ตอนที่ 232 คุณอาน่าสงสารจัง

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 232 คุณอาน่าสงสารจัง

หลังอาหารเย็น ขณะที่ดื่มชาอยู่ในห้องรับแขก มู่เถาเยาก็ได้รับสายจากคนที่ชวนให้คาดไม่ถึง

“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์จิน”

“นักศึกษาเสี่ยวมู่ วันนี้ผมอยู่เย่ว์ตู พรุ่งนี้วันเสาร์ ว่างไหม ออกมาเจอหน้าพูดคุยกันหน่อย”

“พรุ่งนี้หนูกลับบ้านค่ะ ขาของศาสตราจารย์จินหายแล้วเหรอคะ”

“หายดีแล้ว ผมก็เลยโทรหาคุณ นักศึกษาเสี่ยวมู่ รูปต้นไม้ที่คุณให้ผมดูก่อนหน้านี้น่ะ ผมอยากเห็นของจริงหน่อย”

“ถ้าศาสตราจารย์จินไม่ถือสา งั้นกลับหมู่บ้านเถาหยวนกับพวกเราไหมคะ ดอกเถียนซินกับดอกฉยงฮวาอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนค่ะ”

“ดอกเถียนซินคืออะไรเหรอ เป็นต้นที่ไม่รู้จักอีกแล้วเหรอ”

“ใช่ค่ะ”

“พรุ่งนี้นักศึกษาเสี่ยวมู่ไปหมู่บ้านเถาหยวนเมื่อไร” อยากไปเร็วๆ!

“พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าค่ะ พวกเราออกเดินทางจากเซิ่งซื่อฉางอันค่ะ”

“โอเคๆ ผมจะไปเซิ่งซื่อฉางอันตอนแปดโมงครึ่ง นักศึกษาเสี่ยวมู่ สะดวกให้ผู้ช่วยของผมไปด้วยได้ไหม”

“คือพอดีแขกที่บ้านหนูเยอะ ศาสตราจารย์จินมาคนเดียวดีกว่าค่ะ”

“ได้เลย งั้นผมจะไล่เขากลับเซิ่งตูเดี๋ยวนี้”

“ศาสตราจารย์จินพักอยู่ที่ไหนคะ พรุ่งนี้หนูให้คนไปรับมากินข้าวเช้าดีไหมคะ”

“ผมพักที่โรงแรมเย่ว์ตู”

“ค่ะ พรุ่งนี้เช้าไปรับเจ็ดโมงครึ่งได้ไหมคะ พวกเรากินข้าวเช้าแปดโมง ออกเดินทางเก้าโมง”

“ได้ครับได้ ผมจะรีบนอนรีบตื่น”

“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันเอาเบอร์ศาสตราจารย์ให้คนขับรถ พรุ่งนี้คอยรอรับสายนะคะ”

“ครับ งั้นเท่านี้ก่อนนะนักศึกษาเสี่ยวมู่”

“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะศาสตราจารย์”

มู่เถาเยาวางสาย ส่งข้อมูลให้พ่อบ้านจง เพื่อให้เขาจัดคนไปรับศาสตราจารย์จิน

พอเสร็จแล้วก็พูดกับทุกคน “พรุ่งนี้ศาสตราจารย์จินที่เป็นนักพฤกษศาสตร์จะกลับหมู่บ้านเถาหยวนกับพวกเราด้วยค่ะ ฉันขอให้เขาช่วยดูดอกเถียนซินกับดอกฉยงฮวา”

เย่ว์จือเหิง “นักพฤกษศาสตร์ศาสตราจารย์จินเหรอ ใช่จินเฉิงเจียงไหม”

“ใช่ค่ะ พี่ใหญ่รู้จักศาสตราจารย์จินด้วยเหรอคะ”

“พี่เคยค้นข้อมูลเยอะมาก อยากรู้ว่าเยี่ยนหงกับชวนไป๋เป็นพืชอะไร ก็เลยพอรู้จักนักพฤกษศาสตร์ของยุคนี้อยู่บ้าง”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ฉันเคยส่งรูปดอกไม้สองชีวิต หญ้าพิษชีวิต เยี่ยนหง และก็ชวนไป๋ ให้ศาสตราจารย์จินดู แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าพืชพวกนี้เป็นพืชอะไร อยากดูของจริงมาตลอด”

