และเห็นน้ำตาที่ไหลรินอยู่ที่ตาของสาวใช้ จึงถอนหายใจโดยมิรู้ตัวและกล่าวว่า:

“เจ้ายังเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจื่อหยานหรือ?”

ไป๋จื่อเช็ดน้ำตาของตนเองและกล่าวว่า:

“คุณหนู บ่าวและจื่อหยานมาอยู่ที่นี่พร้อมกัน แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของเรานั้นใกล้ชิดมากกว่าคนอื่น ๆ

แม้ว่านางจะเป็นผู้ก่อปัญหาขึ้นมาเอง แต่นางตายอย่างอนาถ ข้าจึงรู้สึกสงสารนางเป็นอย่างมาก…”

หลี่เว่ยหยางพยักหน้า พร้อมกับแววตาที่แสดงถึงความเห็นใจ

เมื่อฮูหยินสามส่งคนมาแจ้งว่า คุณชายใหญ่ลงโทษจื่อหยาน และพวกเขายังทรมานนางจนถึงแก่ความตาย เว่ยหยางจึงก็นึกถึงความคิดนี้ทันที

นางรู้จักนิสัยของหลี่เสี่ยวหรันเป็นอย่างดี เมื่อมีผู้ที่จะทำลายชื่อเสียงและสถานะของตนเอง เขาจึงมิมีทางที่จะให้อภัยเรื่องนี้ได้!

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางกวาดมองไปรอบ ๆ และทันใดนั้น ได้ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย:

“หมินเต๋อและฮูหยินสามยังมิออกมาอีกหรือ?”

ใบหน้าของไป๋จื่อว่างเปล่า ขณะที่นางกล่าวว่า:

“ฮูหยินสามกลับไปแล้ว แต่ยังมิเห็นคุณชายสามเลย”

ตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยงเด็กผู้นี้ก็ทำตัวแปลก ๆ หลี่เว่ยหยางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้และยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ นางกล่าวว่า:

“ไปตามหาเขากัน”

พวกนางเดินกลับเข้าไป ขณะที่มองหาเขา ในที่สุดจึงได้เห็นร่างที่คุ้นเคยบนขั้นบันไดของศาลาในสวนอันเงียบสงบ

หลี่เว่ยหยางมีอาการตกตะลึง พร้อมกับเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

“น้องสาม”

หลี่หมินเต๋อนั่งอยู่บนขั้นบันไดในขณะที่เขามีอาการเศร้าสร้อย

แสงจันทร์สาดส่องมาบนใบหน้าของเขาทำให้ดูเหมือนว่าริมฝีปากของเขาขาวซีดขึ้นเล็กน้อย

“เหตุใดเจ้าจึงมานั่งที่นี่คนเดียว?”

หลี่เว่ยหยางยื่นมือมาหาเขา และเมื่อมืองั้นสัมผัสโดนร่างของเด็กชาย นางจึงสะดุ้งเนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นในร่างกายของเขา จึงรีบสั่งให้ไป๋จือนำเสื้อคลุมมา

ไป๋จื่อหันกลับหลัง แล้วพุ่งออกไปโดยทิ้งทั้งสองคนไว้ที่ศาลานั้น

หลี่หมินเต๋อมิได้เงยหน้าขึ้น จึงเห็นขนตายาวของเขาอย่างชัดเจนขณะที่เขาหลบตา:

“พี่สามวันนี้เกิดอ้นใดขึ้น…ท่านกับท่านแม่ของข้าวางแผนเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”

หลี่เว่ยหยางจ้องมองอย่างว่างเปล่า เพราะมิรู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดี

ฮูหยินใหญ่มีความคิดที่จะยึดทรัพย์สินของฮูหยินสามอย่างเปิดเผย

ก่อนหน้านี้ ที่ฮูหยินสามมีอาการเจ็บป่วยเป็นเพราะฮูหยินใหญ่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด

ตอนนี้ฮูหยินสามหายเป็นปกติดีแล้วและยังเป็นที่โปรดปรานของท่านผู้อาวุโสหลี่อีก

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หมินเต๋อมิน่าจะเข้าใจได้ เพราะเขายังเป็นเด็กเกินไป!

