ตอนที่ 39 กลิ่นคาวเลือด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 39 กลิ่นคาวเลือด

1 2 3 4…จำนวนศพที่ผมเจอค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลังจากผ่านไปสักพัก

สมาชิกของเคียวแห่งยมทูตมีกันทั้งหมด 11 คน ผมพากลับไปที่เมืองแล้ว 3 จึงเหลือ 8 และตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

แต่ละคนก็ตายในลักษณะที่ต่างกัน

อย่างคนแรกก็โดนพิษจนหน้าหายไปครึ่งหนึ่ง

คนที่สองก็เหมือนจะโดนผ่าครึ่งด้วยกรงเล็บหรืออะไรสักอย่าง

อีกคนก็อยู่ในสภาพที่คอผิดรูปจนเลือดพุ่งออกมาเป็นแอ่ง

อีกร่างก็มีสภาพแบนเหมือนกบโดนเหยียบ

บางทีเหยื่อคนที่สามอาจจะโดนอะไรฟาดเข้าที่คอ ส่วนอีกคนก็น่าจะโดนสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่พอๆ กับก้อนหินขนาดใหญ่ทับเข้า

แต่ทุกศพที่ตายนั้นจะมีร่องรอยของการเน่าเปื่อยอยู่รอบๆ

จากจุดนี้ผมจึงมั่นใจว่าสิ่งที่เราเจอคือบาซิลิสก์จริงๆ หากดูจากสภาพศพแล้วมันคงจะเข้ามาโจมตีหลังจากผมกลับไปที่เมืองอิชกะได้สักพักหนึ่ง

หากพวกผมถอยกันช้ากว่านี้อีกสักหน่อย พวกผมก็คงจะโดนไปด้วยแล้ว

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ได้เจอเข้ากับอีกสองร่าง

สภาพที่เห็นคือเป็นร่างหนึ่งเหมือนกำลังจะพยายามปกป้องอีกคนด้วยร่างกายของตนเอง โดยพิษที่พวกเขาโดนได้ทำการละลายร่างท่อนบนของทั้งสองไปเรียบร้อยแล้วจนร่างพวกเขาทับกัน

แอ่งที่เกิดจากพิษของสัตว์อสูรตนนี้รวมไปถึงเนื้อและเลือดของมนุษย์ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง จนกลิ่นพิษเข้ามาเตะจมูกผมจนน้ำตาไหล.

ผมจึงได้เดินต่อไปข้างหน้าโดยพยายามเลี่ยงแอ่งพิษ

แต่ภาพอันน่าสยดสยองยิ่งกว่าที่เพิ่งเคยเห็นก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้น พอเดินออกไปได้ไม่กี่ร้อยก้าว

…ถ้าจะให้พูดง่ายๆ มันก็คือทะเลเลือด

พื้นเป็นหลุมขนาดใหญ่ ใบหญ้าขาดวิ่น ต้นไม้หักระนาว ราวกับมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้น และเลือดก็กระเซ็นไปทั่วบริเวณ

มันเกิดอะไรขึ้นในที่แห่งนี้กัน ทำไมเลือดถึงได้กระเซ็นไปทั่วได้ขนาดนี้ อะไรที่จะทำให้เกิดเลือดขึ้นได้เท่านี้กันนะ นั่นคือคำถามในหัวของผม

และในทะเลเลือดแห่งนี้ก็มีก้อนเนื้อสีแดงและดำกระจายอยู่ทั่วบริเวณ

ก้อนที่มีขนาดใหญ่สุดก็พอๆ กับลำตัวของมนุษย์

พอผมใช้สายตาเพ่งเข้าไปดูให้ชัดก็ได้คำตอบ เพราะผมจำเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและโคลนพวกนั้นได้ แถมอุปกรณ์ที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ด้วย

ทั้งหมดที่ว่ามันก็คือชิ้นส่วนร่างมนุษย์ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าเพอรี่

