ตอนที่ 177 ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำกําลังพิโรธ

“ได้สิ เช่นนั้นก็ไปที่นั่นกันเถอะ” ไม่ว่าเด็กสาวจะต้องการสิ่งใดม่อี้ก็พร้อมทําตามความต้องการของนาง เสมอและเขาก็จูงมือนางเดินไปที่วัดแห่งนั้นทันที แต่ม่อี้ไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าในกลุ่มคนมากมายที่อยู่ด้านห ลังเขาตอนนี้นั้นมีคนคนหนึ่งกําลังจับตามองเขาอยู่เงียบๆ

ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาปกติมู่อี้คงรู้สึกได้แล้ว แต่ในตอนนี้จิตใจของเขาเหมือนกับได้รับประสบการณ์ใหม่และเขาก็ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างในใจกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งอีกครั้ง

แน่นอนว่าถ้าหากว่าใครมีจิตสังหารต่อเขาหรือแสดงความเป็นศัตรูที่รุนแรงออกมาเขาย่อมรู้สึกได้แน่นอนเพราะแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังแห่งจิตใจแต่สัญชาตญาณและประสาทสัมผัสของเขาก็ยังเฉียบคมมากอยู่ดี

ด้านหน้าวัดริมฝั่งแม่น้ำนั้นมีกลุ่มนักพรตที่กําลังทําพิธีอยู่ บนโต๊ะด้านหน้าเต็มไปด้วยเครื่องบูชาต่างๆและรอบๆโต๊ะนั้นก็เต็มไปด้วยมนุษย์กระดาษรูปเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมากมาย เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้คือของที่เตรียมไว้เซ่นสังเวยให้แก่เทพเจ้าแห่งท้องน้ำ

นักพรตเต๋ที่กําลังทําพิธีอยู่นั้นไม่ใช่ผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจแต่เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจคงไม่มาทําอะไรเช่นนี้ด้วยตนเองแน่นอน แต่ในตอนที่ม่อี้เดินทางไปยังที่ต่างๆพร้อมกับท่านปู่ของเขานั้นเขาก็เคยทําพิธีเช่นนี้แม้ว่ามันจะไม่ใช่การเซ่นสังเวยแด่เทพเจ้าแห่งท้องน้ำก็ตามพวกเขาได้ทําพิธีบูชาเทพเจ้าให้กับตระกูลใหญ่ต่างๆส่วนสิ่งสําคัญในการทําพิธีนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้มตุ๋นหลอกลวงทั้งสิ้น

แต่แม้ว่านักพรตเต๋ที่เป็นผู้นําของพิธีกรรมในวันนี้จะไม่ใช่ผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจแต่เขาก็ดูมีฝีมืออยู่บ้างอย่างน้อยการเคลื่อนไหวของเขาก็รวดเร็วและงดงามเมื่อรวมกับการแสดงเล็กๆน้อยๆของเขาชาวบ้านที่เฝ้ามองอยู่ต่างก็เชื่อว่าเขาคือนักพรตผู้วิเศษคนหนึ่ง

“ถึงเวลาแล้วได้โปรดเถอะท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ”

หลังจากสวดมนต์ในลําคออยู่ครู่หนึ่งในที่สุดนักพรตเต๋คนนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดังและกระบี่ไม้ท้อที่อยู่ในมือของเขาก็สั่นอย่างรุนแรงทันใดนั้นสายลมที่รุนแรงก็พัดเข้ามาอย่างรวดเร็วและมนุษย์กระดาษที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำกําลังปรากฏตัว!”

นักพรตเต๋คนนั้นยังคงหลอกลวงผู้คนที่อยู่รอบๆต่อไป เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นราวกับว่ากําลังเคารพบชาเทพเจ้าที่กําลังอยู่ตรงหน้า

แต่ในตอนนี้ม่อี้และเนี่ยนหนิวเอ้อร์กลับโดดเด่นขึ้นมาในฝูงชน เพราะทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็คุกเข่าลงทั้งหมดมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่และจากนั้นสายตาของทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ก็จ้องมองมาที่พวกเขาทันที

“นักพรตเต๋น้อย เจ้ากับน้องสาวของเจ้ารีบคุกเข่าลงเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำจะลงโทษเจ้าแน่นอน”

บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีของมู่อี้และเนี่ยนหนิวเอ้อร์ในตอนนี้ทําให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นเมื่อเห็นว่าเขายังไม่รีบคุกเข่าลงมาอีกชายอีกคนที่คุกเข่าอยู่ข้างๆก็รีบเตือนด้วยน้ำเสียงต่ทันที

แม้แต่นักพรตเต๋ที่กําลังทําพิธีอยู่ก็หันมาที่นี่ สายตาของเขาจ้องมองมาที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์อยู่ครู่หนึ่งแต่เขาก็หันศรีษะกลับไปและทําพิธีต่อ

“ฮ่า ฮ่า มีเทพเจ้าแห่งท้องน้ำที่ไหนกัน แม้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องน้ำจะมาที่นี่จริงๆ คงไม่อาจทําให้พวกเราคุกเข่าลงได้หรอกนะ”เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวไม่รู้ว่าการเป็นมนุษย์ต้องทําตัวเช่นไรหรือนางก็ไม่สนใจว่าการปฏิบัติตัวเช่นนี้จะเหมาะสมหรือไม่เมื่อนางได้ยินเสียงเตือนก่อนหน้านี้นางก็หัวเราะและตอบกลับไปเสียงดังทันที

เมื่อผู้คนที่อยู่รอบข้างได้ยินคําพูดของนางนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ซีดลงและแสดงความหวาดกลัวออกมาทันที

และในตอนนี้มนุษย์กระดาษที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนหน้านี้ก็ร่วงหล่นลงมาทันทีและแม้แต่นักพรตเต๋ที่ทําพิธีอยู่ก็ร้องตะโกนออกมาและกระเด็นถอยหลังกลับไปหลายก้าวจนกระแทกกับโต๊ะที่วางเครื่องบูชาเอาไว้แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่สําคัญที่สุดเพราะเมื่อล้มลงไปที่พื้นแล้วนักพรตเต๋คนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า”ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”

หลังจากนั้นนักพรตเต๋ก็กระอักเลือดออกมาทันที

ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงขึ้นมา สิ่งที่พวกเขาได้เห็นในวันนี้มันน่าเหลือเชื่อจนเกินไปแต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าจุดจบของนักพรตเต๋ผู้นี้ใกล้จะมาถึงแล้วทุกๆคนต่างก็รู้สึกได้ว่าหายนะกําลังมาเยือนตนเอง ด้วยเช่นกัน

“รับทราบขอรับท่านเทพเจ้า ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านสั่งแล้วขอรับ!”

หลังจากกระอักเลือดออกมาเขาก็แสร้งทําเป็นได้ยินอะไรบางอย่างและหลังจากนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

จากนั้นนักพรตเต๋ก็ค่อยๆยืนขึ้นมาจากพื้น ในตอนนี้ลูกศิษย์ของเขาต่างก็รีบเข้ามาประคองช่วยเหลือผู้คนที่ยังคงคุกเข่าอยู่รอบๆก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

“ทุกๆท่านโปรดดูเองเถอะ มีอยู่ 2 คนที่กล้าลบหลู่และไม่ให้เกียรติเทพเจ้าแห่งท้องน้ำจนทําให้เทพเจ้าแห่งท้องน้ำรู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมาถ้าหากไม่ใช่คําขอของข้าก่อนหน้านี้เทพเจ้าแห่งท้องน้ำคงพิโรธจนแสดงความเกรี้ยวกราดให้เห็นแล้วแน่นอนเมื่อเทพเจ้าแห่งท้องน้ำสําแดงพลังออกมาอีกครั้งพื้นดินริมฝั่งแม่น้ำเหลืองแห่งนี้จะต้องพังทลายลงไปทั้งหมดผู้คนมากมายที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเหลืองจะต้องเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ชาวประมงที่หากินอยู่กับแม่น้ำเหลืองจะจับปลาไม่ได้อีกเลย”

