ตอนที่ 222 ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ผมก็จะแก้ไขให้คุณ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 222 ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ผมก็จะแก้ไขให้คุณ

ตอนที่ 222 ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ผมก็จะแก้ไขให้คุณ

ทันทีที่ซูเถาปิดประตู จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเปิดประตูออกก็พบว่าเป็นเหลยสิง จริง ๆ แล้วในใจของเธอก็อยากจะทุบตีเขาเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าตาของหญิงสาวแดงก่ำ เหลยสิงก็เอามือยกขึ้นพิงที่ประตูแล้วถามเธอว่า

“เขาพูดอะไรกับคุณถึงทำให้คุณร้องไห้แบบนี้!”

ซูเถาเหยียดขาเตะเขาแบบไม่ตั้งใจ “ปล่อย”

เหลยสิงอาการชาบริเวณขาเมื่อนั่งยอง ๆ มาเป็นเวลานาน และยังไม่ทันหายดี ก็เสียหลักเล็กน้อย และรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าพุ่งผ่านร่างกายส่วนล่างของเขาเมื่อถูกเตะเบา ๆ

ซูเถาเองจับเขาเอาไว้ไม่ทัน ดังนั้นจึงได้แต่เฝ้าดูเขาล้มลงและพูดด้วยความตกใจ

“คุณแอคติ้งหรือเปล่าเนี่ย?”

เหลยสิงหน้าชาที่ถูกเธอมองว่าเขาแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงแอคติ้งตามที่เธอว่า เขานอนหงายและทำเป็นไม่สามารถลุกขึ้นได้ และพูดอย่างอ่อนแอ

“เจ็บนะ”

อารมณ์หดหู่แต่เดิมของซูเถาถูกคนโกงกำจัดไปครึ่งหนึ่ง แต่เธอก็เบะปากพลางถามว่า

“เจ็บแล้วยังไง?”

ก่อนที่เหลยสิงจะพูด เจียงอวี่ก็โผล่ออกมาจากเงามืด

“กัปตันเหลย ผมช่วยคุณเอง”

เหลยสิงคว้ามือเขาทันทีและพยุงตัวเองขึ้น “แล้วผมก็ต้องลุกขึ้นเองน่ะสิ”

ซูเถาปิดประตูดังปัง ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถามคำถามเพิ่มเติม

ทันทีที่เธอกลับมายังพื้นที่อันเงียบสงบ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและความปวดใจก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

เจียงอวี่เทน้ำหนึ่งแก้วให้เธอแล้วพูดเบา ๆ

“ถ้าคุณไม่สามารถแก้ไขอารมณ์ของคุณได้จริง ๆ คุณก็ต้องพยายามทำให้ตัวเองยุ่งเอาไว้”

ซูเถาพยักหน้า หลังจากนั้นก็ตอบว่า “คุณพูดถูก”

เจียงอวี่พูดขึ้นมาว่า

“เถ้าแก่ซู พลตรีสืออาจเป็นผู้นำที่ดี เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม และเป็นฮีโร่ที่ควรค่าแก่การเคารพ แต่เขาไม่เหมาะกับคุณ”

ซูเถากอดหมอนแล้วพูดว่า

“ฉันไม่รู้ว่าทำไม ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมรับเขานะ แต่ฉันไม่แน่ใจอะไรเลย บางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าฉันชอบเขามากกว่าหรือชื่นชมเขามากกว่ากัน ฉันไม่รู้จริง ๆ”

“แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันก็ไม่อยากให้เขา… ตาย”

เจียงอวี่ถอนหายใจยาวและหายไปในเงามืด

ซูเถาฟังคำปลอบใจของเขาและพยายามไม่คิดอะไรเกี่ยวกับสือจื่อจิ้น และเริ่มทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับงานของเธอเอง

ประการแรกคือการสร้างฐานให้กลุ่มเป้าถู

ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยผู้อาวุโสเหม่ยและลูกศิษย์ของเขา

พื้นที่นั่งเล่นขนาด 500 ตารางเมตรเป็นพื้นที่พักผ่อน รับประทานอาหาร และความบันเทิง

