บทที่ 229 โอกาสมาถึงแล้ว! (1)

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 229 โอกาสมาถึงแล้ว! (1)

ไป๋เยี่ยอ่านจดหมายเชิญเข้าร่วมการประชุมในมืออย่างละเอียดก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามคนตรงหน้า “พี่หวัง นี่มันงานประชุมอะไรกันครับ พี่พอจะรู้เรื่องไหม”

พี่หวังได้แต่ยิ้ม “สุดยอดการประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชียจะถูกจัดขึ้นทุกปี ผู้ที่ได้รับเชิญส่วนใหญ่เป็นสำนักวารสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย เมื่อก่อนคนไปเข้าร่วมก็คือหัวหน้าสวี่ แต่ดูเหมือนว่ารอบนี้หัวหน้าไป๋จะต้องไปนะคะ”

ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ไปได้ไหม”

พี่หวังพยักหน้า “นี่ไม่ใช่การบังคับค่ะ แน่นอนว่าไม่ไปก็ได้ แต่ปกติหัวหน้าสวี่จะไปทุกครั้งนะ”

“ยังไงพวกเราก็อยู่ในวงการเดียวกันแล้ว ต้องมีปฏิสัมพันธ์กันเป็นปกติ การมีเพื่อนสนิทสักสองสามคนก็ต้องมีประโยชน์อยู่แล้วค่ะ”

“แล้วก็…บอกตามตรง ไม่กี่ปีมานี้การพัฒนาของผู่เจ๋อถดถอยลงเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายสัมพันธ์เก่าๆ เหล่านั้นอิทธิพลของเราก็จะยิ่งน้อยลงไปใหญ่ พวกเราก็กังวลว่าจะถูกถอดออกจากฐานข้อมูลเอซีไออีของเอเชียด้วย…”

ฐานข้อมูลเอซีไออีนั้นคล้ายกับเอสซีไอ[1]และอีไอ[2] เป็นฐานข้อมูลบทความทางวิทยาศาสตร์ หากวารสารฉบับใดถูกเก็บไว้ในนั้นก็จะถือว่าเป็นบทความของเอซีไออี

แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับฐานข้อมูลนานาชาติอย่างเอสซีไอและอีไอ แต่ก็ยังคงเป็นฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมในเอเชียยิ่งกว่าฐานข้อมูลมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและฐานข้อมูลชีววิทยาในประเทศ

เมื่อเห็นท่าทีลังเลของไป๋เยี่ย พี่หวังจึงกล่าวเสริม ”หัวหน้าคะ พี่ว่าหัวหน้าควรเข้าร่วมนะ เพราะการประชุมครั้งนี้ก็ถือเป็นแหล่งประชาสัมพันธ์วารสารของเราได้เหมือนกัน เพราะว่าทุกครั้งจะมีสื่อมวลชนจากทั่วโลกมาเข้าร่วมด้วย ทุกๆ ปีวารสารที่ถูกประเมินอันดับต้นๆ ก็จะได้คะแนนไอเอฟเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ก็ใกล้จะตีพิมพ์เต็มทีแล้ว ถ้าหัวหน้าหาเพื่อนร่วมวงการจากงานนี้ได้ บวกกับสายสัมพันธ์เก่าๆ ที่พวกเรามี ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการเปิดตัวได้นะคะ การระงับการตีพิมพ์โดยไม่แจ้งเหตุผลไม่ใช่เรื่องดีสำหรับอุตสาหกรรมวารสาร เพราะฐานข้อมูลเหล่านั้นอาจจะตั้งคำถามกับเราได้“

สิ่งที่พี่หวังพูดฟังดูมีเหตุผล ไป๋เยี่ยได้ฟังก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบรับเบาๆ ”โอเค งั้นไปก็ได้ครับ ว่าแต่เมื่อก่อนหัวหน้าสวี่ไปกับใครเหรอครับ เพื่อนเก่าๆ ที่ว่าผมก็ไม่รู้จักสักคน มีคนไหนที่พี่รู้จักบ้างไหม“

พี่หวังตอบ “พี่ไปงานนั้นกับหัวหน้าสวี่แทบทุกครั้ง หัวหน้าไม่ต้องกังวล”

สุดยอดการประชุมสุดยอดครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมว่านหวาอินเตอร์เนชั่นแนลในปักกิ่ง ไป๋เยี่ยจึงไม่ต้องวุ่นกับการเดินทางมากนัก

เช้าวันที่สิบ ไป๋เยี่ยและพี่หวังมาถึงหน้าโรงแรมว่านหวาอินเตอร์เนชั่นแนล ระหว่างทางไป๋เยี่ยก็ได้ศึกษากำหนดการของการประชุมผ่านคำแนะนำของพี่หวังและจดหมายเชิญมาบ้างแล้ว

มีการประชุมในช่วงเช้า โดยจะเป็นการเชิญเจ้าหน้าที่จากฐานข้อมูลมาอ่านและรายงานพร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการยื่นเรื่องส่งวารสารเข้าสู่ฐานข้อมูล

ช่วงกลางวันจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างมื้ออาหาร ถือเป็นโอกาสในการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีเหมือนกับที่พี่หวังเคยพูดเอาไว้เกี่ยวกับการสร้างสัมพันธ์กับ ’เพื่อนเก่า‘ และ ’เพื่อนใหม่‘ อย่างไรเสียไป๋เยี่ยก็เป็นถึงหัวหน้าบรรณาธิการของ ’การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่‘ ในอนาคตจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสำนักวารสารอื่นๆ อยู่แล้ว อย่างน้อยก็ไปให้คนในวงการเดียวกันเห็นหน้าค่าตาบ้าง

ส่วนในช่วงบ่ายจะมีพิธีมอบรางวัลวารสารดีเด่นแห่งปี

คะแนนไอเอฟของ ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเพียง 0.65 เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับรางวัล ไป๋เยี่ยมาที่นี่ก็เพื่อสำรวจลาดเลาเท่านั้น

ทั้งสองมาถึงค่อนข้างเร็ว ยังมีคนมากไม่เยอะนัก ที่สถานที่จัดประชุมก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

หลังจากที่ทั้งสองนั่งลง ผู้คนก็เริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ผู้กล่าวบรรยายในช่วงเช้าเป็นเจ้าหน้าที่จากเอซีไออี เป็นชาวสิงคโปร์นามว่า ‘หลีอวี่หราน’ เคยทำงานอยู่ที่สำนักงานเอสซีไอในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้รักษาข้อมูลและผู้ตรวจสอบมาตรฐานของบทความมาระยะหนึ่ง

หลังจากที่ย้ายมาทำงานที่เอซีไออี เธอก็ได้ทำงานเป็นผู้คัดเลือกบทความ เธอช่ำชองในด้านนี้มากและกลายเป็นที่รู้จักในวงการวารสารเอเชียด้วยวัยเพียงสามสิบปีเท่านั้น

หลีอวี่หรานแต่งกายด้วยชุดสูทสุภาพ ไว้ผมสั้นประบ่า แต่งหน้าบางๆ ดูแล้วเยือกเย็นยิ่งนัก

หลังจากที่การแนะนำตัวสิ้นสุดลง หลีอวี่หรานก็จะเป็นบุคคลหลักผู้รับผิดชอบ จู่ๆ พี่หวังก็หันมากระซิบกับไป๋เยี่ย “หัวหน้า พี่ว่าหลีอวี่หรานเป็นผู้รับผิดชอบแบบนี้ไม่น่าดีแล้วแหละ!”

ไป๋เยี่ยขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอครับ”

พี่หวัง “หลีอวี่หรานเข้มงวดกับงานของหล่อนมาก ไม่ว่าใครก็ห้ามทำผิด พอเป็นแบบนี้หล่อนก็กลายเป็นพวกจริงจังกับงาน ปีที่แล้วหัวหน้าสวี่ก็รู้สึกแย่เพราะหลีอวี่หรานเนี่ยแหละ เพราะว่าวารสารของเราทำผลงานได้ไม่ค่อยดี เสี่ยงต่อการถูกถอดออกจากเอซีไออีมาก ตอนนั้นยังดีที่มีเพื่อนคอยช่วยพูดให้ ปีที่แล้วหล่อนยังเป็นแค่รอง แต่ปีนี้หล่อนมาในฐานะผู้รับผิดชอบเชียวนะ ถ้าวารสารของเราจะถูกถอดออกก็คงเป็นเพราะหล่อนนั่นแหละ…“