นักพรตเต๋คนนั้นจ้องมองมาที่มู่อี้และเนี่ยนหนิวเอ้อร์และพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโกรธออกมาชัดเจนคําพูดของเขาทําให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกโกรธขึ้นมาด้วยเช่นกันสายตาของทุกๆคนที่จ้องมองมาที่มู่อี้นั้นแทบจะกลืนกินชีวิตของเขาเลย

เพราะพวกเขาต่างก็อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเหลืองแห่งนี้มาอย่างยาวนานและทุกๆคนต่างก็พึ่งพาแม่น้ำเหลืองในการดํารงชีวิตเมื่อได้ยินว่าความพิโรธของเทพเจ้าแห่งท้องน้ำจะทําลายชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองความโกรธของทุกๆคนในหมู่บ้านจึงถาโถมมาที่นักพรตเต๋น้อยและเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาทันที

ดูจากการแต่งกายของทั้งสองคนแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นคนต่างถิ่นแต่ในตอนนี้ใครจะสนใจกันว่าพวกเขาจะมาจากที่ใดในเมื่อพวกเขากล้าล่วงเกินและลบหลู่เทพเจ้าแห่งท้องน้ำทุกๆคนในหมู่บ้านแห่งนี้ย่อมไม่ปล่อยให้พวกเขารอดชีวิตออกไปได้แน่นอน

เด็กสาวไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อแสงอาทิตย์เลยแต่เมื่อเห็นสายตาของทุกๆคนกําลังจ้องมองมาที่นางด้วยความโกรธนางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและรีบหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังม่อี้ ใบหน้าเล็กๆของนางแสดงความประหลาดใจขึ้นมาสิ่งที่นางพูดออกไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริงไม่มีเทพเจ้าแห่งท้องน้ำหรือเทพเจ้าองค์ใดปรากฏตัวขึ้นที่นี่เลย

ส่วนการที่หุ่นมนุษย์กระดาษพวกนั้นหล่นลงมาจากท้องฟ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทําของนักพรตเต๋ผู้นั้นที่เตรียมการขึ้นมา เหตุใดถึงต้องมาโทษพวกนางด้วย?

เมื่อรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเนี่ยนหนิวเอ้อร์สีหน้าของมู่อี้ก็มืดมนขึ้นมาทันที ต่อหน้านักพรตเต๋ที่แสร้งทําเป็นสื่อสารกับเทพเจ้าได้และหลอกลวงต้มตุ้นผู้คน เขาอาจจะยอมปิดตาข้างหนึ่งและทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ในเมื่อมันเป็นพิธีกรรมที่ทําแล้วทุกคนในหมู่บ้านสบายใจขึ้นมาม่อี้ก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับได้ที่อีกฝ่ายกล้ากล่าวหาใส่ร้ายพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทําให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมานั่นคือสิ่งที่เขาไม่อาจให้อภัยได้เลย

ดังนั้นแม้ว่าสภาพจิตใจของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านี้และความชั่วร้ายในร่างกายของม่อี้จะถูกทําลายไปแล้วแต่จิตสังหารของเขาก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งนักพรตเต๋ผู้นี้ต้องตาย

ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าทําเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย ไม่ว่าใครก็ตามที่ปรากฏตัวขึ้นมาในวันนี้ก็ไม่อาจช่วยชีวิตนักพร

“ท่านนักพรตเต๋ ยังมีทางแก้อีกหรือไม่ขอรับ?” ในตอนนี้ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่น

“ยากมาก ยากมาก ยากมาก” นักพรตเต๋วัยกลางคนส่ายศีรษะและพูดคําว่ายากมากขึ้นมาถึง 3 ครั้งไม่ใช่แค่ชายชราที่ถามขึ้นมาก่อนหน้านี้เพียงคนเดียวแต่สีหน้าของทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็แสดงความหวาดกลัวนมาทันที

“ท่านนักพรตเต๋ โปรดช่วยพวกเราด้วยขอรับ”