ชั้นใต้ดินของอาคารหลักเป็นโรงรถซึ่งใช้จอดซากรถที่ทรุดโทรมของเป้าถู

ชั้นแรกเป็นห้องอาหารซึ่งสามารถรองรับผู้คนจากเป้าถูได้มากกว่าหนึ่งโหล เมื่อเข้ามารับประทานอาหารในเวลาเดียวกัน

ด้านขวามือของห้องอาหารมีครัวขนาดใหญ่โต สามารถให้คุณป้าที่ดูแลพวกเขามาอย่างยาวนานมาทำอาหารกันได้

ทางซ้ายมือของห้องอาหารคือบันได ส่วนชั้นสองถึงชั้นสี่เป็นห้องพักทั้งหมด เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น

ผู้คนในเป้าถูต่างก็เป็นชายโสด แทบไม่มีใครวางแผนที่จะแต่งงานและมีลูกเลย ดังนั้นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นก็เพียงพอแล้ว

ชั้นถัดไปเป็นดาดฟ้า

ผู้อาวุโสเหม่ยคิดว่าพวกเขาชอบร้องเพลงและปาร์ตี้ ไม่เพียงแต่สร้างฟลอร์สำหรับเต้นรำบนระเบียงเท่านั้น แต่ยังสร้างบาร์และติดตั้งเครื่องเสียงด้วย

นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำแบบเปิดโล่งที่ชั้นล่างพร้อมเก้าอี้ผ้าใบที่ขอบสระ

หลังการฝึก ก็สามารถมาว่ายน้ำเพื่อผ่อนคลาย และขึ้นมานอนพักผ่อนริมสระสักงีบได้

ถัดจากอาคารหลักเป็นอาคารเสริมที่มีสองชั้น

ชั้นแรกคือห้องนั่งเล่นสำหรับเป้าถู ซึ่งสามารถเชิญเพื่อน ๆ มาเที่ยวเล่น ชั้นสองเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่พิเศษสำหรับการประชุมและการวางแผนต่างๆ

อีก 500 ตารางเมตรเป็นพื้นที่ฝึกซ้อม

ตรงกลางมียิมกระจกไว้ใส่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการฝึกในร่ม

พื้นที่โดยรอบเป็นทางลู่วิ่งซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกประจำวัน

หลังจากที่ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นและปรับรายละเอียดต่าง ๆ ให้เหมาะสม เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นเวลารุ่งสางแล้ว

จากนั้นซูเถาก็ตระหนักในภายหลังว่าเธอได้ทำการก่อสร้างเป็นเวลา 14 ชั่วโมงติดต่อกัน

หลังออกจากระบบ เธอรู้สึกว่ามือและเท้าของเธอเมื่อยเล็กน้อย

หลินฟางจือนำอาหารจากโรงอาหารมาให้เธอ เขาขมวดคิ้วและเฝ้าดูเธอกินมันจนหมด แล้วพูดว่า

“พี่เศร้า”

ซูเถากะพริบตาและพูดด้วยรอยยิ้ม “นายดูออกได้ยังไง ไม่ใช่ว่าฉันกินอย่างเอร็ดอร่อยหรอกเหรอ”

หลินฟางจือส่ายหัว “แสดง”

รอยยิ้มของซูเถาลดลง เธอไม่สามารถบังคับตัวเองให้หัวเราะได้อีกต่อไป เธอวางชามลงแล้วพูดว่า

“ฉันเป็นห่วงเพื่อนคนหนึ่ง”

หลินฟางไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้เขายุ่งกับการไปเรียน จัดการเสบียง และจัดการกับทุกสิ่งเวลามีคนมาขอซื้อเสบียง ดังนั้นเขาจึงเวียนหัวเล็กน้อย และเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น

เขาเอียงศีรษะและใช้ประสบการณ์ของตนเองให้คำแนะนำกับเธอ

“เป็นห่วง ก็ตามไป”

ซูเถาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมา “นายเป็นห่วงใคร ก็ไปอยู่กับคนนั้นเหรอ?”

หลินฟางจือพยักหน้า เขาทุบหน้าอกของเขาและพูดอย่างจริงจัง

“ตามพี่ ผมรู้สึกดี”

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

เธอควรตามสือจื่อจิ้นไปหรือเปล่า?

