หรานจิงอยากรู้มากจริง ๆ ว่าเสี่ยวเฉิงรู้ได้อย่างไรว่าคนร้ายอยู่บนหลังคา
“นายรู้ตําแหน่งของคนร้ายได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวเฉิงพลันชี้ไปที่ดวงตาและกล่าวคําพูดออกมา “ก็เพราะฉันคือพระเยซูคริสต์ที่มองเห็นได้ทุกสิ่งอย่างยังไงล่ะ”
ทั้งสองสาวพลันกลอกตา “ให้ตายเถอะเสี่ยวเฉิง!”
เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มอย่างขมขึ้น “มันก็เป็นความจริงแค่ครึ่งหนึ่งแหละน่า ฉันบอกเธอไปแล้วไง แต่เธอไม่เชื่อเองนี้ แล้วจะให้ฉันอธิบายยังไงล่ะ?”
“ยังไงก็เถอะ ฉันจะรอวันที่ถูกเธอเรียกว่ากัปตันก็แล้วกันนะ” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มและพูดขึ้น
หรานจงพลันตอบกลับทันที “เราจะคุมตัวเขากลับไปเพื่อทําการสอบสวนว่าหมอนั่นมาที่นี่เพื่อลอบสังหารนายจริงหรือเปล่า…”
ทว่า ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกําลังจะอ้าปากพูดขึ้นอีกครั้ง คลื่นอัลตราซาวนด์ที่ครอบคลุมเอาไว้ทั้งโรงพยาบาลก็จับอะไรบางอย่างได้
“พวกเธอช่วยเงียบกันสักเดี๋ยวนะ” เสี่ยวเฉิงหยุดทั้งสองทันทีแล้วหลับตาลง ทันทีที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองของเสี่ยวเฉิงก็เข้าสู่โหมดมองเห็นแบบทะลุปรุโปร่งและเริ่มสแกนไปทั่วทั้งโรงพยาบาล
บนรถตู้ด้านนอกโรงพยาบาล ชายคนหนึ่งที่กําลังถือวิทยุสื่อสารพลันกล่าวคําพูด “พี่เฉียง พลาดแล้ว! ฉันติดต่อเขาไม่ได้เลย สัญญาณขาดหายไปแล้วด้วย!”
ท่ามกลางเสียงรบกวนมากมาย เสี่ยวเฉิงจึงเพ่งสมาธิไปยังน้ําเสียงของชายที่กําลังถือวิทยุอยู่แต่เพียงผู้เดียว ดวงตาของเสี่ยวเฉิงพลันจับจ้องและมองผ่านด้านข้างของรถตู้ เขาเห็นผู้ชายเครายาวและสวมหมวกคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น
“เราจะหยุดแค่นี้ก่อนไหม?” ใครคนหนึ่งพลันกล่าวคําพูดออกมา “ฉันเพิ่งเห็นพี่เฉียง กตํารวจนอกเครื่องแบบคุมตัวไปถ้าพี่เฉียงถูกจับไปแล้วแบบนี้ พวกเราอาจจะถูกเปิดโปงก็ได้นะ!”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น สมองของเสี่ยวเฉิงก็ทํางานราวกับเป็นระบบ AI และจัดตําแหน่งผู้พูดอีกครั้งท่ามกลางเสียงรบกวนของผู้คนรอบกาย ในตอนนี้ ผู้ชายคนหนึ่งกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในพื้นที่ส่วนกลางชั้นหนึ่ง ชายคนนี้น่าจะได้รับหน้าที่มาให้เฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ตํารวจที่กําลังปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างที่เพื่อนร่วมทีมของเขาออกไปปฏิบัติการ แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้ว นักฆ่าคนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าตํารวจนอกเครื่องแบบนั้นยืมคุมอยู่ทั่วทั้งโรงพยาบาลและปะปนกันในทุกชั้นและทุกแห่ง
