ตอนที่ 232 สองวันก่อนถึงเทศกาลล่าหมีในสองสัปดาห์ต่อมา ส่วนแรก

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

232 สองวันก่อนถึงเทศกาลฤดูหนาวในสองสัปดาห์ต่อมา ส่วนแรก

 

นี่เป็นวันที่โรงเรียนทหารจักรกลปิดเทอมฤดูหนาว

นักเรียนหลายคนยังคงอยู่ที่โรงเรียน โดยพยายามสืบหาความจริงเบื้องหลังข่าวลือที่พวกเขาสงสัย

 

――จากนั้น เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคนไม่ธรรมดามารวมตัวกันที่ศูนย์ฝึกทหารจักรกล ก็รู้กันได้ทันทีว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง

 

อันดับแรก มีทหารจักรกลสองเครื่อง กับ สมาชิกหลักสูตรเก็บกวาดสี่คน

จากนั้นก็เป็นนักเรียนต่างชาติ เนีย・ลิสตัน กับซิลเลนที่มาถึง

 

ยังไม่มีใครรู้ว่าทำไม รายละเอียดยังไม่เป็นที่ทราบกัน

ทว่า ทุกคนเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้น

 

มีทั้งนักเรียน ครู และผู้ที่เข้ามาโดยไม่เปิดเผยตัวตน

 

ทุกคนกลั้นลมหายใจจับจ้องด้วยความปั่นป่วนและรอผลที่ตามมานี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

――อุมุ ค่อนข้างมาก

 

วันนี้สมาชิกทั้งสี่คนในหลักสูตรเก็บกวาดมีสีหน้าดูดีเหมือนนักรบ

 

เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ

พวกเขาสวมชุดฝึกซ้อมตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะนำอาวุธจริงมาด้วย

 

พวกเขาอาจจะเสียสมาธิได้ถ้าฉันเรียกพวกเขาแปลก ๆ ฉันก็เลยเมินเฉยทั้งสี่คนแล้วมองไปที่ทหารจักรกล

 

“ทำให้รอหรือเปล่า?”

 

เมื่อฉันมองขึ้นไป ――เกราะด้านหน้าก็เปิดออก สมาชิกสองคนของหลักสูตรทหารจักรกลที่สวมชุดสูทรัดรูปที่จะส่วมใส่ยามเมื่อขับทหารจักรกลก็ปรากฎตัว……พวกเขาบอกว่าชื่ออะไรกันบ้างนะ? ทั้งสองคนที่เลือกจะมอบการต่อสู้ให้กับฉัน

 

“ไควท์ อีเจียน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

 

อ้า ใช่ใช่ ไควท์กับอีเจียนล่ะ

ซิลเลนซึ่งสวมชุดฝึกและนำหอกส่วนตัวมาด้วย เป็นคนเข้าไปทักทายก่อน

 

――ต่างจากครั้งแรกที่พวกเราเจอกันที่พวกเขาแสดงเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น ไควท์จากหลักสูตรจักรกลกำลัขมวดคิ้วจนดูเหมือนกำลังจะร้องไห้

 

“ต้องขออภัยด้วยครับ ซิลซามะ ที่ผมได้ลากท่านเข้ามาสู่เรื่องใหญ่ขนาดนี้……”

 

“เราได้ยินเรื่องส่วนใหญ่มาจากซีเกลนโดโนะแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

หืม?

 

“ฉันไม่เคยเห็นได้ยินเลย?”

 

“มันไม่คุ้มที่จะพูดถึงล่ะนะ

ในฐานะอดีตทหารจักรกล เราถูกขอให้หลีกเลี่ยงสิ่งเลวร้ายไม่ให้เกิดขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากพวกเขาต่อสู้กันโดยไม่มีกลอุบายเบื้องหลัง พวกเขาจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างแน่นอนน่ะ”

 

อาร๊า。

 

“จะถูกไล่ออกจากโรงเรียนเหรอ?”