เย่ว์เลี่ยงยิ้มกว้าง “เสี่ยวเยาเยา เยี่ยนหงกับชวนไป๋เอาออกจากภูเขาเทพจันทราไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็เข้าไปไม่ได้ ถ้าศาสตราจารย์จินอยากดูก็ดูได้แค่รูปถ่ายหรือแบบแห้งแล้ว”

“ปิดเทอมหน้าร้อนหนูไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากันค่ะ จริงสิ พวกเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า เสี่ยวเหมียน เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหยา พรุ่งนี้พวกเรากลับหมู่บ้านเถาหยวน พวกเธอก็กลับด้วยกันไหม อีกไม่นานพี่ก็ปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว พอถึงตอนนั้นก็จะตรงไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์เลยด้วย”

มู่หว่านได้ฟังก็พูดขึ้น “เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยา พรุ่งนี้พวกเราตามทุกคนกลับหมู่บ้านเถาหยวนเถอะ คนในหมู่บ้านทำอาหารอร่อยมากเลยนะ พวกเราไปเรียนจากพวกเขาได้ ไหนจะเรียนวิชาต่อสู้อีก กลับไปเร็วหน่อยก็ดีเหมือนกันนะ”

เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้า “เดี๋ยวพวกเราจะไปเก็บของ”

อวิ๋นสุ่ยเหยา “งั้นเดี๋ยวฉันโทรบอกพ่อกับแม่”

ปู่ตี้ย่าตี้ พี่อู๋เปียน อันเหยี่ย อยู่ที่นั่นกันหมด พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวล

“อืม ยังมีอีกเรื่อง เสี่ยวเหมียน พ่อกับแม่เธอก็ไปด้วยนะ…”

มู่เถาเยายังไม่ทันพูดจบ เจียงเฟิงเหมียนก็ร้อง “เอ๊ะ” แล้วพูดต่อ “ไหนพ่อบอกว่าจะรอปิดเทอมหน้าร้อนค่อยไปอยู่กับอาจารย์ลุงใหญ่ไม่ใช่เหรอคะ”

“อาจารย์อาเล็กจะไปดูน้องสาว เสี่ยวเหมียน เธอมีอาหญิงอยู่คนนึงนะ เป็นหมอที่เก่งมาก ชื่อลู่จือฉิน”

“เอ๋…พี่เยาเยา ฉันมีอาหญิงเหรอคะ พ่อฉันไม่ใช่ลูกกำพร้าเหรอ”

ดวงตาของเจียงเฟิงเหมียนเบิกโพลงเหมือนกระดิ่ง

“ไม่ใช่ เดิมทีอาจารย์อาเล็กแค่ถูกลักพาตัวไป บาดเจ็บจนสูญเสียความทรงจำ สมัยนั้นการตามหาคนไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้…”

มู่เถาเยาเล่าเรื่องครอบครัวหมอลู่กับอาจารย์อาเล็กให้ฟังแบบกระชับ รวมถึงสาเหตุที่หายสาบสูญ อธิบายให้ทุกคนเข้าใจ

“ฉันมีอาหญิงด้วย! พี่เสี่ยวหว่าน เหยาๆ ฉันมีอาหญิงด้วย! ฮ่าๆ…”

ท่าทีของเจียงเฟิงเหมียนแตกต่างจากพ่อตัวเองอย่างสิ้นเชิง!

ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นดีใจของสาวน้อย พลอยอดยิ้มไปด้วยไม่ได้

เจียงเฟิงเหมียนที่พอควบคุมสติได้บ้างถามต่อ “พี่เยาเยาคะ ตอนนี้คุณอาของฉันอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนเหรอ”

พูดเสียงเบา รวดเร็ว ชัดเจน เจือไปด้วยความสนใจอย่างท่วมท้น

“หมอลู่เข้าเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยว พรุ่งนี้หรือไม่ก็วันมะรืนน่าจะออกมาแล้วจ้ะ”

“อืมๆ”

เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

มู่หว่านกลับอึ้ง “เสี่ยวเยาเยา หมอลู่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ กล้าเข้าไปในเขตป่าชั้นในด้วย!”

เธอเป็นคนในพื้นที่ ย่อมรู้ดีกว่าใครว่าป่าเซียนโหยวอันตรายขนาดไหน

“อืม วรยุทธ์ของหมอลู่ รวมถึงวิชาการแพทย์ วิชาพิษ ไม่ด้อยไปกว่าฉันเลยล่ะ”

เย่ว์เลี่ยงมองลูกสาวพลางครุ่นคิด

“ว้าว! อาหญิงของเสี่ยวเหมียนสุดยอดไปเลย!”

