ตอนที่ 233 น่าสงสัยจริงๆ
หลังจากพวกเด็กสาวขึ้นชั้นบนไปแล้ว มู่เถาเยาก็มองเย่ว์เลี่ยง “อากับพี่ใหญ่มาด้วยเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เสี่ยวเยาเยาให้พี่ใหญ่สืบเรื่องเหมียวฉี อาพอมีความทรงจำเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่บ้าง ก็เลยตั้งใจมาเล่าให้หลานฟัง”
“อารู้จักเหมียวฉีด้วยเหรอคะ เหมียวฉีเคยไปตำหนักพระจันทร์ด้วยเหรอ”
คงไม่ใช่อาไปที่บ้านสกุลเหมียวหรือเปล่า
“เปล่าจ้ะ เคยเจอที่บ้านสกุลเป่ย หลังจากที่เหมียวอวี้ถูกแม่ของหลานช่วยชีวิตไว้ก็อยู่ที่บ้านสกุลเป่ย…”
มู่เถาเยาฟังเย่ว์เลี่ยงเล่าพลางครุ่นคิด
“อาจำได้ว่ามีอยู่วันหนึ่งช่วงปิดเทอมหน้าร้อนตอนที่อาอายุประมาณสิบขวบ แม่ของหลานพาพ่อของหลานกลับบ้านสกุลเป่ยไปเยี่ยมผู้อาวุโสทั้งสอง ตอนนั้นอาเล่นอยู่แถวนั้นพอดีก็เลยไปกับพี่ชายด้วย…”
ตอนอายุสิบขวบ ฮองเฮาเย่ว์เลี่ยงของแผ่นดินจงโจวยังไม่ได้มาที่นี่ แต่พอมาแล้วก็มีความทรงจำของร่างเดิมอยู่ กอปรกับมีการสืบค้น ผสมผสาน คาดเดา เลยพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้
“อาคะ คุณแม่ช่วยเหมียวอวี้มาตั้งแต่เมื่อไรเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นกับเหมียวอวี้”
“เหมียวอวี้ถูกแม่ของหลานช่วยออกมาจากป่าพิษหมาป่าตอนอายุสิบเจ็ดสิบแปดได้ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเหมียวอวี้ถึงไปอยู่ในป่านั้น เหมียวอวี้ก็ไม่เคยพูดถึงสาเหตุ แค่ไม่อยากกลับบ้านสกุลเหมียวอีก”
เย่ว์จือเหิงช่วยเสริม “เสี่ยวเยาเยา ป่าพิษหมาป่าเป็นดินแดนของหมาป่า เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุด อันตรายที่สุดของเผ่าหมาป่าพระจันทร์นอกจากภูเขาเทพจันทรา ที่ชื่อเสียงของมันไม่โด่งดังเท่าป่าเซียนโหยวก็เพราะเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่เปิดเผยข้อมูลแก่ภายนอก…”
“งั้นคุณแม่เข้าไปช่วยเหมียวอวี้ในป่าพิษหมาป่าได้ยังไงคะ”
เย่ว์เลี่ยงหลุดหัวเราะ
เย่ว์จือเหิงอธิบาย “ถึงแม้คุณแม่จะต่อสู้ไม่เก่งเท่าคุณพ่อ แต่สาเหตุหลักเป็นเพราะคุณพ่อเคยพาคุณแม่เข้าป่าพิษหมาป่าหลายครั้งนับไม่ถ้วน…หมาป่าเป็นเพื่อนสำหรับพวกเรา พวกมันรู้จักคุณแม่ ไม่มีทางทำร้าย…”
มู่เถาเยาส่งเสียงอ้อ เพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว
เย่ว์เลี่ยงพูดต่อ “เสี่ยวเยาเยา ตอนนั้นพวกเราเจอพ่อแม่ของเหมียวอวี้ที่พาเหมียวฉีมาบ้านสกุลเป่ยพอดี อยากรับเหมียวอวี้กลับไป แต่เหมียวอวี้ไม่ยอมกลับ…”
ตอนนั้นเย่ว์หลั่งกับเป่ยซียังไม่ได้แต่งงาน ย่อมไม่มีเย่ว์จือเหิงอยู่ด้วย เขาจึงไม่พูดอะไร
“เสี่ยวเยาเยา หลานว่าจะเป็นเพราะสกุลเหมียวทำไม่ดีกับเหมียวอวี้หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดอย่างเหมียวอวี้ถึงยอมไปเป็นคนรับใช้บ้านคนอื่นดีกว่ากลับบ้านลุงตัวเอง”
