บทที่ 248 ไหน่ไช

บทที่ 248 ไหน่ไช

“เป๊ง!”

เท่าที่อู๋ฝานมองเห็น สังเวียนที่อยู่ตรงกลางห้องโถง ตอนนี้ปรากฏชายมีกล้ามค่อนข้างใหญ่ อายุราวสามสิบ ที่กำลังน็อกคู่ต่อสู้ลงกับพื้นด้วยหมัดเพียงแค่หมัดเดียว

คนสองคนที่ต่อสู้กันกว่าสิบรอบ อู๋ฝานได้เห็นสิ่งที่หวังจื่อหมิงพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่ามันไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะหมัด ขา แขน หรือว่าปาก ตราบใดที่สามารถทำให้บาดเจ็บ มันจะพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ด้วยสารพัดวิธีใช้งาน หมัดหนาของคู่ต่อสู้หมัดแล้วหมัดเล่า การปะทะระหว่างหมัดและกล้ามเนื้อดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ มันมากพอกระตุ้นอารมณ์ของผู้คน

“เป๊ง!”

หลังเอาชนะคู่ต่อสู้ ชายวัยกลางคนไม่ได้หยุดแค่เท่านั้น เขาเดินไปทางด้านข้างด้วยสีหน้าภาคภูมิ ก่อนจะเตะใส่หน้าท้องของคู่ต่อสู้เต็มแรง เป็นการเตะใส่ร่างอีกฝ่ายจนไถลไปพื้นไกลหลายเมตร

“อา!”

เสียงร้องดังจากปากของชายคนที่ล้มนอนอยู่กับพื้น และทั้งร่างของเขาตอนนี้โก้งโค้งงอประหนึ่งกุ้งสุก

“ลุกขึ้น ไอ้ขยะ ลุกขึ้นมา!”

“รีบลุกเร็วเข้า! ฉันซื้อไปหนึ่งหมื่นให้แกชนะ แกจะมาแพ้ไม่ได้!”

“ลุกขึ้น ฆ่ามัน ฆ่ามัน!”

ปัจจุบันในห้องโถงแทบไม่มีจังหวะให้เงียบ ความดุเดือดเลือดพล่านยิ่งกว่าน้ำเดือด ทุกคนต่างโห่ร้องตะโกน ทั้งความตื่นเต้นยินดีและความดุร้ายที่แสดงออกมา หากหวังจื่อหมิงไม่ได้บอกอู๋ฝานเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มคงไม่เชื่อสิ่งที่ได้เห็น เพราะบรรดาผู้วางเดิมพันที่กำลังตะโกนโห่ร้องอยู่ตอนนี้ ต่างก็เป็นคนทำงานด้วยเสื้อคอปกสีขาวในออฟฟิศ

โดยเฉพาะกับบรรดาผู้คนที่กำลังจะเสียเดิมพัน พวกเขาต่างปลดปล่อยความดุร้ายของตนเองออกมา ไม่ว่าจะเสียงคำราม เสียงตะโกน เสียงโห่ร้อง พวกเขาไม่คิดสนใจรอบด้านเลยแม้แต่น้อย

“เป๊ง!”

การต่อสู้บนสังเวียนยังคงดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่คู่ต่อสู้ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาก็จะต้องสู้ต่อไปจนกว่าจะส่งอีกฝ่ายออกนอกสังเวียน

หรือไม่ก็ฆ่าให้ตาย!

“รู้สึกยังไงบ้าง?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม

“โหดร้ายกันจริง ๆ เลยครับ” อู๋ฝานตอบรับ

การต่อสู้อิสระถึงขนาดไม่มีข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์สำหรับทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะนำพาความโหดร้ายอะไรมาบ้าง คนที่อยู่บนสังเวียนตรงหน้า กระทั่งทำสัญญาแลกเป็นแลกตายเอาไว้แล้วด้วยซ้ำ

“ก็โหดร้ายจริง ๆ นั่นแหละ” หวังจื่อหมิงตอบรับ “เท่าที่เคยได้แวะมาดูเกมที่นี่ เคยมีสี่คนตาย ห้าคนบาดเจ็บพิการ”

หลังหยุดไปครู่ หวังจื่อหมิงก็พูดต่อ “แต่ค่าตัวของพวกเขาก็สูงไม่ใช่น้อย ถ้าหากชนะ รายได้จากเกมการแข่งขันก็มากพอให้คนธรรมดาใช้จ่ายไปครึ่งชีวิตเลยทีเดียว”

มันมีความร่ำรวยและชื่อเสียงเป็นหลักประกัน!

