บทที่ 180 ร้านขายสินค้าท้องถิ่น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 180 ร้านขายสินค้าท้องถิ่น

บทที่ 180 ร้านขายสินค้าท้องถิ่น

เนื่องจากบ้านของท่านป้าจางมีขนาดใหญ่และอยู่ในบริเวณห่างไกล วันธรรมดาจึงไม่มีผู้ใดผ่านมา และสถานที่ก็ใหญ่โต

กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะนำหน่อไม้ทั้งหมดมาที่บ้านของท่านป้าจาง จากนั้นก็ปอกเปลือก หั่นเป็นเส้น นำมาต้ม และนำมาตากให้แห้ง

หลังจากอธิบายขั้นตอนทั้งหมดให้ทุกคนฟังแล้ว ทุกคนในบ้านก็เริ่มลงมือทำ

กู้เสี่ยวอี้ กู้หนิงผิง และฉือโถวรับผิดชอบในการปอกหน่อไม้ ท่านลุงจางรับผิดชอบในการหั่นเป็นเส้น หลังจากที่ท่านป้าจางล้างพวกมันด้วยน้ำสะอาด ก็นำใส่ลงในหม้อแล้วต้มให้สุก จากนั้นนำมาตากแดดให้แห้ง

หน่อไม้มีหลายตะกร้า คนหลายคนจึงยุ่งตลอดบ่าย ทุกคนต่างยุ่งตัวเป็นเกลียว

“สองสามวันมานี้อากาศดี คาดว่าตากอีกสี่หรือห้าวันจะแห้งสนิท!” กู้เสี่ยวหวานมองดูหน่อไม้ที่ตากอยู่ทั่วลานและพูดอย่างมีความสุข

“เสี่ยวหวาน ขายได้จริงหรือ?” แม้ว่าท่านป้าจางจะยุ่งมาก แต่นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

“ท่านป้าจาง ไม่ต้องห่วง ขายได้แน่นอนเจ้าค่ะ! นอกจากนี้ราคาก็ไม่ต่ำแน่นอน! หลังจากการตากแห้งข้าจะปรุงอาหารให้ชิม และพวกท่านจะรู้รสชาติตามธรรมชาติของมันเอง หน่อไม้สดและหน่อไม้ตากแห้งมีข้อดีในด้านรสชาติที่ต่างกัน หน่อไม้สดสามารถเก็บไว้ได้นานที่สุดเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ถ้าตากให้เป็นหน่อไม้แห้งจะสามารถกินได้หนึ่งปี” กู้เสี่ยวหวานตอบ

“โอ้!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตระหนักได้ในทันที เมื่อมองดูหน่อไม้ในลาน พวกเขาก็ไม่รู้ว่าในใจนั้นมีความสุขแค่ไหน

หลังจากงานยุ่งจบลง ท้องฟ้าก็เริ่มมืด เดิมทีกู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะกลับไปทำอาหาร แต่ท่านป้าจางไม่เห็นด้วย ดังนั้นนางจึงรั้งพวกกู้เสี่ยวหวานให้กินอาหารเย็นก่อนแล้วค่อยกลับ

ผ่านไปหลายวัน กู้เสี่ยวหวานและครอบครัวของท่านป้าจางต่างแบ่งงานและร่วมมือกัน ขุดหน่อไม้ และตากหน่อไม้แห้ง หลังจากทำงานมาสองสามวัน หน่อไม้รอบแรกก็แห้งสนิทแล้ว

กู้เสี่ยวหวานแสดงฝีมือของนางโดยการทำหมูผัดหน่อไม้แห้ง ทั้งหมดกินกันอย่างเต็มที่ หน่อไม้แห้งเคี้ยวหนึบและรสชาติดี เป็นส่วนผสมที่ดีจริง ๆ

“ท่านป้าจาง พรุ่งนี้เราจะเอาหน่อไม้แห้งเหล่านี้ไปขายในเมืองกันเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวขณะมองดูหน่อไม้แห้งที่ทำไว้

“ได้! พวกเราจะไปในเมืองกันแต่เช้าตรู่!”

เมื่อนัดแนะกันดีแล้ว เช้าตรู่ของวันต่อมา กู้เสี่ยวหวานก็เข้าไปในเมืองกับพวกท่านป้าจางเหมือนเดิม แต่คราวนี้หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกลับถึงบ้าน นางก็ทำหมูผัดหน่อไม้แห้งอีกจานแล้วนำติดตัวไปด้วย

ท่านป้าจางรู้สึกแปลก ๆ และถามว่าทำไม กู้เสี่ยวหวานจึงตอบว่า “พวกเขาไม่เคยกินของแบบนี้ คงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรหรือมันควรจะมีรสชาติอย่างไร ข้าจึงทำให้พวกเขาลองชิม ถ้ารสชาติดี พวกเขาจะยอมรับมัน และพวกเขาจะจ่ายเงินเป็นจำนวนมากแน่นอน!”

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานคิดรอบคอบอย่างมาก ท่านป้าจางก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “เสี่ยวหวาน เจ้าคิดได้รอบครอบดีจริง ๆ!”

