232 สองวันก่อนถึงเทศกาลฤดูหนาวในสองสัปดาห์ต่อมา ส่วนแรก
นี่เป็นวันที่โรงเรียนทหารจักรกลปิดเทอมฤดูหนาว
นักเรียนหลายคนยังคงอยู่ที่โรงเรียน โดยพยายามสืบหาความจริงเบื้องหลังข่าวลือที่พวกเขาสงสัย
――จากนั้น เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคนไม่ธรรมดามารวมตัวกันที่ศูนย์ฝึกทหารจักรกล ก็รู้กันได้ทันทีว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง
อันดับแรก มีทหารจักรกลสองเครื่อง กับ สมาชิกหลักสูตรเก็บกวาดสี่คน
จากนั้นก็เป็นนักเรียนต่างชาติ เนีย・ลิสตัน กับซิลเลนที่มาถึง
ยังไม่มีใครรู้ว่าทำไม รายละเอียดยังไม่เป็นที่ทราบกัน
ทว่า ทุกคนเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
มีทั้งนักเรียน ครู และผู้ที่เข้ามาโดยไม่เปิดเผยตัวตน
ทุกคนกลั้นลมหายใจจับจ้องด้วยความปั่นป่วนและรอผลที่ตามมานี้
――อุมุ ค่อนข้างมาก
วันนี้สมาชิกทั้งสี่คนในหลักสูตรเก็บกวาดมีสีหน้าดูดีเหมือนนักรบ
เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
พวกเขาสวมชุดฝึกซ้อมตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะนำอาวุธจริงมาด้วย
พวกเขาอาจจะเสียสมาธิได้ถ้าฉันเรียกพวกเขาแปลก ๆ ฉันก็เลยเมินเฉยทั้งสี่คนแล้วมองไปที่ทหารจักรกล
“ทำให้รอหรือเปล่า?”
เมื่อฉันมองขึ้นไป ――เกราะด้านหน้าก็เปิดออก สมาชิกสองคนของหลักสูตรทหารจักรกลที่สวมชุดสูทรัดรูปที่จะส่วมใส่ยามเมื่อขับทหารจักรกลก็ปรากฎตัว……พวกเขาบอกว่าชื่ออะไรกันบ้างนะ? ทั้งสองคนที่เลือกจะมอบการต่อสู้ให้กับฉัน
“ไควท์ อีเจียน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
อ้า ใช่ใช่ ไควท์กับอีเจียนล่ะ
ซิลเลนซึ่งสวมชุดฝึกและนำหอกส่วนตัวมาด้วย เป็นคนเข้าไปทักทายก่อน
――ต่างจากครั้งแรกที่พวกเราเจอกันที่พวกเขาแสดงเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น ไควท์จากหลักสูตรจักรกลกำลัขมวดคิ้วจนดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
“ต้องขออภัยด้วยครับ ซิลซามะ ที่ผมได้ลากท่านเข้ามาสู่เรื่องใหญ่ขนาดนี้……”
“เราได้ยินเรื่องส่วนใหญ่มาจากซีเกลนโดโนะแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หืม?
“ฉันไม่เคยเห็นได้ยินเลย?”
“มันไม่คุ้มที่จะพูดถึงล่ะนะ
ในฐานะอดีตทหารจักรกล เราถูกขอให้หลีกเลี่ยงสิ่งเลวร้ายไม่ให้เกิดขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากพวกเขาต่อสู้กันโดยไม่มีกลอุบายเบื้องหลัง พวกเขาจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างแน่นอนน่ะ”
อาร๊า。
“จะถูกไล่ออกจากโรงเรียนเหรอ?”
