ตอนที่ 81: ภารกิจลอบสังหาร

นักฆ่าหญิงที่มีฉายาว่าดอลฟินไม่ได้ออกไปในทันทีหลังจากที่ยื่นอาหารให้แก่พยาบาลทั้งสอง เธอพลันตรงไปยังห้องน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนางพยาบาลแทน ทันทีที่เธอออกมาอีกครั้ง พยาบาลทั้งสองต่างก็รีบเร่งเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ดอลฟินพลันก้มหน้าและเดินผ่านพยาบาลทั้งสองพร้อมกับลากรถเข็นที่เต็มไปด้วยยาและเข็มฉีดยาไปด้วย เธอพลันรีบเดินตรงไปยังห้องของเสี่ยวเฉิง

ดอลฟินพลันกล่าวคําพูดกับหูฟัง “ฉันกําลังเข้าใกล้เป้าหมายแล้ว หมอนั่นตายแน่”

ชายที่อยู่ในรถตู้พลันตอบกลับ “ดีมาก เดี๋ยวฉันจะให้พี่ไอรอนมาช่วยอีกแรง ถ้าเธอฆ่าไอ้หมอนั่นได้สําเร็จ พี่ไอรอนจะช่วยพาเธอออกมาจากโรงพยาบาลเอง แต่จําเอาไว้อย่างหนึ่งด้วย ห้ามทิ้งหลังฐานอะไรเอาไว้เด็ดขาด!”

“เข้าใจแล้ว” ดอลฟินตอบกลับ เธอสวมถุงมือใสเพื่อไม่ให้ตํารวจพบลายนิ้วมือ

ทันทีที่ผลักประตูออก ดอลฟินก็พลันเดินเข้าไปในห้องของเสี่ยวเฉิง เธอพบว่าเสี่ยวเฉิงกําลังจ้องมองมาที่ตัวเองโดยที่ไม่ได้กะพริบตาเลย

เซินเหยาพลันมองไปมาระหว่างทั้งคู่และพ่นลมหายใจ “ทําไมนายต้องมองเธอด้วยสายตาโรคจิตแบบนั้นด้วยล่ะ?”

อันที่จริง เซินเหยาแค่รู้สึกขัดใจ พยาบาลสาวตรงหน้าดูดีกว่าเธองั้นหรือ?

จากนั้น เธอก็พลันเยาะเย้ยเสี่ยวเฉิงทันที “คิดว่าตัวเองกําลังอยู่ในเครื่องแบบหรือยังไงกัน?”

ดอลฟินยังคงเผยท่าที่สุดสงบระหว่างที่กําลังเตรียมยาและเข็มฉีดยา

สําหรับเหตุผลที่เสี่ยวเฉิงเอาแต่จ้องมองมา ดอลฟินคิดว่าก็น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่เซินเหยาเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาเป็นพวกผู้ชายโรคจิต ด้วยเหตุนั้น ดอลฟินจึงไม่ได้สนใจเรื่องที่เสี่ยวเฉิงจ้องมองมาเท่าไหร่นัก

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็กล่าวคําพูดกับหรานจิง ”ช่วยเดินไปปิดประตูที”

อันที่จริง หรานจึงต้องการที่จะถามออกไปว่าทําไม แต่ตอนนี้กําลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤตและที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เสี่ยวเฉิงก็ได้คาดการณ์และทํานายทุกเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยํา เธอจึงไม่อยากสงสัยในคําพูดของเขา ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หรานจิงก็พลันเดินไปปิดประตู

เสี่ยวเฉิงพูดต่อ “ล็อคด้วย”

ดอลฟินพลันชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเธอกําลังเต้นระรัว แต่ทว่า เธอก็ยังเผยใบหน้าสุดสงบนนิ่งออกมาพร้อมกับเตรียมยาต่อไป

เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดกับเซินเหยา “เธอช่วยเดินไปปิดหน้าต่างให้หน่อยสิ ดึงผ้าม่านลงด้วยนะ”

เซินเหยามองไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยสายตาที่แปลกไป “นายคงจะไม่ทําอะไรเธอในระหว่างที่ฉันกับหรานจิงยังยืนอยู่ในห้องนี้หรอกใช่ไหม?”

หรานจงพลันรับรู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวเฉิงต้องมีเหตุผลสําหรับเรื่องนี้แน่ และเหตุผลนั้นก็อาจจะเกี่ยวข้องกับนางพยาบาลตรงหน้า

ทันทีที่คิดเช่นนั้น หรานจิงก็ปลดซองปืนที่เอวออกและวางมือไว้บนปืนพก เธอพร้อมที่จะดึงมันออกมาในทุกเมื่อ

ไม่นานนัก เซินเหยาก็เดินไปปิดหน้าต่างและดึงม่านลงพร้อมมองไปยังเสี่ยวเฉิง ทว่า เสี่ยวเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงกลับจ้องมองยังพยาบาลสาวตรงหน้าอย่างใจเย็นและเผยยิ้ม ” คุณพยาบาลครับ น้ำเกลือของผมยังเหลืออีกตั้งครึ่งถุงเลยนะ”

“ พยาบาลสาว” มองไปยังถุงน้ำเกลือที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งแล้วกล่าวคําพูดออกมาอย่างใจเย็น “นี่เป็นอีกถุงหนึ่งที่คุณจะต้องได้ค่ะ คืนนี้มีคนไข้เยอะมาก ฉันเกรงว่าจะดูแลคนไข้ได้ไม่ทั่วถึง เลยเอาถุงน้ำเกลือมาเปลี่ยนให้คุณก่อน”

จากนั้น เธอก็ก้มไปหยิบถุงน้ำเกลือใบใหม่และเดินเข้ามาหาเสี่ยวเฉิง

ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พลันอมยิ้มในใจและกล่าวคําพูดออกมา “ปกติแล้ว ถ้าผู้หญิงถูกผู้ชายจ้องมองด้วยสายตาโรคจิตขนาดนั้น พวกเธอก็คงจะต้องโกรธแล้วแน่ แถมเมื่อกี้ผมก็บอกให้เพื่อนทั้งสองคนเดินไปล็อคประตูและดึงม่านลงอีก แต่คุณกลับไม่ตกใจอะไรเลย นี่คุณกําลังจงใจสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ใช่ไหม? และนั่นก็น่าจะเป็นเพราะคุณมีเป้าหมาย และคุณต้องอยู่ที่นี่เพื่อจัดการทําอะไรสักอย่าง…”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ดอลฟินก็เผยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าออกมา

แต่ทว่า เธอกลับเผยยิ้มอย่างเหยียดหยามและตอบกลับ “คุณคิดว่าฉันจะกลัวสายตาของคุณจริง ๆ เหรอ? ในห้องนี้มีผู้หญิงอีกสองคน แถมเราก็อยู่ในโรงพยาบาลด้วย”

“นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ คุณสงบจนดูน่ากลัว และด้วยอารมณ์แบบคุณ ผมสามารถเดาอาชีพหนึ่งที่เชื่อมโยงกับลักษณะและท่าทางของคุณได้เลยล่ะ…”

ดอลฟินมองมายังเสี่ยวเฉิงและถามขึ้น “อาชีพอะไรล่ะ?”

เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับอย่างแผ่วเบา “นักฆ่ามืออาชีพ..”