มู่หว่านกับอวิ๋นสุ่ยเหยาส่งเสียงตื่นเต้นพร้อมกัน เพราะพวกเธอรู้ระดับความสามารถของมู่เถาเยาดี

เจียงเฟิงเหมียน “พี่เยาเยาคะ งั้นบ้านของคุณอาอยู่ที่ไหนเหรอ ครอบครัวมีใครบ้าง มาอยู่ที่บ้านฉันด้วยกันได้หรือเปล่า”

“หมอลู่ตัวคนเดียว ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง”

“ทำไมล่ะ คุณอาของฉันเก่งมากไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่งล่ะ ไม่ได้แต่งงานเหรอคะ” เจียงเฟิงเหมียนร้อนใจ ขอบตาเริ่มแดงขึ้นมาทันที

“เสี่ยวเหมียน หมอลู่ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่งเพราะต้องตามหาพี่ชาย ส่วนเรื่องไม่ได้แต่งงาน…อาจเพราะประสบการณ์ในวัยเด็ก…หรืออาจเพราะเหตุผลอื่น นี่เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล อีกอย่างคนเราจะมีความสุขหรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าแต่งงานหรือไม่แต่งงานนะ”

แต่เมื่อชาติที่แล้วอาจารย์ก็เหมือนกับเธอที่ไม่ได้แต่งงาน หลังจากเสด็จแม่ถูกทำร้ายก็คอยดูแลพวกเธอพี่น้องอย่างใกล้ชิดมาตลอด ทำให้อดไปตามหาพี่ชาย

ต่อมาเธอเป็นจักรพรรดินี อาจารย์ถึงได้พอเจียดเวลาไปตามหาพี่ชายได้อีกครั้ง

ชาตินี้ไม่รู้ว่าอาจารย์จะยินดีแต่งงานหรือเปล่า…

อวิ๋นสุ่ยเหยาดวงตาแดงก่ำ “คุณอาของเสี่ยวเหมียนน่าสงสารจัง”

เธอมีชีวิตที่สุขสบายตั้งแต่เด็ก จินตนาการชีวิตแบบหมอลู่ไม่ออกเลยจริงๆ

มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยา คุณอาของเสี่ยวเหมียนหลังออกจากป่าแล้วจะมาอยู่กับครอบครัวของเสี่ยวเหมียนที่เย่ว์ตูหรือเปล่า หรือจะให้อยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนของพวกเราก็ได้นะ บ้านฉันมีที่ดินแปลงเล็ก ให้คุณอาของเสี่ยวเหมียนสร้างบ้านที่นั่นได้”

ในสายตาของมู่หว่าน ไม่มีใครไม่ชอบหมู่บ้านเถาหยวน

เจียงเฟิงเหมียน “ให้คุณอามาอยู่ที่บ้านฉันดีกว่า ฉันจะได้อยู่กับคุณอาได้ทุกวัน ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว”

มู่เถาเยาพูด “แต่เธอยังต้องไปเรียนที่เมืองหลวงนะ”

“…ฉันไปเรียน พ่อกับแม่ก็อยู่เป็นเพื่อนคุณอาได้

“เสี่ยวเหมียน ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนใครได้ทุกวันหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นก็ใช่ว่าหมอลู่จะชอบให้มีคนตามติด ทุกคนต่างมีเรื่องที่ตัวเองต้องทำ”

“…อ่อ”

เจียงเฟิงเหมียนแอบเศร้า

มู่เถาเยาลูบศีรษะของเธอ “เสี่ยวเหมียน จะดีกับใครก็อย่ากระตือรือร้นมากเกินไป แบบนี้จะสร้างความอึดอัดและเกิดช่องว่างได้ ใช้ชีวิตกันไปตามปกติก็พอ”

“ค่ะ” เจียงเฟิงเหมียนยิ้มออกแล้ว

“พวกเธอขึ้นไปเก็บของเถอะ พรุ่งนี้กินข้าวเช้าแปดโมง เก้าโมงออกเดินทาง”

“ค่ะ”

เด็กสาวทั้งสามกับเหลียงจีพูดขอตัวกับเย่ว์เลี่ยงและเย่ว์จือเหิงแล้วขึ้นไปเก็บของที่ชั้นบน