「…มาไม่ทันสินะ」

-ชิ- ผมเดาะลิ้น

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ว่าเขาคงจะหนีต่อไปไม่ได้เลย เพอรี่จึงพยายามต่อสู้กับซิลิสก์ที่นี่ สุดท้ายก็ถูกมันฆ่าทิ้ง นี่น่าจะเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมที่สุด

ถ้างั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าคนสุดท้ายที่เขายังไม่เจอก็น่าจะพบจุดจบไม่ต่างกันนัก

หลังจากที่ผมทำการตรวจสอบชิ้นเนื้อรอบๆ โดยนึกถึงความเป็นไปได้นั้น ผมก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพบกับบางสิ่ง

มันเป็นชิ้นเนื้อที่มีเกล็ดติดอยู่ด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่ออกมาจากมนุษย์

「ขาของบาซิลิสก์หรือเปล่านะ? 1 2 3 …หือ」

ฝีมือเพอรี่เหรอ?

สภาพทะเลเลือดที่เกิดขึ้นมานี้อาจจะเป็นเพราะมันอยากระบายความเจ็บปวดที่เพอรี่สร้างความเสียหายกับมันไว้ก็ได้

ผมก็เลยทำการตรวจสอบอีกครั้งเพื่อยืนยันจำนวนชิ้นเนื้อที่เจอ

แต่ก็พบว่าชิ้นส่วนเนื้อที่พบมันน้อยเกินกว่าที่จะบอกว่ามีคน 2 คนถูกฆ่าตายที่นี่ ทางเพอรี่ผมมั่นใจแล้วว่าเขาตายแน่นอนจากก้อนเนื้อที่ใหญ่โตตามร่างของเขา ส่วนความเป็นไปได้ที่อีกคนจะหนีไปได้ก็ไม่หมดเสียทีเดียว แต่มันก็เป็นไปได้ว่าถูกบาซิลิสก์กินไปแล้วเช่นกัน

「ไม่อยากกลับมือเปล่าด้วยสิ ลองตรวจสอบอีกสักพักแล้วกัน แถมเจ้าบาซิลิสก์ก็บาดเจ็บพอสมควรแล้ว จะให้ทิ้งมันไว้เฉยๆ ก็คงจะไม่ได้ด้วย」

หากมันคลั่งขึ้นมา พวกสัตว์อสูรตัวอื่นก็อาจจะหนีกันไปหมดจนไปถึงเมืองอิชกะเลยก็ได้

ส่วนตัวผมมั่นใจมากด้วยว่าจะเป็นแบบนั้น

จะว่าไปบางทีพวกฝูงแมนติคอร์ที่ผมเจอก่อนหน้านี้อาจจะหนีมาเพราะเจอบาซิลิสก์ด้วยก็ได้แฮะ

หากมอนสเตอร์ระดับนั้นไปโผล่อยู่ใกล้ๆ เมืองเข้า ก็คงไม่ต้องนึกถึงสภาพของคนที่ไปเก็บสมุนไพร

พอผมจะออกไปจากตรงจุดนั้น พุ่มไม้บริเวณใกล้ๆ ก็สั่นไหวขึ้น

ผมรีบพุ่งถอยห่างออกมาจากตรงนั้นและเตรียมดาบสีดำขึ้นมาชี้ไปทางจุดที่เสียงส่งมา

ผมสัมผัสไม่ได้ถึงตัวตนของมอนสเตอร์…แต่พูดตามตรงว่าเพราะกลิ่นเลือดที่คลุ้งทั่วบริเวณนี้มันทำให้ประสาทสัมผัสผมทื่อลงด้วย

ผมเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันทีพอเดาว่าเจ้าบาซิลิสก์อาจจะรอผมอยู่แต่แรกแล้วก็ได้ ไม่สิถ้าเป็นแบบนั้นคงจะแปลกเกินไป ทำไมมันต้องมาโผล่เอาตอนนี้ด้วยล่ะ