ขณะอู๋ฝานพูดคุยกับหวังจื่อหมิง ในที่สุดชายที่นอนบนพื้นก็ยกธงขาวยอมแพ้ ส่วนชายที่ยังยืนอยู่นั้น สีหน้าท่าทีแสดงออกมาว่ายังไม่สาแก่ใจ

ผู้ชนะได้รับเสียงเชียร์จากผู้รับชม ได้รับโบนัสการแข่งขัน ส่วนผู้แพ้ที่ถูกหามออกไปนั้นไม่มีใครเหลียวแล กระทั่งว่ามีเสียงสบถก่นด่าสาปแช่งตามไล่หลังเพราะเสียเดิมพันด้วยซ้ำ

ความจริงมักโหดร้าย

“ทุกท่าน แมตช์ต่อจากนี้ถือเป็นไฮไลต์ของค่ำคืนครับ และเป็นแมตช์สุดท้ายด้วยเช่นกัน” พิธีกรปรากฏตัวขึ้นกลางสังเวียนอีกครั้ง “เจ้าสังเวียนของพวกเราจิ้นเฉิง เคยน็อกเอาต์คู่ต่อสู้มาแล้วสิบห้าเกมต่อเนื่อง ศึกครั้งนี้ปะทะกับอาจารย์ไหน่ไชจากราชอาณาจักรแห่งช้างครับ!”

“โอ้ว!”

เสียงเชียร์โห่ร้องของกลุ่มคนในสถานที่ดังขึ้น หลายคนต่างมาที่นี่วันนี้ก็เพราะเกมที่กำลังจะเริ่ม พวกเขาอยากเห็นว่าจิ้นเฉิงจะรักษาสถิติชนะต่อเนื่องไว้ได้ หรือชัยชนะจะตกไปสู่อาจารย์ไหน่ไชจากราชอาณาจักรแห่งช้าง

กระทั่งหวังจื่อหมิงที่อยู่ภายในห้องส่วนตัว ยังต้องลอบลุกขึ้นมองด้วยสีหน้าท่าทีคาดหวัง

“เอาล่ะครับ ตอนนี้ขอเชิญอาจารย์ทั้งสองท่านขึ้นมาบนสังเวียน!”

ไม่นานคนสองคนที่ดูไปแล้วค่อนข้างแข็งแกร่ง ก็ขึ้นมาจากทั้งสองข้างของสังเวียน พวกเขาต่างก็มองหน้ากันเอง ด้วยสายตาที่มีเจตนาฆ่าฟันอย่าไม่คิดปิดบัง

“ทั้งสองท่านต่างก็ทำสัญญายืนยันแลกเป็นแลกตายเอาไว้ก่อนขึ้นสังเวียนเรียบร้อยแล้วครับ และวันนี้จะเป็นศึกระหว่างพยัคฆ์และมังกร!” ขณะพิธีกรดำเนินงานอยู่นั้น ยอดฝีมือนามไหน่ไชก็คว้าไมโครโฟนจากมือพิธีกร พร้อมกับเอ่ยคำออกด้วยน้ำเสียงค่อนแคะดูหมิ่น “ไม่ใช่ศึกระหว่างพยัคฆ์และมังกรอะไรทั้งนั้น เพราะฉันคนนี้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างสบาย ๆ! ก็แค่เชือดไก่สักตัวหนึ่ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ามวยของที่นี่กับมวยของพวกเรานั้น ฝ่ายไหนกันแน่ที่เหนือกว่ากัน!”

เขาพูดภาษาจีนไม่ค่อยชัดมากนัก เรียกว่าค่อนข้างประดักประเดิดเสียด้วยซ้ำ ทว่าทุกคนก็เข้าใจคำพูดของเขาอย่างชัดเจน

ขณะนี้เองที่เรื่องราวในสถานที่แห่งนี้ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น!

แม้ว่าทุกคนมาที่นี่เพื่อรับชมเรื่องสนุก แต่พวกเขาทั้งหมดก็เป็นคนจีน อีกฝ่ายกำลังดูหมิ่นคนจีนและมวยจีนถึงขนาดนี้ มันเทียบเท่าการดูหมิ่นพวกเขาทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้

“จิ้นเฉิง ฆ่ามัน!”

“ฆ่าไอ้เวรนี่ ฆ่ามัน!”

“เอาชนะมันให้ได้ ให้มันรู้ถึงความแข็งแกร่งของมวยจีน!”

