ตระกูลราชวงศ์ใจเหี้ยม
“ไม่คิดเลยว่าที่แท้คุณชายรองก็รู้จักอาคมมารด้วย! ดูท่าแล้วคุณชายรองเองก็รู้ดีใช่หรือไม่…ว่าอาคมมารนั่นมันมาจากที่ไหน?”
หลังได้ยินคำของซือถูจั๋ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด
เขาไม่คิดจะส่งเสียงผ่านปราณแท้อะไร!
ได้ฟังคำของต้วนหลิงเทียน ด้านซือถูโฮ่วยิ่งมาก็ยิ่งชักสีหน้าดุร้าย มันมองซือถูจั๋วเขม็งคล้ายดูว่าจะปฏิเสธอะไรหรือไม่
“นี่ท่านกล่าวถึงเรื่องอันใดกัน อาคมมารมันคืออะไรหรือข้ามิเห็นเคยได้ยินมาก่อน?”
ซือถูจั๋วไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้ากล่าวโพล่งออกมาแบบนี้ พาลให้มันมีโมโหนัก! หากแต่ก็ไม่กล้าจะตอบรับอะไร เพียงตีหน้าเซ่อไม่รู้ประสาออกไปแทน!
“เห? คุณชายรองไม่รู้จักอาคมมารงั้นเหรอ แปลกจัง…เมื่อครู่เจ้ายังกล่าวเรื่องอาคมมาร ทั้งให้ข้าวางมือจากการรักษาคุณชายใหญ่อยู่เลย นี่ข้าฟังอะไรผิดไปเองงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะทั้งยกนิ้วก้อยขึ้นมาแคะหูเล่นเบาๆ
“อย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีข้า!”
ด้วยสัมผัสถึงสายตาคมกล้าที่จับจ้องมองมาของซือถูโฮ่ว สีหน้าซือถูจั๋วจึงมืดคล้ำดำลงทันใด ยังถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความขุ่นขึ้ง “ที่แท้เจ้าเป็นใครกันแน่ถึงได้กล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าแบบนี้! กล้าดีอย่างไรมายุยงให้ข้ากับพี่ใหญ่เกิดความร้าวฉาน!”
“ใส่ร้าย?”
ต้วนหลิงเทียนยังคงหัวเราะขำ กล่าวออกเสียงหยัน “คุณชายรองคำก็ใส่ร้ายสองคำก็ป้ายสี เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่มากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าให้รู้กันไปเลยเล่า?”
ในขณะที่กล่าวออกต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นเตรียมกรีดนิ้วหลั่งโลหิตสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน! อย่างเจ้ามันคู่ควรให้ข้ากล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าด้วยหรือ!?”
ลึกลงไปในแววตาของซือถูจั๋วเผยความตื่นตระหนกเสียขวัญออกมาทันที หากแต่มันยังตีหน้าเข้มกล่าวออกไปด้วยความถือดี ไม่คิดกล่าวคำอำลาซือถูโฮ่ว และหันไปมองชายสวมหน้ากากผีทันที
จากนั้นก็คล้ายมีสายลมกรรมโชกพัดมาหอบหนึ่ง ร่างซือถูโฮ่วพลันอันตรธานหายไปจากจุดเดิม!
ปรากฏตัวอีกทีก็กั้นขวางระหว่างชายหน้ากากผีกับซือถูจั๋วแล้ว!
“ผู้เฒ่าโฮ่วท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร?”
ซือถูจั๋วขมวดคิ้ว
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าสมควรกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ…เจ้ามิคิดว่าเรื่องนี้สมควรกระทำหรอกหรือ?”
ซือถูโฮ่วกล่าวออกเสียงเย็น
ซือถูจั๋วที่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “อาวุโสโฮ่ว! มันเป็นใครมาจากไหนใยข้าต้องไปสาบานอะไรกับมันด้วย? อย่าลืมว่าที่นี่คือตระกูลซือถู หรือท่านคิดช่วยคนนอกรังแกข้า?”
“รังแกอันใดที่ไหนกัน และถึงแม้ข้าอาจคิดช่วยเหลืออันใดใคร แต่นี่ก็มิใช่เพื่อให้เจ้ามีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์หรอกรึ?”
ซือถูโฮ่วกล่าวสืบต่อ
และในขณะที่สีหน้าของซือถูจั๋วมืดลงนั้นเอง ซือถูโฮ่วพลันลงมือออกมา!
ร่างมันคล้ายกระพริบหายไปวูบหนึ่ง ผุดโผล่อีกครั้งก็ปรี่ตรงไปลงมือเล่นงานชายสวมหน้ากากผีแล้ว!