คนกลุ่มหนึ่งนั่งเกวียนวัวและรีบไปในเมือง กู้เสี่ยวหวานขอให้พวกเขาขับเกวียนไปยังร้านที่นางเคยมาขายไก่ป่า นางวางแผนที่จะไปหาตาเฒ่าหมินโถว

ฉือโถวเคยขายสินค้าบนภูเขาที่นั่นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ทาง และเขาก็มาที่ร้านขายสินค้าพื้นเมือง

เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งในร้านขายของกำลังยุ่งวุ่นวาย ตาเฒ่าหมินโถวกำลังสูบยาเส้นในกล้องยาสูบขนาดใหญ่ และหลับตาอาบแดดที่ข้างประตู

เมื่อเห็นมีคนเดินมา ตาเฒ่าหมินโถวก็ลืมตาขึ้น และเห็นว่าเป็นเด็กหญิงตัวเล็กที่มาขายไก่ป่าในครั้งที่แล้ว คราวนั้นเขาไม่ชอบเด็กผู้หญิงที่บอกว่าร้านของเขามีสินค้าน้อย เขาไม่ได้เจอนางมาสองสามเดือนแล้ว และนางดูดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้วยิ่งนัก

“โอ้ สาวน้อย ไม่เจอกันนานเลยนะ!” ตาเฒ่าหมินโถวยืดหลังนั่งตัวตรง ถือยาเส้นในมือและทักทายอย่างอบอุ่น

“ท่านลุง ท่านยังจำข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานรีบก้าวไปข้างหน้า และเรียกเสียงอ่อนหวาน

ตาเฒ่าหมินโถวพ่นควันและคลี่ยิ้ม “ข้าจะจำไม่ได้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นคนแรกที่บอกว่าร้านของข้ามีของน้อย!”

เมื่อรู้ตาเฒ่าหมินโถวยังคงจำสิ่งที่นางพูดก่อนหน้านี้ได้ “ท่านลุง ข้าพูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่าถือสานักเลยเจ้าค่ะ!”

“เฮ้ สาวน้อย เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? ข้าจะถือสาได้อย่างไร!” ตาเฒ่าหมินโถวเป่าเคราของเขาและพูดว่า “ข้าแค่คิดว่าข้าขายของมาหลายสิบปีแล้ว ของก็ดูมีน้อยจริง ๆ สาวน้อยมีอะไรดี ๆ บ้างหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “ท่านลุงเดาถูกแล้ว คราวนี้ข้ามีอะไรดี ๆ มานำเสนอเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ?” ตาเฒ่าหมินโถวตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดแบบนี้ เขาไม่สูบแม้แต่ยาเส้น วางมันลงบนโต๊ะเล็กข้าง ๆ และยืนขึ้น “เป็นสิ่งที่ข้าไม่มีใช่หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ ท่านลุง ไม่มีที่นี่!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยท่าทางแน่วแน่ “ตั้งแต่ข้าบอกว่าร้านของท่านลุงเล็กและไม่ได้มีของมากมาย ดังนั้นสิ่งที่ข้านำมาจึงเป็นสิ่งที่ท่านลุงไม่มีอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”

“ดี รีบนำมาให้ข้าดูหน่อย!” ตาเฒ่าหมินโถวเชื่อมั่นในกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้มีสินค้าบางอย่างที่เขาไม่มีอยู่ที่นี่ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“อย่ารีบร้อนไปเลยเจ้าค่ะ ท่านลุง ข้าขอนำเสนอสิ่งนี้ให้ดูก่อน ข้าทำมันมานิดหน่อย ลองชิมดูนะเจ้าคะ!” กู้เสี่ยวหวานหยิบชามใบใหญ่ที่ห่อด้วยผ้าบนเกวียนวัวออกมา เพื่อไม่ให้อาหารข้างในเย็น เมื่อหยิบมันออกมาจานก็ยังมีไอร้อนอยู่!

ตาเฒ่าหมินโถวเหลือบมอง เหยียดนิ้วโป้งแล้วชมว่า “สาวน้อย เจ้ามีความคิดมากมายและยังรอบคอบที่นำมาให้ตาเฒ่าคนนี้ชิมด้วย ดี ๆ เอามาให้ข้าลองชิมสิ!”

ตาเฒ่าหมินโถวหยิบอาหารขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มีสองสิ่งที่อยู่ในจาน หนึ่งคือเนื้อ ซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้ว และอีกอันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้กลิ่นหรือเห็นมาก่อน เขาจึงอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

ตาเฒ่าหมินโถวหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และกินอย่างช้า ๆ “นี่คืออะไร?”

“ท่านลุง ลองชิมดูก่อน แล้วข้าจะบอกหลังจากที่ท่านได้ชิมมันแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานกลอกตาอย่างว่องไว อย่างไรมันก็ขายได้ ชายชราเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“สาวน้อย เจ้าฉลาดมาก!” ตาเฒ่าหมินโถวพยักหน้าเห็นด้วยกับกู้เสี่ยวหวาน

หลังจากกัดเข้าไป ตาเฒ่าหมินโถวก็เช็ดปาก ตาเป็นประกาย และพูดสามครั้งว่า “ไม่เลว ไม่เลว ไม่เลว! รสชาติดีมาก อืม ดีมาก ข้าไม่เคยกินมาก่อนเลย”

ตาเฒ่าหมินโถวกินอีกสองสามชิ้น เขาพอใจมากจนไม่สังเกตเห็นแม้แต่คราบน้ำมันบนเคราของเขาด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นว่าตาเฒ่าหมินโถวยอมรับหน่อไม้แห้ง ท่านป้าจางและฉือโถวก็รู้สึกโล่งใจ และกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด

……………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นี่แหละความรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เผลอ ๆ ขายได้ราคาดีกว่าหน่อไม้สดอีก

ไหหม่า(海馬)