ทุกคนในสถานที่ต่างส่งเสียงคำรามร้องอันโกรธเกรี้ยว กระทั่งหวังจื่อหมิงก็ยังเผยท่าทีรุนแรงออกมา

ทว่าแม้เผชิญหน้ากับเสียงโห่ร้องคำรามของฝูงชน ที่ราวกับปรารถนาจะเข้ามาฉีกกระชากแยกร่าง ไหน่ไชไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่กลับดูภาคภูมิเสียด้วยซ้ำ

พิธีกรทวงเอาไมโครโฟนกลับคืน กระแอมไอเล็กน้อย ไม่นานก็กล่าวประโยคต่อด้วยความเขินอายต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ก็ตามนี้นะครับ สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไรก็ทราบกันแล้ว ทุกคนตอนนี้น่าจะมีตัวเลือกคนที่ต้องการจะสนับสนุนอยู่ในใจแล้วแน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ ถ้าต้องการวางเดิมพัน ก็ขอให้รีบก่อนจะหมดเวลาด้วยครับ ขอทุกท่านเตรียมใจให้พร้อม การแข่งขันกำลังจะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว!”

หวังจื่อหมิงวางเดิมพันไปหนึ่งล้าน โดยเลือกซื้อข้างจิ้นเฉิงชนะ แม้หวังจื่อหมิงจะวางเดิมพันในการแข่งขันรอบก่อนหน้านี้เช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร เป็นการแสดงให้เห็นว่าการกระทำของไหน่ไชทำเขาไม่พอใจถึงขนาดไหน

“นายคิดว่าใครจะชนะ?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถามอู๋ฝาน

“ไหน่ไชครับ!” อู๋ฝานตอบโดยไม่เสียเวลาคิด

หวังจื่อหมิงถึงกับชะงัก “เพราะอะไร? เขาแข็งแกร่งก็ใช่ แต่จิ้นเฉิงก็ไม่อ่อนแอ นายเอาอะไรมามั่นใจกัน?”

“เทียบกับเขา จิ้นเฉิงถือว่าด้อยกว่าพอสมควรครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่ตอนนี้ลงเดิมพันไปแล้วน่ะสิครับ ผมอยากห้ามเอาไว้เหมือนกัน ก็ไม่นึกว่าจะลงเดิมพันเร็วถึงขนาดนี้”

“เรื่องเงินก็แค่เล็กน้อย” หวังจื่อหมิงโบกมือตอบ “แต่นายรู้ได้ยังไงว่าจิ้นเฉิงอ่อนแอกว่าไหน่ไช? ฉันคิดว่าทั้งสองคนก็น่าจะแข็งแกร่งทัดเทียมกัน ส่วนว่าใครแข็งแกร่งกว่านั้น คงเป็นเพราะจิ้นเฉิงเอาชนะมาได้อย่างต่อเนื่อง ท่าทีก็ดูแข็งแกร่งกว่า ฉันเลยมองว่าจิ้นเฉิงมีโอกาสชนะมากกว่า”

“แม้ผมจะก็คาดหวังให้เขาชนะ แต่ถ้าให้พูดตามหลักความเป็นจริงนั้นมันเป็นไปไม่ได้ครับ เว้นแต่ว่าไหน่ไชจะยอมอ่อนข้อให้” อู๋ฝานมองคนทั้งสองบนสังเวียนพลางกล่าว “ไหน่ไชที่ถือดีวางท่าขนาดนั้นเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีการอ่อนข้อให้”

ขณะคนทั้งสองขึ้นสังเวียน อู๋ฝานก็โยนวิชาตรวจสอบไปสำรวจคนทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ จิ้นเฉิงเป็นมวยที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมจริง เพียงแต่ยังเป็นแค่ระดับคนธรรมดา แต่กับไหน่ไช อีกฝ่ายเป็นขอบเขตสว่างขั้นกลาง เรียกได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีระดับความแข็งแกร่งไม่เท่ากันเลยสักนิด

หวังจื่อหมิงเผยสีหน้าจริงจัง เห็นได้ชัดว่าคำของอู๋ฝานทำเขากังวลใจต่อผลลัพธ์ของเกมที่กำลังใกล้จะดำเนิน

“พี่หวัง การแข่งขันแบบนี้จะมีผู้ฝึกตนมาเข้าร่วมไหมครับ?” อู๋ฝานถามหวังจื่อหมิง

“ไม่มีหรอก” หวังจื่อหมิงส่ายศีรษะ “ผู้ฝึกตนมีเกียรติและสูงส่ง พวกเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการแข่งขันประลองอะไรแบบนี้ ต่อให้พวกเขาชนะ ได้รับชื่อเสียงก็จริงอยู่ แต่หากแพ้ มันจะอับอายยิ่งกว่า ดังนั้นเลยไม่มีผู้ฝึกตนคนไหนเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อความบันเทิงแบบนี้”