กลัวว่าเขาจะเก็บข้าวของและส่งเธอกลับไปในที่ที่ควรอยู่

เธอแตะศีรษะของฟางจือและพูดด้วยความซึ้งใจ “เยี่ยมมาก ฉันหวังว่านายจะไร้เดียงสาแบบนี้ตลอดไป”

หลินฟางจือไม่เข้าใจ แต่เขาก็ตัดสินว่าเป็นคำพูดที่ดีและเธอกำลังยกย่องคำพูดของเขา

เขายิ้ม แต่เมื่อเห็นซูเถายังคงดูเศร้ามาก มุมปากของเขาก็ลดลงอีกครั้งและถามเธอด้วยความเศร้า

“พี่ยังเศร้า ผมพูดผิดหรือเปล่า”

ซูเถาลูบหน้าเขา

“เปล่า สิ่งที่นายพูดนั้นดีมาก นายช่วยไปเรียกเหลยสิงให้ฉันหน่อย ให้เขาไปที่ดินแดนของพวกเขาเพื่อตรวจสอบ”

ความจริงแล้ว เธอแค่ต้องการผลักฟางจือออกไป เธอต้องการอยู่กับตัวเอง และไล่สือจื่อจิ้นออกไปจากหัวของเธอ

หลินฟางจือเม้มปากเล็กน้อยอย่างไม่เต็มใจ “ผมอยากอยู่กับพี่ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก…”

ซูเถาไล่เขาไปหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เขาตามเธออยู่อย่างนั้น เธอโทรหาเหลยสิงและบอกให้เขาไปตรวจสอบ แล้วเธอจะตามไปทีหลัง

ซูเถาล้างหน้า มองตัวเองในกระจก เธอหายใจเข้าลึก ๆ และหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เธอก็ไปหาเหลยสิงพร้อมกับผู้ติดตามของเธอ

ทันทีที่เธอออกจากประตูเคลื่อนย้าย ซูเถาก็ได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้น

เธอเดินตามเสียงนั้นอย่างตั้งใจและเงยหน้าขึ้นมองไปยังระเบียงของอาคารหลัก และเห็นกลุ่มคนจากเป้าถูกำลังจัดงานเลี้ยงดนตรี

หลินฟางจือไม่เคยเห็นภาพดังกล่าวมาก่อนและรู้สึกตะลึงอยู่พักหนึ่ง

ซูเถาตะโกนใส่พวกเขาหลายครั้ง แต่เสียงเพลงดังเกินไป และคนเหล่านี้ตื่นเต้นเกินไปที่จะได้เห็นบ้านใหม่ จึงไม่มีใครได้ยินเสียงเธอ

สุดท้ายก็เป็นเหลยสิงที่ตื่นตัวก่อน เมื่อเขาเห็นซูเถาอยู่ที่ชั้นล่าง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาใช้มือประคองราวระเบียง และกระโดดลงมาจากชั้นที่ 5 อย่างชำนาญทันที

ซูเถาตกใจและถอยหลังไปสองก้าว เธอเห็นเขายืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง และวิ่งมาหาเธออย่างตื่นเต้น

“มันเยี่ยมมาก เราทุกคนตกใจเมื่อเห็นมัน โดยเฉพาะฟลอร์เต้นรำบนดาดฟ้า คุณรู้ใจพวกเราจริง ๆ”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินเข้ามา และเห็นความดำคล้ำใต้ดวงตาของซูเถาอย่างชัดเจน สีหน้าตื่นเต้นและมีความสุขของเขาลดลงทันที เขาขมวดคิ้วพร้อมกับถามเธอว่า

“เมื่อคืนคุณนอนไม่หลับเหรอ?”

ซูเถาไม่ต้องการตอบเขา ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “มีอะไรที่ต้องปรับปรุงอีกหรือเปล่า? รีบบอกมาได้ ถ้าเดินถัดไปข้างหลังหน่อยก็จะเป็นร้านค้านะ”

เหลยสิงไม่ได้คล้อยตามเธอเลย เขาถามว่า

“เมื่อวานคนแซ่สือบอกอะไรคุณ ทำไมคุณถึงนอนไม่หลับทั้งคืน คุณบอกผมสิ ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ผมก็จะแก้ไขให้คุณ”