บทที่ 117: ศาสตร์ชั้นสูงแห่งศิลปะการต่อสู้

ป่าหมอกทมิฬอันกว้างใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นห้าเขตใหญ่โดยนักสํารวจ

เริ่มจากรอบนอก แบ่งเป็นเขตวงนอก เขตวงกลาง และเขตวงใน นอกจากนี้มันก็ยังมีเขตมรณะต้องห้ามและเขตลึกลับต้องห้ามอีกด้วย

เขตวงนอกนั้นมักจะประกอบด้วยสัตว์รอสูรดาราระดับ 1 ดาวถึง 3 ดาว

สัตว์อสูรดาราก็มีลําดับชั้นเช่นกัน!

สัตว์อสูรดาราระดับสูงไม่ต้องการลดสถานะของพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ค่อยออกมาที่วงนอก

เขตวงกลางประกอบไปด้วยสัตว์อสูรดาราระดับ 4 ดาวถึง 6 ดาว สําหรับเขตวงใน มันก็เป็นที่ที่สัตว์อสูรดาราระดับ 7 ดาวถึง 9 ดาวอาศัยอยู่

ในทํานองเดียวกัน สัตว์อสูรดาราจากเขตวงในก็จะไม่วิ่งออกไปที่เขตวงกลาง

สภาพแวดล้อมในเขตมรณะต้องห้ามนั้นรุนแรงและอันตรายเป็นพิเศษ มันมีสัตว์อสูรดาราระดับลอร์ดมากมายซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนั้น

สัตว์อสูรดาราระดับลอร์ดนั้นเทียบเท่ากับนักสู้ระดับแม่ทัพ พวกมันถือได้ว่าเป็นผู้ปกครองในหมู่สัตว์อสูรดารา

ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงนักสู้ที่อยู่ต่ํากว่าระดับแม่ทัพเลย แม้ว่านักสู้ในระดับแม่ทัพเองก็ยังมีโอกาสรอดน้อยเลย เมื่อเข้าไปในเขตมรณะต้องห้าม

สําหรับเขตลึกลับต้องห้ามนั้น แม้แต่นักสู้ระดับแม่ทัพก็ยังไม่สามารถหลบหนีได้หลังจากที่พวกเขาเข้าไป อย่างน้อยจนถึงทุกวันนี้มันก็ยังไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับนักสู้ระดับแม่ทัพที่สามารถกลับออกมาได้อย่างปลอดภัยเลยหลังจากเข้าไปในเขตนั้น

หวังเต็งและเพื่อนร่วมทีมของเขาอยู่ที่เขตวงนอก

ด้วยความสามารถของทีมพยัคฆ์นักรบ พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ทรงพลังที่สุดในเขตวงนอก

สัตว์อสูรดาราระดับ 1 ดาวหรือ 2 ดาวธรรมดานั้นจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา

และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาสามารถฆ่าหมาป่าวายุเก้าตัวได้อย่างง่ายดายเมื่อคืนนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างในระดับนั้นก็ชัดเจน

หากเป็นทีมนักสู้ปกติ มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเสียชีวิตในการเผชิญหน้าครั้งนั้น

หลินซานและเพื่อนร่วมทีมของเขากล่าวว่าพวกเขาต้องการเวลาและความพยายามที่จะจัดการกับหมาป่าวายุ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หวังเต็งเห็นความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเมื่อวานนี้ เขาก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา

ขี้โม้!

ในที่สุดกลุ่มก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหุบเขาสายลม

ทีมพยัคฆ์นักรบได้ค้นพบเติ้งหลงเขาเดียวระดับ 3 ดาวในหุบเขาสายลมระหว่างการเดินทางครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นพวกเขาก็ได้ใช้ทรัพยากรทั้งหมดไปจนหมดแล้วและพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมการมาเพียงพอ ซึ่งนั่นก็ทําให้พวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะฆ่ามันลงได้ และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขากลับมาอีกครั้งในครั้งนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะสัตว์อสูรดาราตัวนี้ พวกเขาก็จะได้พักเป็นเวลาครึ่งเดือนก่อนจะกลับไปยังทวีปซินหว่อีกครั้ง พวกเขาจะไม่มีทางกลับมาภายในสามวันอย่างนี้แน่นอน

ตามคําอธิบายของหลินซาน เติ้งหลงเขาเดียวนั้นก็ฉลาดมาก ดังนั้นมันจึงมีโอกาสสูงที่มันจะดรอปกระดูกดาราออกมา

ถ้าพวกเขาสามารถฆ่ามันได้ พวกเขาก็จะทํากําไรได้มหาศาล

และเนื่องจากพวกเขายอมรับในความสามารถของหวังเต็ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลกับการดูแลเขา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับเติ้งหลงเขาเดียวได้