“อ้า เว้นแต่จะมีเหตุผลที่ดีพอ นั่นคือกฎทองสำหรับทหารจักรกลที่ห้ามไม่ให้ทำร้ายผู้คนด้วยทหารจักรกล แล้วเห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก”
อ้า เข้าใจแล้วเน๊ะ
“มันไม่สมเหตุสมผลแต่แรกแล้วที่จะต่อสู้กับทหารจักรกลน่ะ”
ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มเรียนที่โรงเรียนทหารจักรกล ฉันต้องพัวพันกับเรื่องยุ่งวุ่นวายที่มีส่วนจากทหารจักรกลหลายครั้ง และมีคนจำนวนมากที่นำทหารจักรกลออกมา
แต่มันไม่เคยเกินเลยจนถึงขั้น「ถ้าพูดมาขนาดนั้นก็มาสู้กัน」ล่ะน๊า
งั้นเหรอ เพราะมีสัญญานั้นสินะ
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมลิวิเซลถึงได้ตัดสินใจเชื่อว่า「ไม่มีทหารจักรกล」อยู่ในการโจมตีคืนนั้น
ไม่มีทางที่ผู้ใดจะกล้าทำสิ่งใดที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อความภาคภูมิใจของทหารจักรกลที่กลายมาเป็นความศรัทธา
หรือก็คือพวกเขาไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ว่าทหารจักรกลได้เข้าโจมตีคฤหาสน์ของพลเรือนหรือพยายามสังหารชาวต่างชาติจริงไหม
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่ประเทศนี้อ้างว่าควบคุมทหารจักรกลทั้งหมด แต่การเปิดเผยก็เท่ากับทำให้เห็นว่าไม่สามารถทำได้
――ม๊า กฎทองนั้นด้วยตัวมันเองก็ไม่ใช่กฎที่แย่อะไรสำหรับผู้คน
“แต่ฉันจะไม่ขอโทษเธอหรอกนะ! จะเอาซิลซามะกลับมาให้ได้ด้วย!”
เอ๊ะ? อ้า ไม่เห็นต้องมาขอโทษฉันเลยเน๊ะ ค๊าค๊า
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”
แม้ว่าเนื้อหาของการต่อสู้จะไม่ดี แต่เราต้องเปลี่ยนเหตุผลในการต่อสู้กัน นั่นคือสิ่งที่หมายถึง
นั่นไม่สำคัญจริงไหม ความปรารถนาที่จะพาซิลเลนกลับไปยังหลักสูตรทหารจักรกลไม่ใช่เรื่องโกหก เรื่องก็เท่านั้นจริงไหม จริง ๆ คงน่าผิดหวังถ้าพวกเขายอมแพ้ไป
“จากนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ?”
แต่สัญญาก็คือสัญญา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีสัญญาที่ทหารจักรกลกับมนุษย์ธรรมดาจะต่อสู้กัน
แต่แรกแล้ว การที่พวกเขานำทหารจักรกลออกมา ฉันก็แน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่คิดที่จะล้มเลิกโดยไม่ได้ต่อสู้
“เรื่องนั้น……ช่วยรอสักเดี๋ยวได้ไหม จากนี้จะมีคน……อะ มาแล้ว”
โอ๊ะ จริงด้วย มีอะไรกำลังมา
จากเวิร์กช็อปแห่งหนึ่งที่มองเห็นได้ทางด้านหลังศูนย์ฝึก เครื่องจักรต้นแบบสามล้อที่คุ้นเคยกำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเรา
คนขับคืออาคาชิ
นอกจากอาคาชิที่นั่งบนที่นั่งคนขับแล้ว ยังมีผู้ชายอีกสองคนอยู่บนแท่นบรรทุกสินค้า
เซอร์คิดส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อซาร์กี้ นักเรียนชั้นปีที่แปดหลักสูตรวิศวกรรมทหารจักรกล กับ……คนน่ะ? เขาคือผู้ชายที่เข้ามาต่อแยซิลเลนหลังจากที่เธอย้ายมายังหลักสูตรทั่วไป แล้วก็โดนซิลเลนทิ้ง
“――ข้าคือซีเกลน・เกต แห่งหลักสูตรทหารจักรกล ก่อนอื่นข้าอยากจะขอโทษ ฉันเสียใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนและเวลานี้ด้วยจริง ๆ “
ฮ๊า สุภาพจังเน๊
ซีเกลนดูแตกต่างจากตอนที่ฉันพบเขาเมื่อวันก่อน และเป็นฝ่ายขอโทษก่อน……ไม่ใช่ริโนกิส แต่มันทำให้ลำบากใจเมื่อเขาแสดงทัศนคติที่เป็นเอกสิทธิ์เช่นนี้ มันจะทำลายแรงจูงใจอย่างแน่นอน
“เหนืออื่นใด ข้าต้องการให้เปลี่ยนวิธีการต่อสู้สักหน่อย”
“……”
ฉันมองไปที่อาคาชิ
เมื่อฉันเห็นเธอพยักหน้า ฉันก็รู้ทันทีว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนของอาคาชิ
นั่นหมายความว่าไม่มีอันตรายใด ๆ กับฉันแม้ว่าจะต้องฝืนดื่มเรื่องนี้ก็ตาม
อันที่จริงเธอคงคิดหาวิธีการที่จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือวิธีที่จะทำให้ไม่เดือดร้อนมากเกินไป
ฉันไม่ชอบทหารจักรกล หรือหลักสูตรทหารจักรกล……แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพรากความฝันและความหวังในอนาคตของคนหนุ่มสาวไป
ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วย ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าสำหรับฉันที่จะทำลายสิ่งนี้
“แล้วจะทำยังไงล่ะ?”