“โปรดช่วยพวกเราด้วยขอรับ”

ทันใดนั้นทุกๆคนก็ร้องตะโกนออกมา เพราะในตอนนี้นักพรตเต๋ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาได้และมู่ธ์ก็ยังคงเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเฉยเมยเขาอยากจะเห็นว่านักพรตเต๋ผู้นี้จะทําอะไรต่อไป

“ข้าย่อมไม่อาจช่วยเหลือพวกท่านได้ขอรับ มีเพียงการทําให้ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำกลับมาสงบลงอีกครั้งเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือพวกท่านได้” นักพรตเต๋วัยกลางคนพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“เช่นนั้นพวกเราต้องทําเช่นไรเพื่อให้ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำกลับมาสงบลงอีกครั้งขอรับ?” คําพูดของนักพรตเต๋วัยกลางคนทําให้ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของทุกๆคนกําลังคิดว่าตราบใดที่สามารถทําให้เทพเจ้าแห่งท้องน้ำกลับมาสงบลงอีกครั้งได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?

“ถ้าหากพวกท่านต้องการให้ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำกลับมาสงบลงอีกครั้ง พวกท่านต้องสังเวยเด็กน้อยผู้นั้นที่กล้าพูดจาล่วงเกินแก่ท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับฟังมาจากท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำอีกที”สายตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาพร้อมกับแสดงความโลภให้เห็น

“ช่างกล้า!”

มู่อี้ร้องตะโกนในใจแต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเช่นเดิมและดวงตาของเขาก็ยังคงไว้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มีเพียงคนที่รู้จักม่อี้เท่านั้นถึงจะรู้ว่าในตอนนี้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ

แม้ว่าในตอนที่เขาถูกตระกูลดังใส่ร้ายในคืนนั้นหรือตอนที่คนของศาลาแปดทิศเข้ามาขัดขวางการเดินทางของเขาเขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเลย ครั้งนี้เป็นเพราะนักพรตเต๋ผู้นี้เข้ามาสัมผัสเกล็ดย้อนของมู่โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ํา

เนี่ยนหนิวเอ้อร์คือเกล็ดย้อนของมู่ลี้! ผู้ใดกล้าสัมผัสต้องตายสถานเดียว

“นี่มัน …” ชายชราคนนั้นและผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็มีสีหน้าที่ดูลังเลใจขึ้นมา เพราะมันแตกต่างจากก่อนหน้านี้มากแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกโกรธแต่ก็ไม่ได้อยากฆ่าใครจริงๆ เพราะนี่คือมนุษย์ที่มีชีวิตจริงๆ มันแตกต่างจากมนุษย์กระดาษที่พวกเขาเซ่นสังเวยไปก่อนหน้านี้

นักพรตเต๋วัยกลางคนเห็นว่าทุกๆคนยังคงลังเลใจ สีหน้าของเขาก็ดูกังวลใจขึ้นมาทันที ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟอีกครั้ง “พวกท่านต้องคิดให้ดีก่อนที่เทพเจ้าแห่งท้องน้ำจะรู้สึกอุ่นเคืองใจ ไปมากกว่านี้ มีกี่ชีวิตกันที่อาศัยอยู่ที่นี่เมื่อเทียบกับชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่กล้าล่วงเกินท่านเทพเจ้าแห่งท้องน้ำแล้ว พวกท่านกลับเลือกเด็กสาวผู้นี้งั้นหรือ? “

นักพรตเต๋วัยกลางคนผู้นี้กําลังเล่นสงครามจิตวิทยากับชาวบ้านที่อยู่ที่นี่อย่างชัดเจน ทุกๆคนบนโลกใบนี้ย่อมพร้อมที่จะเสียสละชีวิตคนอื่นเพื่อความอยู่รอดของตนเองอยู่แล้ว