 

“อ้า เว้นแต่จะมีเหตุผลที่ดีพอ นั่นคือกฎทองสำหรับทหารจักรกลที่ห้ามไม่ให้ทำร้ายผู้คนด้วยทหารจักรกล แล้วเห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก”

 

อ้า เข้าใจแล้วเน๊ะ

 

“มันไม่สมเหตุสมผลแต่แรกแล้วที่จะต่อสู้กับทหารจักรกลน่ะ”

 

ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มเรียนที่โรงเรียนทหารจักรกล ฉันต้องพัวพันกับเรื่องยุ่งวุ่นวายที่มีส่วนจากทหารจักรกลหลายครั้ง และมีคนจำนวนมากที่นำทหารจักรกลออกมา

 

แต่มันไม่เคยเกินเลยจนถึงขั้น「ถ้าพูดมาขนาดนั้นก็มาสู้กัน」ล่ะน๊า

งั้นเหรอ เพราะมีสัญญานั้นสินะ

 

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมลิวิเซลถึงได้ตัดสินใจเชื่อว่า「ไม่มีทหารจักรกล」อยู่ในการโจมตีคืนนั้น

 

ไม่มีทางที่ผู้ใดจะกล้าทำสิ่งใดที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อความภาคภูมิใจของทหารจักรกลที่กลายมาเป็นความศรัทธา

 

หรือก็คือพวกเขาไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ว่าทหารจักรกลได้เข้าโจมตีคฤหาสน์ของพลเรือนหรือพยายามสังหารชาวต่างชาติจริงไหม

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่ประเทศนี้อ้างว่าควบคุมทหารจักรกลทั้งหมด แต่การเปิดเผยก็เท่ากับทำให้เห็นว่าไม่สามารถทำได้

 

――ม๊า กฎทองนั้นด้วยตัวมันเองก็ไม่ใช่กฎที่แย่อะไรสำหรับผู้คน

 

“แต่ฉันจะไม่ขอโทษเธอหรอกนะ! จะเอาซิลซามะกลับมาให้ได้ด้วย!”

 

เอ๊ะ? อ้า ไม่เห็นต้องมาขอโทษฉันเลยเน๊ะ ค๊าค๊า

 

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

 

แม้ว่าเนื้อหาของการต่อสู้จะไม่ดี แต่เราต้องเปลี่ยนเหตุผลในการต่อสู้กัน นั่นคือสิ่งที่หมายถึง

 

นั่นไม่สำคัญจริงไหม ความปรารถนาที่จะพาซิลเลนกลับไปยังหลักสูตรทหารจักรกลไม่ใช่เรื่องโกหก เรื่องก็เท่านั้นจริงไหม จริง ๆ คงน่าผิดหวังถ้าพวกเขายอมแพ้ไป

 

“จากนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ?”

 

แต่สัญญาก็คือสัญญา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีสัญญาที่ทหารจักรกลกับมนุษย์ธรรมดาจะต่อสู้กัน

 

แต่แรกแล้ว การที่พวกเขานำทหารจักรกลออกมา ฉันก็แน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่คิดที่จะล้มเลิกโดยไม่ได้ต่อสู้

 

“เรื่องนั้น……ช่วยรอสักเดี๋ยวได้ไหม จากนี้จะมีคน……อะ มาแล้ว”

 

โอ๊ะ จริงด้วย มีอะไรกำลังมา

 

จากเวิร์กช็อปแห่งหนึ่งที่มองเห็นได้ทางด้านหลังศูนย์ฝึก เครื่องจักรต้นแบบสามล้อที่คุ้นเคยกำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเรา

 

คนขับคืออาคาชิ

 

 

 

นอกจากอาคาชิที่นั่งบนที่นั่งคนขับแล้ว ยังมีผู้ชายอีกสองคนอยู่บนแท่นบรรทุกสินค้า

 

เซอร์คิดส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อซาร์กี้ นักเรียนชั้นปีที่แปดหลักสูตรวิศวกรรมทหารจักรกล กับ……คนน่ะ? เขาคือผู้ชายที่เข้ามาต่อแยซิลเลนหลังจากที่เธอย้ายมายังหลักสูตรทั่วไป แล้วก็โดนซิลเลนทิ้ง

 

“――ข้าคือซีเกลน・เกต แห่งหลักสูตรทหารจักรกล ก่อนอื่นข้าอยากจะขอโทษ ฉันเสียใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนและเวลานี้ด้วยจริง ๆ “

 

ฮ๊า สุภาพจังเน๊

 

ซีเกลนดูแตกต่างจากตอนที่ฉันพบเขาเมื่อวันก่อน และเป็นฝ่ายขอโทษก่อน……ไม่ใช่ริโนกิส แต่มันทำให้ลำบากใจเมื่อเขาแสดงทัศนคติที่เป็นเอกสิทธิ์เช่นนี้ มันจะทำลายแรงจูงใจอย่างแน่นอน

 

“เหนืออื่นใด ข้าต้องการให้เปลี่ยนวิธีการต่อสู้สักหน่อย”

