ตอนที่ 200

Silver Overlord

200 – เจ้าต้องการพบเปยซินหรือปล่าว

แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางล่าช้าไปบ้าง แต่เอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซูก็ยังคงมาถึงตระกูลลู่ตรงเวลา

ในฐานะมหาอํานาจของเมืองหวงหลง พวกเขาย่อมทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหวังที่อยู่ใกล้เคียง

และด้วยเหตุผลเหล่านั้น เมื่อเฉียนซูและเสี้ยนลี่เฉียงมาถึงที่ตระกูลลู่พวกเขาจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่รุนแรงปกติของที่นี่

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไปบนเส้นทางสู่บ้านพักของตระกูลลู่ ก็มีคนแจ้งข่าวและทหารม้าอยู่เต็มไปหมด ทางเข้าตระกูลสู่มีมือธนูมากมายคอยประจําการอยู่

ในฐานะมหาอํานาจที่ทัดเทียมกับตระกูลหวัง คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลลู่จะปราศจากการป้องกันในเวลาเช่นนี้หลังจากได้เห็นหายนะของตระกูลหวัง

หลังจากที่ทั้งสองประกาศชื่อของพวกเขาที่ทางเข้า พวกเขาก็รอประมาณสิบนาทีก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก

เอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนตระหนักว่าลู่เปียนเป็นคนที่ออกมาทักทายพวกเขาด้วยตนเอง

แม้จะไม่ได้เจอกันนานนักลู่เปียนก็ยังอ้วนมาก ร่างของเขาดูเหมือนจะไม่ได้บ่งบอกว่าเขาผอมลงแม้แต่น้อย เขาสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดําซึ่งหิมะตกลงมาจะไม่เกาะติด และเขาก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับตระกูลหวัง?” สิ่งแรกที่ ลู่เปียนพูดกับพวกเอี้ยนลี่เฉียง

“แน่นอนเรารู้ คราวนี้ตระกูลหวังจบสิ้นแล้ว…” เฉียนซูส่ายหัว

“เอ่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ลู่เปียนถามทันทีว่า “เราได้ส่งคนสองสามคนแต่ไม่สามารถสืบข่าวอะไรได้…

ทั้งสามคนยังคงพูดคุยกันต่อไปขณะเดินไปที่คฤหาสน์ตระกูลสู่ทันทีที่ทั้งสามเข้าไปข้างใน ประตูที่เปิดสําหรับพวกเขาก็ปิดอีกครั้งในทันที

เฉียนซูสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ป้อมปราการตระกูลหวังให้ลู่เปียนฟัง

หลังจากฟังเรื่องราวของเฉียนซูแล้วลู่เปียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“เจ้ากําลังพูดว่าเป้าหมายที่แท้จริงของกองกําลังจากเมืองผิงซีเป็นเพียงตระกูลหวังเท่านั้นหรือ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว กงเกี่ยซานเป็นคนนํากําลังมาด้วยตัวเอง..”

การแสดงออกบนใบหน้าของลู่เปียนค่อนข้างผ่อนคลายเล็กน้อย เขาถอนหายใจยาวและพูดว่า

“ข้อมูลของเจ้าทําให้พวกเราผ่อนคลายจริงๆ เข้าไปพบกับนายผู้เฒ่าข้างในเถอะ…”

“ก็ได้!”

หลังจากนั้นไม่กี่นาที่ลู่เปียนได้พาพวกเขาไปพบกับนายผู้เฒ่าตระกูลลู่ที่ห้องนั่งเล่นสวนใน

“คารวะผู้เฒ่าลู่..” เอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซูรีบลุกขึ้นยืนและแสดงความเคารพต่อเขา

“ฮ่าๆ ไม่คิดว่าลี่เฉียงจะอยู่ที่นี่เช่นกัน..” ผู้เฒ่าลู่นั่งลงที่โต๊ะและจ้องมองที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้ม

“เป็นเวลานานแล้วที่ข้ากับลุงเฉียนได้พบท่าน เมื่อข้าแวะกลับจากเมืองผิงซีข้าก็มาที่นี่ทันที..” ในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวทักทาย

เขาก็ได้เพิ่มประโยคอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหวัง ซึ่งนายผู้เฒ่าสู่กังวลมากที่สุด และอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เอี้ยนลี่เฉียงเล่าเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน แม้ว่านายผู้เฒ่าลู่จะไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลหวังด้วยตาของเขาเอง