เมื่อเทียบกับชีวิตของเด็กสาวแปลกหน้าคนหนึ่งแล้ว ชีวิตของพวกเขาย่อมสําคัญยิ่งกว่า

จากนั้นสายตาของทุกๆคนก็เปลี่ยนไปทันทีและไม่มีความลังเลใจหลงเหลืออยู่อีกต่อไป พวกเขาจ้องมองมาที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์และม่อี้และหวังว่าทั้งสองคนจะเสียสละชีวิตเพื่อคนในหมู่บ้านได้

“ท่านนักพรตเต๋ โปรดตัดสินใจแทนพวกเราได้เลยขอรับ” ในที่สุดชายชราก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านนักพรตเต๋ โปรดช่วยพวกเราด้วยขอรับ” ชาวบ้านคนอื่นๆก็ต่างพูดขึ้นมาพร้อมกัน

มู่อี้รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเด็กสาวที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขามีอาการสั่นเล็กน้อยและสีหน้าของนางแสดงความหวาดกลัวออกมาราวกับว่ากําลังเผชิญกับศัตรูที่ดุร้าย

ม่อี้รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของนาง

เสียงร้องตะโกนของผู้คนโดยรอบและสายตาแห่งความโลภของนักพรตเต๋วัยกลางคน ทําให้เขารู้ทันทีว่าการหลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้านพวกนี้มันง่ายดายมากเพียงใด เทพเจ้าแห่งท้องน้ำกําลังไม่พอใจอะไรกันทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมางั้นหรือ?

แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหลงใหลในความรู้สึกเช่นนี้ ความรู้สึกที่ตนเองสามารถควบคุมชีวิตของคนอื่นได้ในกํามือ

“นักพรตเต๋น้อย ข้ารู้ดีว่าเจ้าเองก็เป็นนักพรตเต๋เหมือนกัน ตราบใดที่เจ้ามอบเด็กสาวที่อยู่ด้านหลังของเจ้ามาข้าจะปล่อยเจ้าไป” นักพรตเต๋วัยกลางคนจ้องมองมาที่ม่อี้และพูดราวกับว่าเขาไม่สนใจว่ามู่จะคิดเช่น

ตั้งแต่แรกเห็นนั้นเขาก็รู้ว่ามู่อี้และเด็กสาวคนนั้นไม่ได้เป็นชาวบ้านธรรมดาแน่นอน เขาไม่อาจปล่อยเสือกลับเข้าไปในป่าเพื่อเป็นปัญหาแก่ตนเองได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือรอให้มู่อื้ออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปเสียก่อนจากนั้นก็ส่งคนตามไปสังหารมู่อี้ นี่ย่อมเป็นวิธีการดีที่สุดที่เขาคิดออก

ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในอนาคตถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว หรือไม่เขาก็หนีออกไปไกลแล้วโลกใบนี้กว้างใหญ่มากเพียงใดคิดหรือว่าจะตามหาตัวเขาเจอ?

ต้องบอกเลยว่าความคิดของนักพรตเต๋วัยกลางคนถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

“ใช่แล้ว นักพรตเต๋น้อย ยอมมอบตัวเด็กสาวมาเถอะแล้วเจ้าจะรอดจากที่นี่ไปได้” ชายอีกคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็พูดกดดันขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” มู่อี้ไม่สนใจสายตาของชาวบ้านทุกๆคนที่กําลังจ้องมองมาที่เขา เขาหันหลังกลับมาคุกเข่าลงและพูดกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์เบาๆ

“ไม่ ข้าจะอยู่กับพี่ชาย”เนี่ยนหนิวเอ้อร์ส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น แม้ว่านางจะเป็นดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งจนสามารถสังหารชาวบ้านทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้แต่ในตอนนี้นางเป็นแค่เด็กหญิงธรรมดาคนหนึ่งที่กําลังวิตกกังวลและหวาดกลัวเท่านั้นนอกจากนี้นางยังลืมไปแล้วว่าตนเองมีความสามารถเช่นไรและยังลืมอีกว่านางเป็นวิญญาณไม่ใช่มนุษย์แม้ว่านางจะยืนอยู่นิ่งๆแต่ชาวบ้านเหล่านี้ก็ไม่อาจทําอะไรนางได้แน่นอน