สำหรับตอนนี้เรามาฟังเรื่องราวกันก่อนดีกว่า
สิ่งแรกที่ฉันคิดเมื่อได้ยินเรื่องนี้คือ 「น่าสนใจ”」ล่ะ
“มีอะไรแบบนั้นด้วย?”
“อ้า ทหารจักรกลจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่มากเพียงพอเพื่อเคลื่อนไหวพวกมัน เมื่อพูดถึงการต่อสู้จริงหรือการต่อสู้จำลอง การสึกหรอจะรุนแรงมาก นี่เป็นอุปกรณ์เพื่อลดเรื่องนั้นให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”
อ้า เข้าใจล่ะ
เนื่องจากมาเวเลียปิดประเทศมาได้หลายปีแล้ว พวกเขาจึงต้องจัดการทรัพยากรของตนอย่างละเอียดถี่ถ้วน หากทรัพยากรหมดเราจะต้องคิดถึงการนำเข้าและส่งออกกับประเทศเพื่อนบ้าน และที่สำคัญเราจะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย
――ถึงกระนั้น มันก็น่าสนใจน๊า
“มีกระสุนยี่สิบนัด แขนข้างละสิบนัด สิ่งที่ออกมาคือกระสุนเวทมนตร์ และไม่มีผลกระทบทางกายภาพ สิ่งเดียวที่ได้รับผลกระทบคืออุปกรณ์ตรวจจับ(เป้า) ถ้ากระทบกับมัน มันจะสว่างขึ้นและส่งเสียงออกมา”
โฮโฮะ
“เป็นปีนใหญ่ขนาดเล็กที่ยิงซ้ำได้เองสิเน๊ะ เข้าใจล่ะ ใช้กระสุนสินะ”
ตามทฤษฎีแล้ว มันเป็นปืนใหญ่ขนาดเล็กแบบเดียวกับที่อดีตโจรสลัดอากาศใช้เข้าโจมตีก่อนหน้านี้ รูปร่างก็คล้ายกัน ยังไงก็ตาม เนื่องจากมีไว้สำหรับทหารจักรกลโดยเฉพาะ อันนี้จึงค่อนข้างใหญ่
มีกลไกที่ทำให้กระสุนพุ่งออกมาจากรูขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่――คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นกระสุนเวทมนตร์ที่ออกมา โดยไม่มีผลกระทบทางกายภาพ ไม่ว่าจะโดนอะไรก็จะไม่สร้างความเสียหายแต่อย่างใด
“มันเรียกว่าปืนกลล่ะนะ โดยพื้นฐานแล้วทหารจักรกลมีไว้สำหรับการต่อสู้ในระยะประชิด ต่ก็มีศัตรูที่บินอยู่บนอากาศที่ทำให้เข้าถึงได้ยาก มันเป็นอาวุธที่ใช้ต่อต้านสิ่งนั้นน”
อ้า พวกผีเสื้อกลางคืนสิน๊า
“การใช้กระสุนจริงจะใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการสร้างสิ่งนี้ขึ้นเพื่อการฝึกซ้อม”
เห็นเรื่องราวได้ชัดเจนเลย
“ให้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ว่ากับสมาชิกทั้งสี่คนของหลักสูตรเก็บกวาด หากทุกคนถูกยิงก็ถือว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หรือหากฝ่ายทหารจักรกลยิงจนกระสุนหมดก่อน ก็ถือว่าทางนี้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตกลงไหม?”
“ใช่แล้ว นี่ควรลดจำนวนการบาดเจ็บได้มากที่สุด”
อืม เข้าใจล่ะ
“ก็ดีเลยจริงไหม?”