คิ้วยาวของนายผู้เฒ่าลู่สั่นไหวสั่น ในขณะที่เขายังคงฟังเรื่องราวของเอี้ยนลี่เฉียง และอารมณ์บนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

จนกระทั่งในที่สุด เขาก็แสดงออกถึงความโล่งใจ อย่างไรก็ตาม การขมวดคิ้วยังคงย่นบนหน้าผากของเขา และยังไม่คลายออกทั้งหมด ผู้เฒ่าลู่ลูบเคราของเขาและกล่าวว่า

“ดูเหมือนว่าตระกูลหวังจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นในเมืองผิงซี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเป็นเรื่องใหญ่โตที่มันได้แพร่กระจายไปทั่วเขตปกครองกาน

ลี่เฉียงเจ้าอยู่ที่สถาบันศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเจ้าต้องเคยได้ยินเรื่องนี้ ข้าได้ยินมาว่ามีนักเรียนหลายคนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ที่ค้นพบชาวชาตูที่ปลอมตัว จนนําไปสู่เหตุการณ์ต่างๆในภายหลัง! “ท่านผู้เฒ่าถามถูกคน แล้วเฉียนซูตอบด้วยรอยยิ้ม” โอ้ บางที่ลี่เฉียงอาจรู้จักนักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ที่ค้นพบชาวชาต? ไม่ใช่ว่าลี่เฉียงรู้จักนักเรียนเหล่านั้นแต่นักเรียนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลี่เฉียง!“นายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนตกตะลึงในทันที และพวกเขาจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยท่าทางเหลือเชื่อ”อะไรนะ ลี่เฉียงคือคนที่ค้นพบพวกเขา เกิดอะไรขึ้น? ลี่เฉียง เล่าเรื่องทั้งหมดในคืนนั้นให้นายผู้เฒ่าลู่ฟังเขาเชื่อว่ายังมีรายละเอียดอีกมากที่นายผู้เฒ่ายังไม่รู้! “ก็ได้.. “เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้า”ถ้าข้าต้องเล่าเรื่องในคืนนั้น เราจะต้องสืบย้อนถึงสาเหตุเมื่อสองเดือนก่อน ข้าเพิ่งจะรายงานตัวกับสถาบันศิลปะการต่อสู้ใน เมืองผิงซีในวันนั้น เมื่อข้าเข้าไปในเมือง ข้าพเจ้าเห็นกองคาราวานค้าขายของกลุ่มชาวชาต… “เอี้ยนลี่เฉียงเล่าถึงเหตุการณ์ที่ไร้ที่ติทั้งหมด และสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้ กับท่านนายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนฟัง

ในตอนท้ายของเรื่องเอี้ยนลี่เฉียงกล่าวเสริมว่า

“เมื่ออยู่ในสถาบันศิลปะการต่อสู้ข้าได้ยินมาว่านายน้อยของตระกูลหวัง หวังฮ่าวเฟยผู้ซึ่งถูกงูจงอางฆ่าเป็น เพื่อนที่ดีของนายน้อยผู้ว่าการเย่เซียว

หวังฮ่าวเฟยมักจะแวะที่คฤหาสน์ของเย่เซียวและเขามักจะอวดความสัมพันธ์ของเขากับลูกชายของผู้ว่าการ ต่อเพื่อนเพื่อนๆอยู่เสมอ สิ่งที่เขาทําลงไปน่าจะเป็นเพราะต้องการประจบนายน้อยผู้ว่าการก็ได้…”

ส่วนสุดท้ายที่เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวเป็นส่วนที่สําคัญที่สุด ด้วยระดับสติปัญญาของนายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนทั้งคู่สามารถเชื่อมต่อจุดต่างๆได้อย่างง่ายดาย และพวกเขาเข้าใจในทันทีว่าทําไมตระกูลหวังต้องประสบกับหายนะ ดังกล่าวในวันนี้

นายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เปียนเอ๋อ ไปสั่งให้ทหารที่อยู่ประตูยกเลิกการเตรียมพร้อมได้แล้ว หลังจากนั้นเปิดประตูบ้านลูอีกครั้ง อย่ารีบร้อนเกินไปไม่อย่างนั้นบ้านเราจะขายหน้าจน…” ผู้เฒ่าอู่บอกกับลู่เปียน

