บทที่ 249 น็อกเอาต์

บทที่ 249 น็อกเอาต์

ไม่มีงั้นเหรอ?

อู๋ฝานมองยังยอดฝีมือจากราชอาณาจักรแห่งช้างนามว่าไหน่ไชที่อยู่บนสังเวียน ก่อนจะเอ่ยอย่างเรียบเฉยตอบรับ “แต่เหมือนว่าจะมีคนมาประลองแล้วนะครับ”

“มีมาแล้ว?” หวังจื่อหมิงสับสน ไม่นานก็มองตามสายตาของอู๋ฝานก่อนจะตอบรับ “นายกำลังจะบอกว่าไหน่ไชเป็นผู้ฝึกตนงั้นเหรอ?”

สถานภาพของจิ้นเฉิงเป็นอย่างไร หวังจื่อหมิงพอจะทราบอยู่บ้าง เพราะเขาเคยได้มาดูแมตช์ครั้งก่อน ทำให้ทราบว่าจิ้นเฉิงไม่ใช่ผู้ฝึกตน ดังนั้นผู้ฝึกตนที่อู๋ฝานกำลังพูดถึง ก็เหลือเพียงแค่ไหน่ไชแล้ว

“ใช่แล้วครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “เขาแข็งแกร่งประมาณขอบเขตสว่างขั้นกลาง ถึงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรหากเทียบกับบรรดาผู้ฝึกตน แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา เขาคือยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนจิ้นเฉิงเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดา”

“ไม่แปลกใจที่นายบอกว่าจิ้นเฉิงจะต้องแพ้อย่างแน่นอน เป็นแบบนี้นี่เอง” หวังจื่อหมิงเอ่ยรับคำ ถัดจากนั้นก็มีโทสะขึ้นมา “ไร้ยางอายดีจริง ๆ! ผู้ฝึกตนคนหนึ่งถึงกับมาเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ซะได้! แล้วยังเป็นแค่ขอบเขตสว่างขั้นกลาง ก็กล้าคุยโวโอ้อวดซะแล้ว คิดว่าที่จีนนี้จะไม่มีใครเทียบเท่าตัวเองได้เลยหรือยังไงกัน?”

ในจีนมีผู้ฝึกตน ประเทศอื่นก็ต้องมีเช่นเดียวกัน นับได้ว่าเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ไม่ว่าจะในประเทศใด จำนวนของผู้ฝึกตนนั้นก็มีเพียงน้อยนิด และยังมีสถานะที่สูงส่ง ส่วนใหญ่แล้วมักจะปลีกวิเวกจากทางโลก กระทั่งว่าใส่ใจกับเรื่องการปิดซ่อนตัวตนเสียด้วยซ้ำ มีเพียงกลุ่มคนที่มีสถานะของโลกผู้ฝึกตนเท่านั้น ที่จะสามารถทราบถึงตัวตนของพวกเขาได้

ส่วนของไหน่ไช การเข้าร่วมเกมการแข่งขันในหมู่คนธรรมดาเช่นนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเทียบได้กับการกลั่นแกล้ง ไม่แปลกที่หวังจื่อหมิงจะโกรธ

เพียงแต่จะโกรธไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ประการหนึ่งนั้นเพราะไม่มีกฎระบุว่าห้ามผู้ฝึกตนเข้าร่วมการแข่งขัน การที่ผู้ฝึกตนไม่เข้าร่วมการแข่งขัน มันคือกฎเกณฑ์ที่รู้กันแต่ไม่ได้ระบุเอาไว้ หากว่าพวกเขาคิดอยากจะลงแข่งขันจริง ก็ไม่มีทางที่ใครหรืออะไรจะไปห้ามเอาไว้ได้

ประการที่สอง ตัวหวังจื่อหมิงเองก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แค่มีสถานะตัวตนและเงินทองมากก็เท่านั้น เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนแต่อย่างใด ดังนั้นต่อให้มีโทสะไป เขาก็ไม่มีกำลังพอจะไปก้าวก่ายสั่งสอน

คิดได้ดังนั้น หวังจื่อหมิงก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองอู๋ฝาน

อู๋ฝานเป็นแค่คนธรรมดา หรือว่าเป็นผู้ฝึกตนกันแน่? จนกระทั่งถึงตอนนี้หวังจื่อหมิงก็ไม่ทราบแน่ชัด เพราะตนไม่เคยได้เห็นอีกฝ่ายลงมือ รวมถึงไม่เคยได้ยินชายหนุ่มเล่าอะไรถึงเรื่องการฝึกฝน อีกทั้งพื้นเพของเขานั้นหวังจื่อหมิงเคยได้ตรวจสอบมาแล้ว อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการฝึกตน

ทว่าอู๋ฝานกลับเคยมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนออกมาในงานปาร์ตี้วันเกิดของถังอวี่เฟย อีกทั้งมันยังเป็นถึงเคล็ดวิชาฝึกฝนระดับลึกล้ำ นอกจากนี้ เขายังได้เห็นว่าไหน่ไชเป็นผู้ฝึกตน ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ความในเรื่องของการฝึกตน หรือบางทีเขาอาจเป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่ง!