กลิ่นอายพลังทั้งแรงกดดันของขอบเขตเซียนแผ่กำจายออก ถาโถมสะกดร่างชายหน้ากากผีเอาไว้ทันที ด้านชายหน้ากากผีพอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันทั้งจิตสังหารที่ปานเมฆทะมึนกำลังแผ่มาปกคลุม หน้ามันก็เคร่งเครียดไม่สู้ดี!
ถึงแม้พลังฝีมือของชายหน้ากากผีจะทัดเทียมได้กับครึ่งก้าวเซียน หากแต่สุดท้ายก็ยังอีกไกลกว่าจะบรรลุขอบเขตเซียน ด้วยเหตุนี้ช่องว่างระหว่างพลังฝีมือมันกับซือถูโฮ่ว จึงมากมายอย่างที่มิอาจกลบ!
เผชิญหน้ากับการลงมือของซือถูโฮ่ว ชายหน้ากากผีไม่กล้าออมรั้งพลังอันใด มันปะทุพลังชั่วชีวิตเตรียมรับมือทันที!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
กล้าอ้อมรั้งยั้งมือต่อหน้าขอบเขตเซียน ยังไม่ใช่หาที่ตายหรอกหรือ!?
อย่างไรก็ตามเพราะเหตุนี้ทำให้ชายหน้ากากผีจำต้องเปิดเผยออกมา ว่าที่แท้มันเป็นผู้ฝึกมาร!
เมื่อชายหน้ากากผีเร่งเร้าพลัง กลิ่นอายพลังของผู้ฝึกมารก็กำจายออกมาในบรรยากาศ ด้านต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ทันทีว่าตราผนึกมารในแหวนมิติถึงกับสั่นไหวคล้ายอยากออกมาเต็มทน!
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับอยู่เฉยๆไม่คิดทำอะไร เพราะเรื่องนี้ไม่มีที่ให้เขาสอดมือ!
“เป็นผู้ฝึกมารจริงๆ!”
หลังจากที่พบว่าชายในหน้ากากผีเป็นผู้ฝึกมารจริงๆ ซือถูโฮ่วพลันแสยะยิ้มเย็นเยือก กลิ่นอายพลังของมันทวีความเกรี้ยวกราดขึ้นทันใด เห็นชัดว่าคิดลงมือฆ่าคน!
ใบหน้าซือถูจั๋วแปรเปลี่ยนไปมหันต์ มันรีบใช้โอกาสนี้เรียกป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมาบดขยี้ทันที
หลังจากที่ป้ายหยกถูกขยี้แหลก ก็ปรากฏดวงแสงหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าหายลับไปทิศทางหนึ่งปานดาวหาง!
‘ป้ายหยกนั่น…จารึกอาคมเซียนแจ้งเตือนไว้งั้นเหรอ?’
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว อาคมเซียนในป้ายหยกแบบนี้ไม่ใช่ของแปลกหน้าสำหรับเขา ย้อนกลับไปตอนที่ยังอยู่สำนักจันทร์จรัสแสง เขาก็ได้รับป้ายหยกจารึกอาคมเซียนแจ้งเตือนมาเหมือนกันในช่วงที่เข้าร่วมแข่งขันล่าสัตว์
อย่างไรก็ตามหากเทียบกับป้ายหยกแจ้งเตือนที่เขาได้รับวันนั้น ของซือถูจั๋วสมควรมีพลังเหนือกว่าเห็นๆ
อย่างน้อยหลังจากที่มันบดขยี้ป้ายหยก อาคมเซียนแจ้งเตือนก็ทำงานฉับไว กระทั่งซือถูโฮ่วที่บรรลุขอบเขตเซียนก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ทัน
แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้ว เป็นเพราะซือถูโฮ่วไม่ได้ใส่ใจมันแต่แรก!
หลังจากที่ซือถูโฮ่วรู้ว่าชายใส่หน้ากากผีเป็นผู้ฝึกมาร มันก็ไม่คิดปราณีอะไร! โจมตีออกไปด้วยกระบวนสังหารทันที และเพียงหนึ่งฝ่ามือก็บดขยี้ร่างชายในหน้ากากผีให้ตายตกได้ง่ายดาย!!
“ซือถูจั๋ว! เจ้ากล้าสมคบคิดกับผู้ฝึกมาร หมายสังหารพี่ใหญ่ของเจ้าได้อย่างไร!?”
หลังจากที่ฆ่าชายในหน้ากากผีไปแล้ว ซือถูโฮ่วก็หันมากล่าวถามซือถูจั๋วด้วยเสียงเย็นชา ยังเย็นเสียจนปานจะผุดแทรกออกมาจากหล่มน้ำแข็ง!
“อาวุโสโฮ่ว ข้ามิรู้จริงๆว่ามันเป็นผู้ฝึกมาร!”
แม้จะถึงขั้นนี้แล้ว แต่ซือถูจั๋วก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ
“เจ้าไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นผู้ฝึกมาร!?”