“ครับท่านพ่อ..” ลู่เปียนพยักหน้ายืนขึ้นทันทีและเดินออกจากห้องนั่งเล่น

เมื่อเขามาถึงข้างนอก เขาเรียกพ่อบ้านมาและสั่งด้วยเสียงต่ํา

ลู่เปียนกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้งก่อนจะนั่งลงที่ด้านข้างของเอี้ยนลี่เฉียง

นายผู้เฒ่าลู่จ้องมองที่เอี้ยนลี่เฉียง เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ทําให้เขารู้สึกสบายตาทุกครั้งที่มอง การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ล้วนนําโชคดีมาให้ตระกูลของพวกเขาทุกครั้ง บางทีนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตให้กับตระกูลของเขาก็ได้

“ลี่เฉียง คืนนี้พวกเจ้าไม่ต้องกลับแล้วพวกเราจะฉลองกันให้หนัก…” ผู้เฒ่าสู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เมื่อสกุลหวังจบสิ้นแล้วพวกเราก็ถือว่าหมดสิ้นเสี้ยนหนามไปเช่นกัน เรื่องนี้ต้องฉลอง..” ลู่เปียนก็ยิ้มเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอขอบคุณนายผู้เฒ่าจริงๆ ลุงเฉียนและข้าจะดื่มกับนายผู้เฒ่าลู่และพี่หกคืนนี้ไม่เมาไม่เลิกรา!” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อึม นอกจากแวะมาคํานับนายผู้เฒ่าแล้วพวกเรายังมีเรื่องมาปรึกษาธุรกิจกับนายผู้เฒ่าและพี่หกด้วย”

“พวกเราเป็นคนกันเองเจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถอะ! ” ผู้เฒ่าลู่ลูบเคราของเขาและยิ้ม”เป็นแบบนี้ ลี่เฉียงคิดหาวิธีสร้างรายได้แบบใหม่ขึ้นมา ลุงเฉียนกับข้าไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะได้ผลดังนั้นพวกเราจึงมาปรึกษากับนายผู้เฒ่าและพี่หกที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจว่ามันพอจะได้ผลหรือไม่…”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ลี่เฉียงไม่คิดว่าเจ้าจะมีหัวการค้ากับเขาเหมือนกันเจ้าว่าออกมาเถอะ..” ลู่เปียนพึมพําในขณะที่เขาเริ่มสันนิษฐานในฐานะของนักลงทุน

หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็เล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องถ่านอัดก้อนและก้อนรากบัวอย่างละเอียด

ในตอนต้นของคําอธิบาย นายผู้เฒ่าลู่และลู่เปียนฟังอย่างตั้งใจด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา แต่เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเริ่มพูดถึงวิธีการผลิตและสูตรของก่อนรากบัว สีหน้าทั้งสองของพวกเขากลับกลายเป็นความเคร่งขรึมและความตกใจแทน…

เมื่อเปรียบเทียบกับเอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซู ธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ ตระกูลลู่ที่เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ย่อมมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของมันมาก

ข้อตกลงทางธุรกิจนี้เป็นไปได้หรือไม่? แน่นอน. บรรดาผู้ที่หันหลังให้กับข้อตกลงนี้ต้องเป็นคนโง่ การที่สามารถหาธุรกิจขายดินเป็นถ่านหินในโลกนี้ได้จากที่ใด?

แม้ว่าตระกูลสู่จะไม่สามารถทําธุรกิจนี้ได้ แต่พวกเขาก็สามารถหาคนอื่นมาสมทบกับพวกเขาและกลืนขนมเปี๊ยะก้อนนี้ลงได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่มีคนมากพอพวกเขาจะสามารถครองตลาดนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง

หลังจากที่เขาทานอาหารเย็นเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดสนิทลู่เปียนแอบดึงเอี้ยนลี่เฉียงออกไปข้างนอกด้วยท่าทางลับๆล่อๆ เขากระซิบ

“ลี่เฉียง เจ้าอยากเห็นเปยซินหรือไม่….”

เมื่อมองดูท่าทางลามกบนใบหน้าของลู่เปียน ความรู้สึกมึนเมาก่อนหน้านี้ของเอี้ยนลี่เฉียงก็หายไปในทันที…