ถึงจะพูดแบบนั้น โดยที่ไม่รอให้ฉันยินยิม พวกเขาก็ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเข้ากับสมาชิกทั้งสี่ของหลักสูตรเก็บกวาดแล้ว อาคาชิกับซาร์กี้เป็นคนลงมือ
“มันหนักนิดหน่อย แต่คนพวกนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นไร”
มันให้ความรู้สึกหนักก็เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คนควรถือตั้งแต่แรกแล้ว
มันดูเหมือนกับกระเป๋าหนังที่คุณสามารถสะพายหลังได้ นี่อาจเป็นผลมาจากการหากทางให้ใส่ไว้ในสิ่งที่ผู้คนสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ง่าย ๆ
“――ทว่า”
ฉันหันไปหาซีเกลนผู้อธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ฉันฟัง ไควท์ที่เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ และอีเจียนซึ่งกำลังมองดูหลักสูตรเก็บกวาดที่กำลังถืออุปกรณ์ตรวจจับด้วยความสนใจ
“คุณคงไม่ได้ตั้งใจแพ้ใช่ไหม? คงทำด้วยความตั้งใจที่จะชนะไม่ว่าจะยังไงก็ตามใช่ไหม
แม้ว่าวิธีการต่อสู้จะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย การย้ายกลับของซิลก็ยังคงถูกกำหนดโดยผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ดี”
“เอ๊ะ ไม่ แต่……”
“ทางนี้ฝึกฝนมาด้วยความตั้งใจที่จะชนะเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีความสุขกับการได้รับดอกไม้ด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากความสามารถของตัวเองหรอกนะ คุณวางแผนที่จะเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของนักรบหรือไง?”
“……เข้าใจแล้ว จะไม่ออมมือให้แน่นอน”
ถ้างั้นก็ดี
เมื่อฉันมองไปด้านข้าง ซิลเลนก็มองมาที่ฉัน และพยักหน้าให้กัน
ใช่แล้ว ทั้งหลักสูตรเก็บกวาด ทั้งซิลเลน ทุกคนมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะชนะ แม้ว่าจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ ก็จะไม่เสียใจเลย
ดังนั้นแน่ใจได้เลยว่าถ้าถูกปล่อยให้ชนะคงน่าหงุดหงิดน่าดู
“ขอเวลาสักครู่ได้ไหม?”
เมื่อคิดว่าการสนทนาจบลงแล้ว――แต่คนที่เรียกว่าอีเจียนที่เอาแต่เงียบมาตลอด เด็กที่ดูอายุมากกว่าฉันเล็กน้อยก็เริ่มคุยกับฉัน
“คุณช่วยแบ่งการต่อสู้ออกเป็นสองรอบได้ไหม? รุ่นพี่ไควท์กับหลักสูตรเก็บกวาด ฉันกับซิลซามะ เนียซังจะไม่เข้าร่วมสินะ?”
“ใช่แล้ว ฉันไม่ได้เข้าร่วม……อยากสู้กับซิลแบบตัวต่อตัวใช่ไหมล่ะ?”
“ม๊า นั่นสินะ ในทางหนึ่งก็ใช่”
ในทางหนึ่ง?