ไป๋เยี่ยอึ้งงัน เพิ่งเข้ามันเป็นหัวหน้าครั้งแรกก็เจอเรื่องแบบนี้เลยเหรอ ซวยชะมัด…

การได้อยู่ในฐานข้อมูลเอซีไอซีนับเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อเทียบกับ ฐานข้อมูลมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและฐานข้อมูลชีววิทยาแล้วก็ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าจนแทบจะเทียบกับเอสซีไอและอีไอได้เลย ถือว่าเป็นตัวชี้วัดในการประเมินคุณภาพงานวิจัยของหน่วยงานภายในทวีปเอเชียเลยก็ว่าได้

หากถูกถอดออกจากเอซีไออี ผู่เจ๋อคงจะซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ

แต่…เมื่อไป๋เยี่ยลองคิดดูแล้ว เขาเองก็เตรียมตัวมามาก เป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงแค่เข้าร่วมฐานข้อมูลเอซีไออีแต่เป็นเอสซีไอต่างหาก วารสารฉบับนี้จะเลื่องชื่อไปทั่วโลก สร้างชื่อเสียงมหาศาลจนคะแนนไอเอฟพุ่งกระฉูดและทำให้วารสารจากประเทศจีนถูกจัดให้เป็นหนึ่งในวารสารชั้นนำของโลก

ไป๋เยี่ยยิ้มปลอบ “ไม่ต้องห่วงครับพี่หวัง”

เช้านี้ไป๋เยี่ยได้เรียนรู้อะไรมากมาย อย่างน้อยเขาก็มีความเข้าใจเรื่องมาตรฐานของฐานข้อมูลมากขึ้น การจะถูกบันทึกลงฐานข้อมูลนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนบทความที่ถูกนำไปอ้างอิงเป็นหลัก

ปกติแล้วจะใช้เวลาตรวจสอบทั้งสิ้นสองปี โดยนำจำนวนการถูกอ้างอิงตลอดสองปีหารด้วยจำนวนบทความที่วารสารนั้นตีพิมพ์ทั้งหมดตลอดเวลาสองปี หากได้คะแนนผ่านเกณฑ์ก็จะถูกนำเข้าฐานข้อมูลไป

เช่นเดียวกับคะแนนไอเอฟเฉลี่ยในปัจจุบันของ ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่‘ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 0.65 คะแนนเท่านั้น

หากต้องการถูกบันทึกลงเอสซีไอจะต้องมีคะแนนไอเอฟอยู่ที่ 1.2 ซึ่งหมายความว่าต้องทำคะแนนเพิ่มขึ้นเกือบ 0.6 คะแนน กล่าวคือจะต้องตีพิมพ์บทความเพิ่มอีกกว่าหกร้อยฉบับภายในระยะเวลาสองปี

ซึ่งหมายความว่าต้องทำให้บทความเหล่านั้นถูกนำไปอ้างอิงอย่างน้อยสามร้อยหกสิบครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญสำหรับวารสารทั่วๆ ไป โดยเฉพาะถ้าบทความที่ถูกหยิบไปอ้างอิงมาจากเอสซีไอก็ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่

ในขณะที่เกณฑ์ของเอซีไอซีคือ 0.8 ซึ่ง ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ยังขาดคุณสมบัติข้อนี้ไป มิฉะนั้นคงไม่ถูกหลีอวี่หรานจ้องจะถอดออกจากฐานข้อมูลหรอก

อย่างไรก็ตาม วารสาร ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ก็เป็นวารสารทีมีความเป็นมายาวนานของประเทศจีน จึงไม่มีใครอยากสร้างศัตรูด้วย

ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทว่าไป๋เยี่ยยังคงเอาแต่คิดว่าตนจะเพิ่มการอ้างอิงของบทความในวารสารได้อย่างไร

[1] SCI (Science Citation Index) คือฐานข้อมูลรวบรวมแหล่งอ้างอิงจากวารสาร ตั้งขึ้นโดยสถาบันสารสนเทศวิทยาศาสตร์ (ISI/ Institute for Scientific Information)

[2] EI (Ei Compendex) คือฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งขึ้นโดย Elsevier