“เจ้าเก็บวาจาของเจ้าไว้กล่าวบอกกับอาวุโสคุมกฏเถอะ!”
ทันทีที่กล่าวจบคำ ซือถูโฮ่วพลันก้าวเดินออกมาทันที มันคิดจับซือถูจั๋วไปยังโถงคุมกฏ!
ทว่าทันใดนั้นเอง ปรากฏสายลมหอบหนึ่งพัดมาฉับไว มีร่างชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมากับสายลมดังกล่าว มันมองซือถูโฮ่วด้วยสายตาเย็นชา “อาวุโสโฮ่ว ข้าสงสัยนักว่าบุตรชายข้าทำผิดอันใด ท่านถึงได้คิดจับคนไปส่งที่โถงคุมกฏเช่นนี้?”
“ซือถูหมิง ลูกเจ้านับว่าเป็นตัวดีนัก!”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นมา ซือถูโฮ่วพลันขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงเย็น “วันนี้ข้าจักลากตัวมันไปโถงคุมกฏให้จงได้ มิว่าอันใดมันก็กล้าสมคบคิดกับผู้ฝึกมารปองร้ายคนในตระกูล! ความผิดนี้ใหญ่หลวงนัก!!”
‘ซือถูหมิง?’
เมื่อต้วนหลิงเทียนได้ยินนามผู้มาใหม่ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองพินิจชายวัยกลางคนที่พึ่งมาทันที
ซือถูหมิงคนนี้ก่อนที่เขาจะมาถึงตระกูลซือถู ก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมันมาบ้างแล้ว มันนับเป็นลำดับสองในตระกูล รองจากผู้นำตระกูลอย่างซือถูฮ่าว มีฐานะเป็นอาวุโสสูงสุดลำดับ 3 ทั้งยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียน!
หลังจากซือถูโฮ่วกล่าวจบ สายตาก็มองเขม็งไปยังซือถูจั๋วอีกครั้ง
คราวนี้ซือถูหมิงไม่ได้หยุดมัน เพียงมองด้วยสายตาเย็นเยียบ
ซือถูจั๋วที่กำลังจะถูกจับไปยังโถงคุมกฏหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่องครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยให้ซือถูโฮ่วจับตัวไปแต่โดยดี
‘ซือถูหมิงดูท่าไม่ง่ายเลย…น่ากลัวว่าครั้งนี้อาวุโสโฮ่วคงยากจะจัดการซือถูจั๋วได้!’
ต้วนหลิงเทียนลอบคิด
และผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนคาดเอาไว้ ถึงแม้ซือถูจั๋วจะถูกลงโทษ หากแต่โทษมันก็แค่ให้ไปนั่งสำนึกผิดอยู่ในห้องขังของโถงคุมกฏเป็นเวลา 3 เดือนเท่านั้น…
“ทำไมโทษถึงได้เบานักล่ะ!?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึ้งกับเรื่องนี้เสียไม่ได้
“ซือถูโฮ่วมันยืนกรานถ่ายเดียวว่ามิรู้มาก่อนว่าชายในหน้ากากเป็นผู้ฝึกมาร…ไม่เพียงเท่านั้นมันยังผลักไสความผิดทั้งหมดไปที่ผู้ฝึกมารนั่นคนเดียว ส่วนเรื่องอาคมมารที่เป็นฝีมือของผู้ฝึกมารที่ตายไปนั่น มันยืนกรานว่ามิเคยรู้เรื่องราวอาคมมารเลย ด้วยเหตุนี้โถงคุมกฏจึงทำได้แค่ลงโทษมันฐานคบค้าสมาคมกับผู้ฝึกมารโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น…”
ซือถูโฮ่วกล่าวออกมาด้วยวาจายากยอมรับ ใบหน้ามันเผยอาการไม่พอใจถึงที่สุด
“ไม่ใช่ว่ามันสมควรถูกสั่งให้สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์รึไง…ถ้ามันไม่กล้านั่นก็หมายความว่ามันเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังจริงๆ?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าปัญหาเรื่องนี้ ความจริงแล้วแก้ไขได้ง่ายดายนัก กล่าวสาบานคำเดียวก็จบ!
“เรื่องราวมิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น…”
ซือถูโฮ่วได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหัวไปมา
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้สาเหตุจากปากของซือถูโฮ่วทันที
ปรากฏว่าตระกูลซือถูเองก็ไม่ได้ปรองดองกันแต่อย่างไร
ตระกูลซือถูนั้น ฉากหน้าให้ความเคารพนับถือผู้นำตระกูล…ทว่าลับหลังมีกว่าครึ่งที่อยู่ฝ่ายรองผู้นำตระกูลอย่างซือถูหมิง!
ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่าตระกูลซือถูแบ่งออกได้เป็น 2 ฝ่าย!
ไม่เพียงแค่นั้นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจของตระกูลซือถูก็มีเพียง 5 คน นอกจากซือถูฮ่าวกับซือถูหมิงแล้ว ก็เหลืออีกแค่ 3
ซือถูโฮ่ว เป็นหนึ่งในนั้นและอยู่ข้างซือถูฮ่าว
หนึ่งในสองยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่เหลืออยู่ข้างซือถูหมิง
ส่วนคนสุดท้ายนั้นยังวางตัวเป็นกลาง
และผู้ที่ยังรักษาความเป็นกลางอยู่ก็คือยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจที่สุดของตระกูลซือถู และยังมีตำแหน่งในตระกูลซือถูสูงที่สุด แถมมีลำดับอาวุโสเหนือกว่าซือถูโฮ่วเสียอีก คนของตระกูลซือถูล้วนเรียกขานมันดั่งบรรพบุรุษ!
จากที่ซือถูโฮ่วกล่าว บรรพบุรุษของตระกูลซือถูผู้นี้ ไม่ได้เผยตัวออกหน้ายุ่งเรื่องราวใดๆของตระกูลซือถูมานานปีแล้ว
การปรากฏตัวครั้งสุดท้ายก็คือวันที่ซือถูฮ่าวขึ่นรับตำแหน่งผู้นำตระกูล
“ข้าไม่คิดเลยว่าสถานการณ์ในตระกูลซือถูที่แท้แล้วซับซ้อนไม่น้อย…เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จำต้องถูกปล่อยให้ผ่านเลยไปง่ายๆ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“สุดท้ายแล้วเสี่ยงหังก็มิได้ประสบเหตุร้ายถึงตายอันใด เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นมิอาจยอมความ…ตระกูลซือถูฉากหน้านั้นยิ่งใหญ่งดงาม แต่เรื่องราวภายในนั้นเน่าเฟะนัก! แถมอาวุโสทั้งหลายก็มิมีผู้ใดกล้าตอแยซือถูหมิง เพราะนั่นจักเป็นการทำลายรากฐานของตระกูลซือถู จนเป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูภายนอก!”
ซือถูโฮ่วระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน แม้ใจไม่ยินยอม แต่สุดท้ายแล้วก็จำต้องปล่อยผ่านเลยไปแต่เพียงเท่านี้
“ศัตรูภายนอก? ไม่ใช่ว่าตระกูลซือถูกก็มีตระกูลราชวงศ์หนุนหลังอยู่รึไง?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “ยังมีใครกล้าเพิกเฉยตระกูลราชวงศ์แล้วลงมือกับตระกูลซือถูอีกหรือ?”
“ตระกูลราชวงศ์?”
ซือถูโฮ่วได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมา “ไม่ต้องคิดถึงความอำมหิตใจเหี้ยมของตระกูลราชวงศ์อันใด ตระกูลซือถูเราเพียงเกี่ยวข้องกับตระกูลราชวงศ์ผ่านสนมหลี่เพียงคนเดียวเท่านั้น…ขุมพลังที่หาญกล้าชนกับตระกูลซือถูเราก็มีสัมพันธ์กับตระกูลราชวงศ์คล้ายคลึงกัน ทั้งบางขุมพลังพวกมันยังใกล้ชิดกับตระกูลราชวงศ์มากกว่าพวกเราเสียอีก…”
“อันที่จริงแล้วตระกูลราชวงศ์มิได้ขัดข้องอันใดกับการปะทะกันระหว่างพวกเรากับขุมพลังอื่นด้วยซ้ำ…กระทั่งที่แท้ตระกูลราชวงศ์ยังหวาดกลัวพวกเราปรองดองกับขุมพลังอื่น! ซ้ำร้ายหากมีวันใดที่พวกเรากับขุมพลังอื่นปรองดองกันได้จริงๆ…มิวายตระกูลราชวงศ์นี่ล่ะ จักเป็นผู้สร้างชนวนความขัดแย้งให้พวกเรากับขุมพลังอื่นเอง…”
หลังกล่าวออกมาจบประโยค ซือถูโฮ่วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เรื่องนี้เขาพอเข้าใจ
ตระกูลราชวงศ์ย่อมไม่อยากให้ขุมพลังชั้น 7 ใต้อาณัติร่ปรองดองร่วมมือกัน เพราะหากทั้งหมดร่วมมือกันพลังอำนาจย่อมสามารถทัดเทียมได้กับตระกูลราชวงศ์!
เพื่อกำจัดภัยคุกคามดังกล่าวตระกูลราชวงศ์ย่อมยินดีที่จะเห็น ความบาดหมางระหว่างขุมพลังใต้อาณัติ!