 

“……”

 

ฉันมองไปที่อาคาชิ

เมื่อฉันเห็นเธอพยักหน้า ฉันก็รู้ทันทีว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนของอาคาชิ

 

นั่นหมายความว่าไม่มีอันตรายใด ๆ กับฉันแม้ว่าจะต้องฝืนดื่มเรื่องนี้ก็ตาม

อันที่จริงเธอคงคิดหาวิธีการที่จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือวิธีที่จะทำให้ไม่เดือดร้อนมากเกินไป

 

ฉันไม่ชอบทหารจักรกล หรือหลักสูตรทหารจักรกล……แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพรากความฝันและความหวังในอนาคตของคนหนุ่มสาวไป

ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วย ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าสำหรับฉันที่จะทำลายสิ่งนี้

 

“แล้วจะทำยังไงล่ะ?”

 

สำหรับตอนนี้เรามาฟังเรื่องราวกันก่อนดีกว่า

 

 

 

สิ่งแรกที่ฉันคิดเมื่อได้ยินเรื่องนี้คือ 「น่าสนใจ”」ล่ะ

 

“มีอะไรแบบนั้นด้วย?”

 

“อ้า ทหารจักรกลจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่มากเพียงพอเพื่อเคลื่อนไหวพวกมัน เมื่อพูดถึงการต่อสู้จริงหรือการต่อสู้จำลอง การสึกหรอจะรุนแรงมาก นี่เป็นอุปกรณ์เพื่อลดเรื่องนั้นให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”

 

อ้า เข้าใจล่ะ

เนื่องจากมาเวเลียปิดประเทศมาได้หลายปีแล้ว พวกเขาจึงต้องจัดการทรัพยากรของตนอย่างละเอียดถี่ถ้วน หากทรัพยากรหมดเราจะต้องคิดถึงการนำเข้าและส่งออกกับประเทศเพื่อนบ้าน และที่สำคัญเราจะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย

 

――ถึงกระนั้น มันก็น่าสนใจน๊า

 

“มีกระสุนยี่สิบนัด แขนข้างละสิบนัด สิ่งที่ออกมาคือกระสุนเวทมนตร์ และไม่มีผลกระทบทางกายภาพ สิ่งเดียวที่ได้รับผลกระทบคืออุปกรณ์ตรวจจับ(เป้า) ถ้ากระทบกับมัน มันจะสว่างขึ้นและส่งเสียงออกมา”

 

โฮโฮะ

 

“เป็นปีนใหญ่ขนาดเล็กที่ยิงซ้ำได้เองสิเน๊ะ เข้าใจล่ะ ใช้กระสุนสินะ”

 

ตามทฤษฎีแล้ว มันเป็นปืนใหญ่ขนาดเล็กแบบเดียวกับที่อดีตโจรสลัดอากาศใช้เข้าโจมตีก่อนหน้านี้ รูปร่างก็คล้ายกัน ยังไงก็ตาม เนื่องจากมีไว้สำหรับทหารจักรกลโดยเฉพาะ อันนี้จึงค่อนข้างใหญ่

 

มีกลไกที่ทำให้กระสุนพุ่งออกมาจากรูขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่――คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นกระสุนเวทมนตร์ที่ออกมา โดยไม่มีผลกระทบทางกายภาพ ไม่ว่าจะโดนอะไรก็จะไม่สร้างความเสียหายแต่อย่างใด

 

“มันเรียกว่าปืนกลล่ะนะ โดยพื้นฐานแล้วทหารจักรกลมีไว้สำหรับการต่อสู้ในระยะประชิด ต่ก็มีศัตรูที่บินอยู่บนอากาศที่ทำให้เข้าถึงได้ยาก มันเป็นอาวุธที่ใช้ต่อต้านสิ่งนั้นน”

 

อ้า พวกผีเสื้อกลางคืนสิน๊า

 

“การใช้กระสุนจริงจะใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการสร้างสิ่งนี้ขึ้นเพื่อการฝึกซ้อม”

 

เห็นเรื่องราวได้ชัดเจนเลย

 

“ให้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ว่ากับสมาชิกทั้งสี่คนของหลักสูตรเก็บกวาด หากทุกคนถูกยิงก็ถือว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หรือหากฝ่ายทหารจักรกลยิงจนกระสุนหมดก่อน ก็ถือว่าทางนี้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตกลงไหม?”

