ราชันย์หน่วยรบมังกร ตอนที่ 80: การควบคุม 2

ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็กล่าวคําพูดกับหรานจิงอีกครั้ง “ค้นหาอุปกรณ์สื่อสารบ นตัวหมอนั่นด้วย จากนั้น ช่วยตอบกลับผ่านวิทยุไปที่ด้วยว่า เสร็จแล้ว” พูดไปแค่นั้นพอ…”

หรานจึงพยักหน้าและออกคําสั่งกับลูกน้อง

คนของเธอพบอุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็กจากผู้ชายคนนั้น และหลังจากกดปุ่มบนวิทยุสื่อ สารแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พลันกล่าวคําพูดออกมา “เสร็จแล้ว”

เมื่อชายบนรถตู้ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เริ่มกล่าวคําสั่งผ่านวิทยุสื่อสารอีกครั้งทันที “ไซคลอปส์ นายไปต่อได้ ระบบเฝ้าระวังถูกตัดแล้ว ตอนนี้นายปลอดภัยแล้ว!”

“เข้าใจแล้ว” ไซคลอปส์ตอบกลับ ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงเองก็หาตัวเขาเจอเช่นกัน

ไซคลอปส์ในตอนนี้กําลังได้รับการฉีดวิตามินอยู่ที่ชั้นบน ในเวลานี้ มันก็ค่อนข้างดีกมากแล้วและเหล่าพยาบาลก็อยู่เวรกันไม่มากนัก เขาแสร้งทําเป็นไปเข้าห้องน้ําพร้อมกับตั้งที่แขวนถุงน้ําเกลือเอาไว้ข้างกาย ไม่นานนัก เขาก็ดึงเข็มทั้งหมดออก หลังจากนั้นไซคลอปส์ก็ปินออกไปหน้าต่างห้องน้ําและเดินไปตามขอบผนัง แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็กําลังนอนอยู่ที่ชั้นสี่ และชายที่ถูกจับไปในตอนแรกก็ติดตั้งระบบเชือกเอาไว้บนหลังคา อันที่จริง ชายที่ชื่อว่าไซคลอปส์คนนี้สามารถโหนเชือกที่ถูกติดตั้งไว้และห้อยตัวไปโผล่ที่หน้าต่างของห้องเสี่ยวเฉิงได้เลย

เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเปิดอยู่ หน้าต่างของห้องของเสี่ยวเฉิงจึงถูกปิดลง พร้อมกับมีผ้าม่านและราวตากผ้าบังวิวเอาไว้และในตอนนี้นักฆ่าที่มีฉายาว่าไซคลอปส์ก็พลันติดตั้งตัวเก็บเสียง ไว้บนปืนพกของเขาก่อนเขารีบผูกตัวเองเข้ากับเชือก จากนั้น เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่กําลังมองมาด้วยกล้องส่องทางไกลก็พลันพูดขึ้นผ่านวิทยุ “การมองเห็นถูกปิดกั้น มีผ้าม่านและราวตากผ้าบังอยู่ ถ้านายไม่บุกเข้าไป ฉันว่านายยิงหมอนั่นไม่โดนแน่”

ไซคลอปส์เงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้น “เข้าใจแล้ว ในห้องมีกี่คนกัน?”

“สามคน แต่อีกสองคนเป็นผู้หญิง แต่ยังไงก็เถอะ นายไม่ต้องกังวลไป แค่เข้าไปฆ่าไอ้ หมอนั่นคนเดียวก็พอ”

“รับทราบ” ไซคลอปส์พลันตอบกลับ

จากนั้น ไซคลอปส์ก็ปินลงมาจากชั้นห้าโดยใช้เชือก เขาเริ่มปลดตัวเองลงมาทีละนิด ทว่า ในเวลานี้ เสี่ยวเฉิงเองก็พลันกล่าวคําพูดกับหรานจิง “ช่วยเดินไปเปิดและดันหน้าต่างออกไปให้แรงที่สุดเท่าที่เธอจะทําได้ที!”

หรานจิงในตอนนี้รู้สึกสับสนว่าเสี่ยวเฉิงกําลังวางแผนอะไรอยู่ แต่เธอยังคงลุกจากเก้าอี้ย้าย ราวตากผ้าออก และเปิดหน้าต่างออกทันทีโดยไม่ได้เลื่อนผ้าม่านออก

ในตอนนั้นเอง ไซคลอปส์ที่ใช้หลังพิงหน้าต่างก็พลันถูกปลดจากเชือกที่รัดตัวอยู่ในทันทีทันที ที่สัมผัสได้ถึงแรงมหาศาลที่ผลักออกมา เขาก็รักษาสมดุลไม่อยู่จนตัวหลุดออกจากเชือกไซคลอปส์พลันตะโกนออกมาเสียงดัง “อ๊าก!” เขาผลัดตกลงมาจากชั้นสี่ในทันใด

ทันทีที่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม หรานจิงก็พลันรู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง เธอรีบหันไปมองเสียวเฉิงด้วยสัญชาตญาณ “นายรู้ได้ยังไงกันว่ามีคนอยู่ข้างนอก?!”

“ฉันเคยบอกเรื่องการได้ยินให้เธอรู้ไปแล้วไม่ใช่หรือยังไงกัน?”

ไม่นานนัก หรานจิงก็ออกคําสั่งผ่านวิทยุทันที “บริเวณหน้าต่างของห้องเสี่ยวเฉิง… ส่งคนออกไปสองคนที่! คนร้ายร่วงลงไปแล้ว! หมอนั่นคงหนีไปไหนไม่ได้แล้วแหละ”

นักฆ่าอีกคนที่มองมาด้วยกล้องส่องทางไกลจากอาคารฝั่งตรงข้ามเห็นไซคลอปส์ร่วงลงมามาจากชั้นสี่ เขาพลันกัดฟันและสบถออกมา “บัดซบ! ไซคลอปส์พลาดท่าแล้ว!”

ชายที่อยู่ในรถตู้พลันกระพริบตาถี่ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าแผนการลอบฆ่าในวันนี้ไม่น่าจะสําเร็จ เขารู้สึกราวกับว่าแผนการของตัวเองกําลังถูกคนอื่นควบคุมอยู่

“ดอลฟิน! ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอแล้ว ลุยเลย!”

“เข้าใจแล้ว! ฉันขอเวลาสิบนาที” ทว่า เสียงนั้นเป็นของผู้หญิง ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็เพ่งสมาธิไปยังเสียงของเธอทันที เสี่ยวเฉิงพลันสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นแอบอยู่บนห้องโถงชั้นสี่พร้อมกับเครื่องแบบคนส่งอาหาร ในตอนนี้ เธอกําลังเดินเข้าไปยังศูนย์พยาบาลและกล่าวคําพูดกับพยาบาลที่กําลังนั่งอยู่ “มีสุภาพบุรุษสั่งอาหารมาให้พวกเธอสองคนด้วยน่ะ… รับไปสิ”

พยาบาลทั้งสองในกะดึกของวันนี้พลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“ใครสั่งมาให้เรากัน?”

“ใครจะไปสนกันล่ะ? อาจจะเป็นผู้ชายที่แอบชอบพวกเราคนใดคนหนึ่งก็ได้ ยังไงเสีย ตอนนี้ฉันเริ่มหิวแล้ว มานั่งกินกันก่อนเถอะ!” ทันใดนั้นพยาบาลอีกคนรับอาหารไปอย่างมีความสุข