……ม๊า ยังไงก็ช่าง หลักสูตรเก็บกวาดได้รับการฝึกฝนในรูปแบบทีมสี่คน ตอนนี้คงจะปรับปรุงกลยุทธ์ของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เพิ่มซิลเลนเข้าไป มันก็คงเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะเข้าขากับทีมในทันที
“ฉันไม่สนใจหรอก”
เมื่อซิลเลนเห็นด้วย ฉันจึงตัดสินใจยอมรับรูปแบบการต่อสู้นั้น
ดังนั้นด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเล็กน้อย การต่อสู้ระหว่างทหารจักรกลและหลักสูตรเก็บกวาดก็เริ่มขึ้น
ผลลัพท์คือ――ชัยชนะของหลักสูตรเก็บกวาด
――「「วู๊วววววววววววว!!!」」
นักเรียนที่กลายเป็นผู้ชมต่างส่งเสียงเชียร์
หลักสูตรเก็บกวาดซึ่งมีความคล่องตัวเหนือกว่าทหารจักรกลมีเป้าหมายที่จะเข้าประชิดให้ได้มากที่สุดก่อน
แม้ว่าทหารจักรกลจะมีปืนกลอยู่ในมือทั้งสองข้าง แต่มันก็สามารถยิงได้จากทิศทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นด้วยโล่ขนาดใหญ่ของดิออนที่เป็นแนวหน้า หลักสูตรเก็บกวาดจึงสามารถปิดระยะเข้าไปได้
――ดูเหมือนว่าระยะของอุปกรณ์ตรวจจับสามารถกำหนดได้โดยการปรับค่า ทำให้เห็นได้ชัดว่าการโดนแค่โล่ใช้ตัดสินไม่ได้
ดิออนป้องกันแนวยิงได้อย่างแน่นหนาจนสามารถพาอีส ไมค์ และฮอลโลว์เข้าสู่แนวหน้าได้
ไควท์ยิงกระสุนเวทมนตร์สามนัด ซึ่งทั้งหมดถูกโล่ป้องกันไว้ได้ ทำให้เขารอจังหวะที่หลักสูตรเก็บกวาดเข้ามาใกล้――
“มู๊วっ!?”
เมื่อเข้ามาใกล้ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า และกระแทกโล่ขนาดใหญ่ด้วยปลายปืนกลที่แขนซ้าย ก่อนออกแรงผลักมันออกไปอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
เข้าใจล่ะ นี่เป็นกลยุทธ์ที่จะทำลายการ์ดและยิงไปพร้อม ๆ กัน
ด้วยเหตุนี้ อุปกรณ์ตรวจจับของดิออนจึงตอบสนองและถูกตัดสิทธิ์ออกไป
ทว่า ด้วยการใช้ประโยชน์จากช่องว่างนั้น สมาชิกทั้งสามคนของหลักสูตรเก็บกวาดก็กระโดดออกมาจากด้านหลังโล่ขนาดใหญ่ และล้อมรอบทหารจักรกล
“――!”
เมื่อฮอลโลว์พูดอะไรบางอย่าง หมอกสีดำก็ปรากฏขึ้นใกล้กับเกราะหน้าของทหารกล ซิลเลนที่อยู่ข้างฉันก็อธิบายว่า「นั่นเป็นวิธีการทำให้มองไม่เห็นรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า『กาฬจรัส*(ไบรท์)』”
(*จรัส-แสง / กาฬ-มืด)
หลังจากปิดกั้นการมองเห็น ไมค์ก็โจมตีแขนซ้ายของทหารจักรกลด้วยโล่ที่ติดอยู่ที่แขนขวาของเขา
เหมือนตอบสนองต่อเสียงหรือแรงกระแทก ทหารจักรกลของไควท์ก็หันมา――และ อีสซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็เคลื่อนไหว
เธอแทงดาบเข้าไปในช่องว่างระหว่างเข่าของทหารจักรกลอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โอร๊าาาาาาาาาา!!”
เธอคำรามให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เค้น บิด――จากนั้น ชั่วครู่หนึ่ง เธอก็ปลดปล่อย「คิ」ออกมาจนเต็มกำลัง แทงเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้
“――っ”
ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงของไควท์ แต่อาจเป็นเพียงจินตนาการของฉัน
ยังไงก็ตาม ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของทหารจักรกลอย่างแน่นอน
เคร้งงงงง ฉันได้ยินเสียงของโลหะบางอย่างแตก
ดาบของอีสแทงทะลุ จนเมื่อเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตก เธอก็รีบหนีออกมาดังนั้นจึงปลอดภัย
พูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นเสียงข้อเข่าของทหารจักรกลที่ได้รับความเสียหาย
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันมั่นใจว่าข้างในเสียหาย
ทหารจักรกลสูญเสียการพยุงจากขาและล้มลง การต่อสู้ก็จบลง
มันคงเป็นเรื่องที่ทำให้ทั้งลานกว้างเกิดอาการคลั่งแน่ ๆ และเสียงเชียร์ก็ดังสนั่นขึ้น
“……ไม่คิดเลยว่าแม้แต่มนุษย์มีเลือดเนื้อก็สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้”
ซิลเลนพึมพำท่ามกลางเสียงเชียร์
ใช่แล้ว รอบต่อไปคือคราวของเธอ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-3384 มาก ๆ ครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