มู่เถาเยาเข้าใจความหมายของเย่ว์เลี่ยง
ดังนั้นไม่เพียงแต่ตอนนี้เธอจะสงสัยว่าบ้านใหญ่ของสกุลเหมียวทำไม่ดีกับเหมียวอวี้ ยังสงสัยด้วยว่าการที่เหมียวอวี้ไปอยู่ในป่าพิษหมาป่าได้ก็เป็นฝีมือของพวกเขา อย่างไรเสียเรื่องแบบนี้ก็พบได้บ่อยในตระกูลมีอันจะกินของเมื่อชาติที่แล้ว
คนพวกนั้นเสแสร้งโหดเหี้ยม ชอบวางมาดเป็นคนดี ยกยอปอปั้นว่าตัวเองดีนักดีหนา แบบนี้คนอื่นจะได้ไม่สงสัยมาถึงตัวพวกเขา…
“ไม่ถูกสิคะอา ต่อให้คนสกุลเหมียวไม่ชอบเหมียวอวี้ แต่พวกเขาก็ไม่น่าใจกล้าถึงขั้นขโมยลูกของตระกูลเย่ว์หรือเปล่า”
เย่ว์เลี่ยงตอบอืม “แต่เหมียวอวี้หายตัวไป หลานกลับไปโผล่ที่ป่าเซียนโหยว คิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าเหมียวอวี้ไปที่นั่นได้ยังไงกันแน่ จากเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไปป่าเซียนโหยวไม่ใช่ง่ายๆ นะ”
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน หากไม่มีใบอนุญาตก็ยากที่จะออกจากดินแดนไปได้
ของทุกอย่างของเหมียวอวี้อยู่ที่ตำหนักพระจันทร์
“หรือจะแอบลักลอบคะอา”
“เป็นไปได้ แต่ก็ยากมาก เว้นเสียแต่เหมียวอวี้จะช่ำชองป่าพิษหมาป่ากับป่าเซียนโหยว…”
อีกด้านหนึ่งของป่าพิษหมาป่าก็คือป่าเซียนโหยว
ทั้งสองแห่งเป็นป่าที่มีอันตรายสูงที่สุดและอยู่ติดกัน
มู่เถาเยากับเย่ว์จือเหิงก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
เหมียวอวี้เป็นแค่คนธรรมดา จะอุ้มเด็กทารกเข้าไปในที่ที่อันตรายที่สุดในโลกได้ยังไง
ความจริงเรื่องนี้…อาจต้องรอเจอตัวเหมียวอวี้ก่อนถึงจะได้คำตอบหรือเปล่า
“อาคะ พวกเราพักเรื่องเหมียวอวี้ไว้ก่อน กลับมาเรื่องเหมียวฉี”
เย่ว์จือเหิง “เหมียวฉีคนนี้น่าแปลกมาก หลังจากเหมียวอวี้หายตัวไปไม่นานก็ไปเรียนต่อที่ประเทศเหยียนหวง ต่อมาก็แต่งงาน ไม่เคยกลับเผ่าเลยสักครั้ง น่าสงสัยมาก”
เดิมทีผู้หญิงในเผ่าก็ไม่ชอบแต่งออก คนจำนวนไม่มากที่แต่งออกไปก็มักจะกลับมาบ้านตัวเองปีละสองสามครั้ง
ผู้ชายที่ไปทำงานข้างนอกหากแต่งผู้หญิงที่สัญชาติอื่นก็จะกลับมาอย่างน้อยปีละสองสามครั้งเช่นกัน
กลับมาที่เผ่าบ่อยครั้งถึงจะเป็นเรื่องปกติ ส่วนคนที่กลับมาครั้งสองครั้งออกจะไม่ปกติ เว้นเสียแต่งานของทั้งสองฝ่ายจะยุ่งมากเป็นพิเศษ
เนื่องจากคนในเผ่าไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน จึงไม่มีปัญหาเรื่องต้องแต่งออกไปไกลๆ เพราะปัญหาเรื่องเงินทอง
มู่เถาเยาคิดสักพักแล้วถามขึ้น “พี่ใหญ่คะ งั้นพ่อแม่ของเหมียวอวี้ยังอยู่ไหม”
“อยู่ พ่อกับพี่ชายคนโตไม่ถูกกัน ถึงแม้เหมียวอวี้จะหายตัวไปจากตำหนักพระจันทร์ แต่การที่เหมียวอวี้ยอมไปเป็นคนรับใช้บ้านสกุลเป่ยดีกว่าไปอยู่บ้านลุงใหญ่ของตัวเอง นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีปัญหามากมาย”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ฉันสืบเรื่องเหมียวฉีตอนอยู่เมืองหลวงยี่สิบกว่าปี พบว่ามีแค่ช่วงสองสามวันนี้ที่เธอออกนอกเมืองหลวง ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกนอกเมืองหลวงเลยแม้แต่ก้าวเดียว”