“หมินเต๋อ เจ้ามิควรกังวลกับเรื่องเหล่านี้ รีบกลับบ้านเดี๋ยวจะเป็นหวัด” นางดึงแขนของเขาอีกครั้ง

ตอนนี้เขายังคงมิขยับและทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเท่านั้น ขณะที่กล่าวว่า:

“ข้าต้องการอยู่ที่นี่อีกสักพัก”

“คืนนี้เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า”

ใบหน้าของพี่สาวเผยให้เห็นถึงความโกรธเล็กน้อย

“เจ้าจะกลับไปหรือไม่?!”

“ข้าจะมิกลับไป!”

ทันใดนั้นหลี่หมินเต๋อกล่าวด้วยเสียงดัง ทำให้ดวงตาของหลี่เว่ยหยางเหยือกเย็นลงทันที

นางคงมิเป็นห่วงผู้ใดโดยมิมีเหตุผล หากนางและหลี่หมินเต๋อมิได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก่อน นางจะมิสนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะแข็งตายหรือไม่!

“เอาล่ะ หากเจ้ายังมิกลับ เช่นนั้นข้าคงต้องกลับก่อน”

เมื่อกล่าวเช่นนั้นจบแล้ว หลี่เว่ยหยางจึงหันหลังทันที

แต่ได้ยินเสียงกระซิบอย่างน้อยใจจากทางด้านหลังว่า:

“ท่านมีความลับกับข้า…”

ทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางจึงหันหน้ากลับมามองหลี่หมินเต๋ออย่างรวดเร็ว

ในตอนแรกนางคิดว่าเด็กผู้นี้ยังเป็นเพียงเล็กน้อยที่ไร้เดียงสา แต่แท้ที่จริงแล้วความคิดของเขาเป็นผู้ใหญ่มาก

“เรามิได้ตั้งใจที่จะปิดบังเจ้า เพียงแค่คิดว่า มันจะเป็นการดีสำหรับเจ้า ที่จะรู้ให้น้อยที่สุด

เพราะการกระทำเหล่านี้ใช้เพื่อหลอกล่อให้ผู้อื่นติดกับดัก จึงมิสามารถปล่อยให้เด็กมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้ “

“ท่านคิดว่า ข้าเป็นเด็กอยู่เสมอ ความจริงข้าเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ท่านคิดเอาไว้มาก”

หลี่หมินเต๋อขมวดคิ้ว ขณะที่กล่าวต่อไปอีกว่า

“แล้วท่านเป็นผู้ใหญ่แล้วหรืออย่างไร!”

หลี่เว่ยหยางเริ่มกุมขมับของตนเอง ราวกับว่ารู้สึกปวดหัวอย่างหนัก

“ต่อไปนี้เราจะพยายามมิปิดบังเจ้า…”

หลี่หมินเต๋อเงยหน้าขึ้นทันที จึงเห็นว่าดวงตาที่ส่องแสงเป็นประกายของเขากำลังจ้องมองมาที่นาง จนทำให้หลี่เว่ยหยางรู้สึกผิดอย่างอธิบายมิถูก

ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินสามหรือนาง พวกนางจะมิมีทางปล่อยให้หลี่หมินเต๋อตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาขณะที่นางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หยุดพูดจาไร้สาระ! ลุกขึ้น”

“ข้ามีได้กล่าวเรื่องไร้สาระ”

ขนตาของหลี่หมินเต๋อเป็นเหมือนพัด ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขามิได้แสดงออกอันใด

ดูเหมือนว่าใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรัศมีที่รุนแรงซึ่งมิสอดคล้องกับอายุของตนเอง

หลี่เว่ยหยางหัวเราะและกล่าวว่า:

“เมื่อครู่ เจ้ากล่าวว่าตนเองโตแล้วมิใช่หรือ? นี่เป็นพฤติกรรมของผู้ใหญ่หรือ?”

เขามิตอบกลับ หลี่เว่ยหยางจึงเอื้อมมือไปดึงเขาขึ้นมา

ขณะที่หลี่หมินเต๋อปัดมือของนางออกโดยมิกล่าวอันใด หลี่เว่ยหยางเยาะเย้ยเขาอยู่ในใจ เด็กผู้นี้ทำตัวมิน่ารักเอาเสียเลย!

หลี่หมินเต๋อลุกขึ้นยืนทันที แต่น่าเสียดาย ที่เมื่อเขาก้าวมาด้านหน้าเขาก็ล้มลง

“ขาเจ้าพลิกหรือ?”