 

“ใช่แล้ว นี่ควรลดจำนวนการบาดเจ็บได้มากที่สุด”

 

อืม เข้าใจล่ะ

 

“ก็ดีเลยจริงไหม?”

 

ถึงจะพูดแบบนั้น โดยที่ไม่รอให้ฉันยินยิม พวกเขาก็ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเข้ากับสมาชิกทั้งสี่ของหลักสูตรเก็บกวาดแล้ว อาคาชิกับซาร์กี้เป็นคนลงมือ

 

“มันหนักนิดหน่อย แต่คนพวกนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นไร”

 

มันให้ความรู้สึกหนักก็เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คนควรถือตั้งแต่แรกแล้ว

มันดูเหมือนกับกระเป๋าหนังที่คุณสามารถสะพายหลังได้ นี่อาจเป็นผลมาจากการหากทางให้ใส่ไว้ในสิ่งที่ผู้คนสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ง่าย ๆ

 

“――ทว่า”

 

ฉันหันไปหาซีเกลนผู้อธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ฉันฟัง ไควท์ที่เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ และอีเจียนซึ่งกำลังมองดูหลักสูตรเก็บกวาดที่กำลังถืออุปกรณ์ตรวจจับด้วยความสนใจ

 

“คุณคงไม่ได้ตั้งใจแพ้ใช่ไหม? คงทำด้วยความตั้งใจที่จะชนะไม่ว่าจะยังไงก็ตามใช่ไหม

แม้ว่าวิธีการต่อสู้จะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย การย้ายกลับของซิลก็ยังคงถูกกำหนดโดยผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ดี”

 

“เอ๊ะ ไม่ แต่……”

 

“ทางนี้ฝึกฝนมาด้วยความตั้งใจที่จะชนะเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีความสุขกับการได้รับดอกไม้ด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากความสามารถของตัวเองหรอกนะ คุณวางแผนที่จะเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของนักรบหรือไง?”

 

“……เข้าใจแล้ว จะไม่ออมมือให้แน่นอน”

 

ถ้างั้นก็ดี

เมื่อฉันมองไปด้านข้าง ซิลเลนก็มองมาที่ฉัน และพยักหน้าให้กัน

 

ใช่แล้ว ทั้งหลักสูตรเก็บกวาด ทั้งซิลเลน ทุกคนมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะชนะ แม้ว่าจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ ก็จะไม่เสียใจเลย

ดังนั้นแน่ใจได้เลยว่าถ้าถูกปล่อยให้ชนะคงน่าหงุดหงิดน่าดู

 

“ขอเวลาสักครู่ได้ไหม?”

 

เมื่อคิดว่าการสนทนาจบลงแล้ว――แต่คนที่เรียกว่าอีเจียนที่เอาแต่เงียบมาตลอด เด็กที่ดูอายุมากกว่าฉันเล็กน้อยก็เริ่มคุยกับฉัน

 

“คุณช่วยแบ่งการต่อสู้ออกเป็นสองรอบได้ไหม? รุ่นพี่ไควท์กับหลักสูตรเก็บกวาด ฉันกับซิลซามะ เนียซังจะไม่เข้าร่วมสินะ?”

 

“ใช่แล้ว ฉันไม่ได้เข้าร่วม……อยากสู้กับซิลแบบตัวต่อตัวใช่ไหมล่ะ?”

 

“ม๊า นั่นสินะ ในทางหนึ่งก็ใช่”

 

ในทางหนึ่ง?

 

……ม๊า ยังไงก็ช่าง หลักสูตรเก็บกวาดได้รับการฝึกฝนในรูปแบบทีมสี่คน ตอนนี้คงจะปรับปรุงกลยุทธ์ของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เพิ่มซิลเลนเข้าไป มันก็คงเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะเข้าขากับทีมในทันที

 

“ฉันไม่สนใจหรอก”

 

เมื่อซิลเลนเห็นด้วย ฉันจึงตัดสินใจยอมรับรูปแบบการต่อสู้นั้น

 

 

 

ดังนั้นด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเล็กน้อย การต่อสู้ระหว่างทหารจักรกลและหลักสูตรเก็บกวาดก็เริ่มขึ้น

 

ผลลัพท์คือ――ชัยชนะของหลักสูตรเก็บกวาด

 

 

――「「วู๊วววววววววววว!!!」」

 

 

นักเรียนที่กลายเป็นผู้ชมต่างส่งเสียงเชียร์

 