เย่ว์เลี่ยง “ถ้าเป็นแบบนั้น เหมียวฉีก็น่าสงสัยมากจริงๆ”
เย่ว์จือเหิง “พี่เคยแฮกเข้าโทรศัพท์มือถือของคนสกุลเหมียว บทสนทนาที่ดักฟังได้ก็ปกติ ถ้าไม่ได้เป็นพวกมีความอดทนสูงก็แสดงว่าบริสุทธิ์จริง แต่ลูกสาวแต่งออกไปยี่สิบกว่าปีแล้วไม่กลับมาเลย มันดูไม่สมเหตุสมผลนะ”
“พี่ใหญ่ คุณแม่รู้จักกับเหมียวฉีไหมคะ”
เย่ว์จือเหิงบอกไม่รู้
เย่ว์เลี่ยงก็ส่ายหน้า
เย่ว์เลี่ยงในตอนนั้นเพิ่งอายุสิบขวบ เย่ว์จือเหิงยังไม่เกิด ไม่รู้ก็ไม่แปลก
ต่อมาเป่ยซีแต่งเข้าตำหนักพระจันทร์ เหมียวฉีก็ไม่มีทางไปที่ตำหนักพระจันทร์ แม่ของเธอยิ่งไม่มีทางไปที่บ้านสกุลเหมียว
เหมียวอวี้ เป่ยซี เหมียวฉี อาจรู้จักกัน แต่ไม่ได้คุ้นเคยมากนัก
“งั้นคุณพ่อล่ะคะ คุณพ่อคุณแม่รักกันมาตั้งแต่อายุยังน้อย น่าจะไปที่บ้านสกุลเป่ยบ่อย หลังจากเหมียวอวี้ไปอยู่บ้านสกุลเป่ยแล้ว คนสกุลเหมียวเคยไปหาเหมียวอวี้แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเหรอคะ”
เย่ว์จือเหิง “พี่เคยถามคุณพ่อแล้วนะ แต่ท่านบอกว่าไม่รู้จักเหมียวฉี”
มู่เถาเยา “…คุณพ่อไม่เคยเจอ หรือว่าลืมแล้วคะ”
เย่ว์จือเหิง “…อาจจะไม่เคยเจอหรือเปล่า”
พ่อของพวกเขาไม่น่าจะความจำแย่ขนาดนั้นหรือเปล่า อาจไม่เคยเจอจริงๆ ไหม
“งั้นคุณตาคุณยายล่ะคะ”
“คุณตาคุณยายไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเหมียวฉีเลยสักนิด”
น้ำเสียงของเย่ว์เลี่ยงค่อนข้างหนักแน่น “เสี่ยวเยาเยา ตอนนั้นที่พวกเราไปบ้านสกุลเป่ย คุณตาคุณยายของหลานไม่อยู่บ้าน ตอนนั้นคุณพ่อของหลานยังแกล้งล้อคุณแม่ของหลานอยู่เลย”
มู่เถาเยาเรียบเรียงความคิด ก็ยังคงไม่เข้าใจ
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมน้องถึงสืบเรื่องเหมียวฉีเหรอ เหมียวฉีก่อเรื่องไว้เหรอ” เย่ว์จือเหิงหรี่ตา ฉายแววเย็นชาปราดหนึ่ง
“เปล่าค่ะ เดิมทีฉันสืบเรื่องเจียงจี๋สามีของเธอ เขาเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ใหญ่ของฉันขับไล่…ลูกสาวของเจียงจี๋กับเหมียวฉีเป็นแฟนของเหลยถิงหลานชายศิษย์พี่ใหญ่ของฉัน…เหลยถิงถูกคนวางยา ฉันก็เลยต้องสืบคนที่เกี่ยวข้องกับเขา…นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเชื่อมโยงมากขนาดนี้…”
“ที่แท้ก็แบบนี้”
“ช่างเถอะ เรื่องนี้พักไว้ก่อน”
เย่ว์เลี่ยงยิ้มบาง มองมู่เถาเยาด้วยสายตาอ่อนโยน “งั้นก็พักไว้ก่อน เสี่ยวเยาเยา หลานไปเก็บของเถอะ คืนนี้รีบพักผ่อนนะ”
ลูกสาวต้องมาปีนขึ้นเตียงของเธอแน่นอน
“ค่ะ อากับพี่ใหญ่ก็รีบพักผ่อนนะคะ”
“อืม”
ทั้งสามคนขึ้นชั้นบนไปพร้อมกัน