สิ่งต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงได้หากพวกเขาลากยาวเกินไป

พวกเขาเสียเวลาไปสี่วันแล้ว และหากพวกเขายังเสียเวลาต่อไป ทีมอื่นก็อาจจะพบเติ้งหลงเขาเดียวก่อนก็ได้

“หวังเต็ง นายช่วยจัดการหมูเกราะดินระดับ 1 ดาวนี่หน่อยนะ”

หลินซานหยุดนิ่งและชี้ไปที่สัตว์อสูรดาราขนาดใหญ่ที่กําลังกินหน้าอยู่ข้างหน้าพวกเขา จากนั้นเขาก็เอนกายไปพิงโคนต้นไม้และหยิบขวดน้ําออกมาจากกระเป๋าและเริ่มจิบน้ําอย่างไม่สนโลก

สมาชิกในทีมคนอื่นๆหยุดเมื่อเห็นการกระทําของเขา บางคนนั่งลงบนพื้นขณะที่คนอื่นๆกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ พวกเขานําของแห้งและน้ําออกมาแล้วเริ่มรับประทานอาหาร

มันดูเหมือนว่าพวกเขากําลังรอชมการแสดงดีๆ

หมูเกราะดินขนาดใหญ่เองก็สังเกตเห็นพวกเขาเช่นกัน มันเงยหน้าขึ้นและจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงกลมโต

ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่หนาและแข็งแรงเหมือนกับรถหุ้มเกราะ มันทําให้ผู้คนรู้สึกกดดัน

สัตว์อสูรดาราตัวนี้มีลักษณะที่ใหญ่มาก!

คุณสามารถพูดได้ว่ามันมีขนาดมโหฬาร!

หมาป่าวายุที่พวกเขาพบเมื่อวานนี้ก็ไม่เล็กเช่นกัน พวกมันสูงประมาณ 1.5 เมตร และแค่การกัดครั้งเดียวมันก็สามารถคาบคนไปกินได้ถึงสองคน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหมูเกราะดินตัวนี้แล้ว หมาป่าก็ไม่มีอะไรเลย

หวังเต็งรู้สึกพูดไม่ออกทันทีเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมของเขานั่งรอบๆโดยไร้ความกังวล เขายกดาบของเขาขึ้น และเดินไปข้างหน้า

ฮึด ฮึด…

หมูเกราะดินหอบอย่างหนักและดูหงุดหงิดมาก มันขวิดพื้นด้วยขาหลัง และดูเหมือนมันพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ

หมูเกราะดินอยู่ห่างจากพวกเขา 200 เมตร และเมื่อหวังเต็งเข้าไปใกล้มันถึงระยะร้อยเมตร หมูเกราะดินก็เตะฝุ่นขึ้นมาทันที

“อู๊ด! อู๊ด!”

หมูคํารามขณะที่มันพุ่งเข้าหาหวังเต็ง

สายตาของหวังเต็งจับจ้องอยู่ที่หมู หมูเกราะดินตัวนี้ไม่เพียงแต่จะใหญ่โตและดุร้ายเท่านั้น แต่มันยังคล่องแคล่วและว่องไวอีกด้วย

“นายคิดว่าหวังเต็งจะสามารถฆ่าหมูเกราะดินได้ไหม” หยานจินเยว่ถาม

“เขาแสดงทักษะของเขาออกมาแล้วเมื่อคืนนี้ และมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดังนั้นแทนที่จะกังวลว่าเขาจะฆ่าหมูเกราะดินได้หรือไม่ ทําไมเราไม่ลองเดาดูล่ะว่าเขาจะใช้เวลานานเท่าใดในการจัดการสัตว์อสูรดาราตัวนี้ เธอสนใจที่จะเดิมพันไหม” หลินซานยิ้มและถาม

“แล้วจะเดิมพันเป็นอะไรล่ะ?” หลิวหยานเลียริมฝีปากสีแดงเซ็กซี่ของเธอและถาม

“หินพลังงานสิบก้อนเป็นไง?” หลินซานแนะนํา

“จัดไป!” หลิวหยานตกลงในทันที เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันเดาว่าห้านาที”

“หวังเต็งนั้นเร็วมาก แต่ฉันก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งและความสามารถในการป้องกันของเขา ดังนั้น ฉันเดาว่า 10 นาที!” หยานจนหมิงกล่าว

“ถ้าอย่างงั้น ฉันก็จะเดาว่า 20 นาที” หยางเฟยกล่าว

“อืม ฉันคิดว่าน่าจะซัก 9 นาที” แม้แต่หญิงสาวใสๆหยานจินเยว่ก็ยังเข้าร่วมการเดิมพันอย่างตื่นเต้น