หลักสูตรเก็บกวาดซึ่งมีความคล่องตัวเหนือกว่าทหารจักรกลมีเป้าหมายที่จะเข้าประชิดให้ได้มากที่สุดก่อน

 

แม้ว่าทหารจักรกลจะมีปืนกลอยู่ในมือทั้งสองข้าง แต่มันก็สามารถยิงได้จากทิศทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นด้วยโล่ขนาดใหญ่ของดิออนที่เป็นแนวหน้า หลักสูตรเก็บกวาดจึงสามารถปิดระยะเข้าไปได้

 

――ดูเหมือนว่าระยะของอุปกรณ์ตรวจจับสามารถกำหนดได้โดยการปรับค่า ทำให้เห็นได้ชัดว่าการโดนแค่โล่ใช้ตัดสินไม่ได้

 

ดิออนป้องกันแนวยิงได้อย่างแน่นหนาจนสามารถพาอีส ไมค์ และฮอลโลว์เข้าสู่แนวหน้าได้

 

ไควท์ยิงกระสุนเวทมนตร์สามนัด ซึ่งทั้งหมดถูกโล่ป้องกันไว้ได้  ทำให้เขารอจังหวะที่หลักสูตรเก็บกวาดเข้ามาใกล้――

 

“มู๊วっ!?”

 

เมื่อเข้ามาใกล้ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า และกระแทกโล่ขนาดใหญ่ด้วยปลายปืนกลที่แขนซ้าย ก่อนออกแรงผลักมันออกไปอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

เข้าใจล่ะ นี่เป็นกลยุทธ์ที่จะทำลายการ์ดและยิงไปพร้อม ๆ กัน

 

ด้วยเหตุนี้ อุปกรณ์ตรวจจับของดิออนจึงตอบสนองและถูกตัดสิทธิ์ออกไป

 

ทว่า ด้วยการใช้ประโยชน์จากช่องว่างนั้น สมาชิกทั้งสามคนของหลักสูตรเก็บกวาดก็กระโดดออกมาจากด้านหลังโล่ขนาดใหญ่ และล้อมรอบทหารจักรกล

 

“――!”

 

เมื่อฮอลโลว์พูดอะไรบางอย่าง หมอกสีดำก็ปรากฏขึ้นใกล้กับเกราะหน้าของทหารกล ซิลเลนที่อยู่ข้างฉันก็อธิบายว่า「นั่นเป็นวิธีการทำให้มองไม่เห็นรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า『กาฬจรัส*(ไบรท์)』”

(*จรัส-แสง / กาฬ-มืด)

 

หลังจากปิดกั้นการมองเห็น ไมค์ก็โจมตีแขนซ้ายของทหารจักรกลด้วยโล่ที่ติดอยู่ที่แขนขวาของเขา

 

เหมือนตอบสนองต่อเสียงหรือแรงกระแทก ทหารจักรกลของไควท์ก็หันมา――และ อีสซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็เคลื่อนไหว

 

เธอแทงดาบเข้าไปในช่องว่างระหว่างเข่าของทหารจักรกลอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“โอร๊าาาาาาาาาา!!”

 

เธอคำรามให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้  เค้น บิด――จากนั้น ชั่วครู่หนึ่ง เธอก็ปลดปล่อย「คิ」ออกมาจนเต็มกำลัง แทงเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“――っ”

 

ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงของไควท์ แต่อาจเป็นเพียงจินตนาการของฉัน

ยังไงก็ตาม ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของทหารจักรกลอย่างแน่นอน

 

เคร้งงงงง ฉันได้ยินเสียงของโลหะบางอย่างแตก

 

ดาบของอีสแทงทะลุ จนเมื่อเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตก เธอก็รีบหนีออกมาดังนั้นจึงปลอดภัย

 

 

พูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นเสียงข้อเข่าของทหารจักรกลที่ได้รับความเสียหาย

ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันมั่นใจว่าข้างในเสียหาย

 

ทหารจักรกลสูญเสียการพยุงจากขาและล้มลง การต่อสู้ก็จบลง

 

 

 

มันคงเป็นเรื่องที่ทำให้ทั้งลานกว้างเกิดอาการคลั่งแน่ ๆ และเสียงเชียร์ก็ดังสนั่นขึ้น

 

“……ไม่คิดเลยว่าแม้แต่มนุษย์มีเลือดเนื้อก็สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้”

 

ซิลเลนพึมพำท่ามกลางเสียงเชียร์

 

ใช่แล้ว รอบต่อไปคือคราวของเธอ

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-3384 มาก ๆ ครับ

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