หากพิจารณาจากศพที่เจอแล้ว บาซิลิสก์ดูเหมือนจะเป็นประเภทที่เห็นมนุษย์เป็นเพียงอาหาร มันคงโจมตีผมตั้งแต่ที่เห็นหน้าแล้ว

พอสถานการณ์มันแปลกยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมเลยตัดสินใจค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้พุ่มไม้นั้นอย่างระมัดระวัง

และแล้วผมก็พบเข้ากับสมาชิกคนสุดท้ายของเคียวแห่งยมทูตในสภาพที่หน้าซีดหลับตาปี๋และปิดปากตัวเองเอาไว้

◆◆◆

จากนั้นผมก็เรียกไวเวิร์นครามเข้ามารับสมาชิกคนสุดท้ายของเคียวแห่งยมทูตขึ้นอานไป

เขาจะเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะขี่เจ้าไวเวิร์นกลับไป ส่วนทางผมจะทำการสำรวจป่านี้ต่อ ผมบอกกับไวเวิร์นว่าให้พาคนที่รอดไปส่งที่เมืองอิชกะได้เลย

ตามที่ผู้รอดชีวิตบอก เพอรีเป็นคนแรกที่ต่อสู้กับบาซิลิสก์ที่เข้ามาโจมตีพวกเขาและได้รับบาดเจ็บ

ทางเพอรี่ไม่ได้ใช้ลูกน้องของเขาเป็นเหยื่อล่อเพื่อหนีออกไป แต่พวกลูกน้องของเขาเต็มใจที่จะซื้อเวลาเพื่อพาเขาหนีเอง

พวกคนของเคียวแห่งยมทูตได้พยายามปกป้องเพอรี่ที่บาดเจ็บสุดชีวิตจนถูกบาซิลิสก์ฆ่าตายไปทีละคน จนสุดท้ายเพอรี่ก็ถูกต้อนจนมุมที่นี่

พอเพอรี่เห็นแล้วว่าเขาคงจะไม่รอดแล้ว เขาจึงได้ทำการพาผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายไปซ่อนในพุ่มไม้และเข้าไปสู้กับบาซิลิสก์จนตัวตาย ขาทั้ง3ของบาซิลิสก์คือค่าตอบแทนสำหรับชีวิตของเพอรี่

เหตุผลที่บาซิลิสก์กระทืบร่างของเพอรี่จนไม่เหลือเค้าเดิมก็น่าจะเพราะความโกรธจริงๆ

จากนั้นเจ้าบาซิลิสก์ก็เหมือนพยายามจะกินเพอรี่ แต่แล้วจู่ๆ มันก็หยุดไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

พอมันหยุดนิ่งไปสักพัก มันก็ทำการพ่นน้ำลายใส่ศพของเพอรี่ และเดินทางไปทางทิศเหนือแทน..ผมไม่มั่นใจว่ามันไม่สังเกตเห็นคนที่รอดอยู่หรือว่ามันไม่สนใจเขากันแน่ด้วยสิ

แต่เอาเป็นว่านี่ก็คือทั้งหมดที่ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายเล่าให้ผมฟังด้วยเสียงที่สั่นเครือ เขารู้สึกผิดมากที่ปล่อยให้หัวหน้าแคลนของเขาต้องตาย

ทางผมก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป เพราะผมจะไปพูดอะไรกับคนที่เพิ่งเจอกันได้แค่วันเดียวกันล่ะ เอาเป็นว่าที่เหลือก็ฝากให้รองหัวหน้าเขาจัดการไปแล้วกัน

ผมตัดสินใจไล่ตามเจ้าบาซิลิสก์ไปทางเหลือ ด้วยบาดแผลที่เพอรี่สร้างขึ้นตอนนี้ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการจัดการราชาแห่งงูแล้ว

นอกจากนั้นผมยังสนใจบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเจ้าบาซิลิสก์ด้วยสิ

พอผมเห็นไวเวิร์นบินกลับไปแล้ว ผมก็เริ่มเดินทางไปทางเหนือต่อทันที

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code