“ฉันคิดว่าภายในหนึ่งนาที” หลินซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“จริงจัง? หัวหน้า แม้ว่าคุณจะตั้งความหวังไว้สูงสําหรับเขา แต่หนึ่งนาทีนี่มันก็เกินจริงๆนะ” หยานจนหมิงตกใจ

“ฮิฮิ มารอดูกัน หินหลังงานของพวกนายจะต้องเป็นของฉันอย่างแน่นอน” หลินซานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

โชคดีที่หวังเต็งไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมที่ไร้ยางอายของเขากําลังทําอะไรอยู่ ถ้าเขารู้ เขาก็อาจจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธ

ในตอนนี้ เขาได้เริ่มต่อสู้กับหมูเกราะดินแล้ว

บึมม!

หมูเกราะดินพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูงและต้องการจะทุบหวังเต็ง ผลกระทบที่น่ากลัวนี้ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกอันทรงพลังและพุ่งเข้าหาร่างของหวังเต็ง

หวังเต็งบิดเท้าของเขาและหลบเลี่ยงการโจมตีไปเหมือนลิงที่ว่องไว ในเวลาเดียวกัน เขาก็เล็งดาบของเขาไปที่คอองหมูเกราะดินแล้วฟันมันลงไป

ใน การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจําลองสามปี” มันก็มีการกล่าวว่า ไม่ว่าคุณจะต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ หรือสัตว์อสูรดารา คุณก็จําเป็นที่จะต้องค้นหาและกําหนดจุดอ่อนของพวกมันให้ได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว จุดอ่อนของสัตว์อสูรดาราก็จะอยู่ที่หน้าท้อง,ดวงตาและคอ

ด้วยเหตุนี้เอง ขณะหลบหลีกหวังเต็งจึงเหวี่ยงดาบของเขาเข้าไปที่คอของสัตว์อสูรดาราเมื่อมันวิ่งผ่านเขาไป

ร่างกายของหมูเกราะดินนั้นใหญ่มาก ดังนั้นมันจึงไม่สามารถหมุนได้เร็วนัก และนั่นก็ทําให้มันไม่สามารถป้องกันดาบของหวังเต็งได้

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ

เกร๊ง!

เมื่อหวังเต็งได้ยินเสียง การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปที่จุดที่เขาสับเข้าไปเมื่อครู่นี้ แต่มันก็มีเพียงเส้นสีขาวเท่านั้น

เกล็ดหมูเกราะดินปกคลุมทั้งตัว และมันก็แข็งเป็นพิเศษและนั่นก็ทําให้ยากต่อการทําลายชั้นการป้องกันนี้

เนื่องจาก หวังเต็งล้มหลวในการโจมตี และนั่นก็ทําให้หมูเกราะดินมีเวลาตอบสนอง มันเหวี่ยงหัวของมันเข้าใส่หวังเต็งด้วยงาหนาสองงาที่เหมือนกริช

หาการโจมตีนี้ปะทะเข้ากับเขา พวกมันก็จะเจาะทะลุผ่านร่างกายของเขาไปอย่างแน่นอน

หวังเต็งยกโล่ในมือซ้ายขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี เขาใช้แรงปะทะเพื่อเคลื่อนตัวออกจากสัตว์อสูรดารา จากนั้นจึงใช้ความคล่องตัวของเขาหมุนเป็นวงกลม จากนั้นเขาก็เริ่มค้นหาจุดอ่อนของหมูเกราะดิน

หลังจากที่หวังเต็งสามรถหลบการโจมตีของหมูเกราะดินได้ มันก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ มันยังคงหอบ และคํารามด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง

อันที่จริง การโจมตีของหมูเกราะดินนั้นง่ายมาก มันมีจุดแข็งเพียงจุดเดียวคือมันมีเกราะที่แข็ง

ถ้าสัตว์อสูรดาราตัวอื่นไม่สามารถทําลายการป้องกันของพวกมันได้ หมูเกราะดินก็จะนับได้ว่าอยู่ยงคงกระพัน

อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็สามารถหลบการโจมตีของหมูเกราะดินได้ด้วยความเร็วของเขา หมูเกราะดินหันไปทางขวาและซ้าย แต่มันก็ไม่สามารถทําอะไรหวังเต็งได้

หลังจากนั้นไม่นาน หวังเต็งก็พบจุดอ่อนของมันในที่สุด

ศาสตร์ชั้นสูงแห่งศิลปะการต่อสู้

นี่คือท่าไม้ตายในตํานาน จิ้มทะลวงข้ามสหัสวรรษ !!!

ฉึก…

ดาบยาวแทงทะลุกัน!