หากอู๋ฝานเป็นผู้ฝึกตน อย่างนั้นแล้วการฝึกฝนของเขาอยู่ระดับใด? ขอบเขตสว่างขั้นต้น ขั้นกลาง หรือว่าขั้นสูง?

ในส่วนของขอบเขตสว่างขั้นสูงสุดหรือว่าขอบเขตมืด หวังจื่อหมิงไม่กล้าคิดถึงเพียงนั้น ด้วยอายุของอู๋ฝาน ต่อให้เป็นศิษย์ของสำนักผู้ฝึกตนที่ยิ่งใหญ่ การจะสำเร็จระดับดังกล่าวได้ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องยาก

ขณะหวังจื่อหมิงคาดเดาเรื่องอู๋ฝานใช่ผู้ฝึกตนหรือไม่ คนทั้งสองบนสังเวียนก็อุ่นเครื่องตัวเองกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ไอ้หนู แกตายแน่!” ไหน่ไชบิดคอเล็กน้อยขณะมองจิ้นเฉิงด้วยสายตาดุร้าย

สำเนียงนั้นยังคงฟังไม่ค่อยได้เช่นเคย

“หลายคนที่เคยขึ้นมาบนสังเวียนนี้ก็เคยพูดกับฉันแบบนั้นกันทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็ตายไม่ก็พิการ” จิ้นเฉิงเผยสีหน้ามาดมั่น ตัวเขาครองชัยชนะต่อเนื่องสิบห้าครั้ง ทั้งหมดล้วนเป็นการ น็อกเอาต์คู่ต่อสู้ เรียกได้ว่าเขามีความมั่นใจในตนเองสูงล้น แม้รู้สึกว่าไหน่ไชก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ “และรายถัดไปคือแก!”

“พวกนั้นมันเป็นเศษเดน! แกเองก็เหมือนอย่างพวกมัน เป็นเศษเดนเหมือนกันทั้งหมด! พวกแกทุกคนที่นี่มีแต่เศษเดนกันทั้งนั้น!” ไหน่ไชตอบกลับอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันท์

คำพูดของไหน่ไช เป็นเหตุให้คนใกล้เคียงได้ยิน และมันยิ่งทำพวกเขาหัวร้อนมากยิ่งขึ้น หลายคนสบถก่นด่าไหน่ไชออกมา ทั้งยังคาดหวังให้อีกฝ่ายตายซะตั้งแต่อยู่บนสังเวียน

“เร็วเข้า รีบฆ่ามัน!”

“ฆ่ามัน แล้วเหยียบขยี้ปากมัน!”

“ให้ไอ้เวรนี่ได้รู้ ว่าที่นี่มันที่ไหน มันจะต้องไม่รอดออกไป!”

เสียงก่นด่าจากฝูงชน แทนที่จะทำไหน่ไชหวาดกลัว แต่สีหน้าท่าทีที่ตอบสนองออกมาขณะนี้ยิ่งถือดีอวดตัว

“สิ่งที่คนพวกนี้จะได้ดู คือการที่แกจะนอนนิ่งกับพื้นเหมือนสุนัขตายซาก ทำเอาฉันสงสัยเลยว่าถึงตอนนั้นพวกมันจะทำหน้ายังไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ไหน่ไชบอกกับจิ้นเฉิง

“ที่จะเป็นหมาตายซาก มันคือแก!” จิ้นเฉิงตอบกลับ

“เป๊ง!” ขณะคนทั้งสองโต้คารมเผยท่าทีดุร้ายต่อกัน พิธีกรก็เริ่มลั่นสัญญาณการต่อสู้ดังขึ้นพร้อมตะโกน “เริ่มแมตช์นี้อย่างเป็นทางการครับ!”

“เอาเลย ฉีกร่างมัน!”

“ขยี้มัน!”

“เอามันให้เละ!”