ชายที่ถือวิทยุอยู่ในรถตู้พลันตอบกลับนักฆ่าที่กําลังนั่งเฝ้าระวังอยู่ชั้นหนึ่ง “เราไม่ ถูกเปิดโปงหรอกน่านายเองก็จะไม่ถูกจับด้วยเหมือนกัน แถมพวกเราก็ต้องทําตามแผนต่อไปให้ เสร็จด้วยแค่เงินค่าหัวของไอ้ตํารวจลาดตระเวนที่ชื่อเสี่ยวเฉิงนั่นเดียวก็ทําให้พวกเราอยู่แบบสุขส
บายไปได้ทั้งชาติแล้ว! ยังไงก็เถอะ ตอนนี้เป้าหมายน่าจะรู้ตัวแล้ว และโอกาสในการลอบสังหารเสี่ยวเฉิงก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ ด้วย… โกสต์! สถานการณ์ฝั่งนายตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? นายได้ตัดระบบเฝ้าระวังของโรงพยาบาลออกไปหรือยัง?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็รีบกล่าวคําพูดกับหรานจิงทันที “ไปที่ห้องเฝ้าระวัง ส่วนกลางของโรงพยาบาล! มีใครบางคนต้องการที่จะตัดระบบเฝ้าระวังทั้งหมด!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หรานจิงก็รีบออกคําสั่งผ่านวิทยุสื่อสารทันที “ส่งเจ้าหน้าที่สามนาย ที่ตรวจสอบที่ห้องเฝ้าระวังทันที เช็คดูด้วยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไหม!”
ทันทีที่ได้ยินคําสั่ง เจ้าหน้าที่สายลับสามคนก็รวมกลุ่มกันพร้อมกับวิ่งไปยังห้องเฝ้าระวังส่วนกลางทันที เมื่อทั้งสามมาถึง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าประตูถูกล็อคเอาไว้อยู่
“หัวหน้าครับ ประตูถูกล็อคจากด้านในครับ”
“ถีบเลย! ต้องมีคนอยู่ข้างในนั้นแน่!” เสี่ยวเฉิงที่ได้ยินเสียงของสายลับผ่านวิทยุพลันพูดขึ้นทัน
หรานจิงเองก็พลันกล่าวคําสั่งทันทีเช่นกัน “บุกเข้าไปเลย!”
เจ้าหน้าที่ทั้งสามพยักหน้า พวกเขาก้าวถอยหลังอย่างมืออาชีพพร้อมกับหยิบปืนออกมา ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็ถีบประตูพร้อมกัน หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ชี้ปืนเข้าไปด้านใน และ อีกสองคนก็พุ่งตัวเข้าไป
จากนั้น พวกเขาก็เห็นผู้ชายในเครื่องแบบโรงพยาบาลกําลังพิมพ์บางอย่างบนแป้นพิมพ์และตอนนี้ ชายคนนั้นก็กําลังมองดูเจ้าหน้าที่ทั้งสามด้วยความตะลึงงัน ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตํารวจอาชญากรทั้งสามก็ได้พุ่งเข้าไปคุมตัวคนร้ายเอาไว้ทันที ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินเข้าไปตรวจสอบหน้าจอและสังเกตเห็นว่าระบบเฝ้าระวังทั้งหมดรอบ ๆ ห้องเสี่ยวเฉิงถูกปิดลง เจ้าหน้าที่คนนั้นพลันกล่าวด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นในทันที “พาตัวหมอนออกไป!”
จากนั้น เขาก็รายงานสถานการณ์ผ่านวิทยุทันที “หัวหน้าครับ มีชายคนหนึ่งปิดระบบเฝ้าระวังรอบห้องของเสียวเฉิงไปครับ ดูเหมือนว่าตอนนี้ทางฝั่งเรากําลังเผชิญหน้ากับทีมนักฆ่ามืออาชีพอยู่เลยครับ”
หรานจึงในตอนนี้ไม่สามารถซ่อนความตกใจเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว เธออยากรู้เหลือเกินว่าเสี่ยวเฉิงรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ได้อย่างไร