คนทั้งสองที่อยู่บนสังเวียนยังไม่ขยับเคลื่อนไหว แต่ฝูงชนที่รับชมด้านล่างสังเวียน ขณะนี้ดุเดือดเลือดพล่านกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาต่างลุกขึ้นยืน สีหน้าท่าทีแสดงออกว่าเลือดลมสูบฉีดอย่างเต็มที่ เสียงตะโกนโห่ร้องดังออกมา เช่นนี้ไม่ว่าคนใดในพวกเขาก็ไม่คล้ายว่าจะใช่กลุ่มคนที่เคยใส่เสื้อคอปกสีขาวทำงานในออฟฟิศบริษัทใหญ่ตอนกลางวัน

ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่ต่างมาเชียร์จิ้นเฉิง อย่างไรแล้วไหน่ไชก็แสดงท่าทีถือตัวอวดดีจนเกินไป เขาเอาแต่ดูหมิ่นจิ้นเฉิงไม่หยุดหย่อน ทั้งดูหมิ่นต่อหน้า ทั้งยังเป็นคนต่างชาติ ไม่แปลกหากว่าบรรดาคนทำงานที่มาคลายเครียดเหล่านี้จะระเบิดโทสะกันออกมา

นอกจากนี้ พวกเขาหลายคนยังเคยได้ดูแมตช์ก่อนหน้านี้ของจิ้นเฉิงมาก่อน ทำให้ทราบความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายดี แม้ว่าไหน่ไชจะพูดจาวางท่าใหญ่โต แต่ไม่มีใครเคยได้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ดังนั้นผู้คนในที่แห่งนี้จึงเชื่อมั่นในตัวจิ้นเฉิงกันมากกว่า เป็นเหตุให้การวางเดิมพันมากมายเลือกลงข้างจิ้นเฉิง และหวังจื่อหมิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อได้รับแรงกระตุ้นผลักดันจากฝูงชน จิ้นเฉิงก็คล้ายจะตื่นเต้นเลือดลมพลุ่งพล่านกว่าปกติไปด้วย ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตีก่อน เท้าเคลื่อนไหวรุกคืบเข้าใกล้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปล่อยหมัดเข้าใส่ในทันที

ทว่าใครจะคาดคิดว่าไหน่ไชจะไม่หลบเลี่ยง ฝูงชนต่างประหลาดใจ กระทั่งตัวจิ้นเฉิงเอง เขาก็ยังไม่คิดว่าไหน่ไชจะเจตนากระทำเช่นนี้ แทนที่อีกฝ่ายจะตอบโต้ แต่ไหน่ไชกลับไม่ขยับเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

หมัดนี้แข็งแกร่งเพียงใด จิ้นเฉิงทราบดีแก่ใจ มันจะต้องแรงมากพอล้มไหน่ไชลงไปกองกับพื้น!

“ตึง!”

หมัดของจิ้นเฉิงเข้าปะทะกับร่างกายของไหน่ไชตามคาด เพียงแต่ภาพที่ควรจะได้เห็นไหน่ไชล้มลงไปกองกับพื้น หรือร่างกระเด็นลิ่วกลางอากาศ มันกลับไม่มีให้เห็น ไหน่ไชยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง สีหน้าท่าทีไม่ได้เปลี่ยนแปลงใด ๆ กระทั่งมองตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มด้วยซ้ำ

“ได้แค่นี้?” อาการนิ่งเฉยของไหน่ไชเป็นเหตุให้จิ้นเฉิงต้องงุนงง “ไก่อ่อนยิ่งกว่าอ่อน ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะเป็นอีตัวเลยด้วยซ้ำ!”

สิ้นคำพูด ไหน่ไชก็เหวี่ยงหมัดของตนเองพุ่งเข้าปะทะใบหน้าจิ้นเฉิง ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองค่อนข้างใกล้ จิ้นเฉิงที่กำลังแตกตื่นเรื่องหมัดของตนเองไม่อาจส่งผลใด ตอนนี้หากคิดหลบเลี่ยงหมัดของไหน่ไชก็พบว่าไม่มีเวลาแล้ว

จิ้นเฉิงที่ถูกไหน่ไชเล่นงาน สีหน้าแปรเปลี่ยนในชั่วพริบตา แก้มของเขาปูดบวมขึ้นด้วยความเร็วที่ตาเปล่ามองเห็น กระทั่งร่างกระเด็นออกไป

ทว่าไหน่ไชยังไม่ได้เลิกราเพียงเท่านี้ เขาก้าวเท้าเดินตามไป พร้อมเตะจิ้นเฉิงเข้าที่ศีรษะ ตอนนี้จิ้นเฉิงไม่เหลือเวลาพอจะต่อต้านกระบวนท่าเสียด้วยซ้ำ ทำให้ถูกเตะเข้าใส่อย่างรุนแรง

จิ้นเฉิงไถลไปกับพื้นสังเวียนหลายเมตร หลังร่างหยุดนิ่ง ตัวเขาก็หมดสติไป นอนแน่นิ่งกับพื้นไร้การตอบสนอง

จิ้นเฉิงถูก น็อกเอาต์!

ภาพที่คึกคักเลือดพล่านเมื่อครู่ ตอนนี้กลับเปลี่ยน หากมีเข็มสักเล่มตกลงพื้นยังอาจได้ยิน!