ตอนที่ 234 ร่างกายเงอะงะ
ตอนที่คนของพ่อบ้านจงไปรับจินเฉิงเจียงมาถึงเซิ่งซื่อฉางอัน มู่เถาเยากับคนที่ตื่นมาฝึกตอนเช้าด้วยกันก็ขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำพอดี
เฉิงอันนั่วกับปาอินมาถึงไล่เลี่ยกับจินเฉิงเจียง
ไม่ต้องรอให้มู่เถาเยาแนะนำ ปาอินที่อัธยาศัยดีคุยกับจินเฉิงเจียงไม่กี่ประโยคก็เข้ากันได้แล้ว
เมื่อคนอื่นๆ อาบน้ำเสร็จถือสัมภาระลงมาจากชั้นบน ปาอินกับจินเฉิงเจียงกำลังหัวเราะเสียงดัง
ทักทายกันเสร็จพวกเด็กสาวก็ร่วมวงสนทนาด้วย
เฉิงอันนั่วนั่งเหงาอยู่คนเดียวที่โซฟาอีกด้านหนึ่ง มองพวกสาวๆ คุยกับศาสตราจารย์จิน เกิดคำถามใหญ่ภายในใจ ทำไมสาวๆ ถึงสนใจเรื่องพืชพรรณได้ขนาดนั้น
ลุงวัยกลางคนกลับได้รับความสนใจมากกว่าคนหนุ่มอย่างเขา!
แอบเสียความมั่นใจ
มู่เถาเยา เย่ว์เลี่ยง เย่ว์จือเหิง ลงมาช้าสุด
พวกเขาเพิ่งเข้าไปทักทายจินเฉิงเจียงในห้องรับแขก อาจารย์อาเล็ก อาสะใภ้ และศิษย์พี่ใหญ่ก็เข้ามา
ตามมาด้วยศิษย์พี่หญิงห้ากับสามี ศิษย์พี่หกกับภรรยา
พอเฉิงอันนั่วเห็นพวกเขาก็ประหลาดใจมาก
ศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลินถาม “อันนั่วก็ไปด้วยเหรอ”
“ครับ ผมไปเป็นกำลังใจให้อาจารย์ปู่ครับ”
“โฮ่! ถ้าฉันไม่ติดว่าไม่สะดวกนั่งเครื่องบินก็จะไปเป็นกำลังใจให้อาจารย์อาเล็กเหมือนกัน”
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยหมดคำจะพูด
เชฟบ้านตระกูลตี้เดินออกมาบอกทุกคนว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว
เวลานี้เพิ่งแปดโมงหน่อยๆ
มู่เถาเยาแนะนำเย่ว์เลี่ยงกับเย่ว์จือเหิงให้ทุกคนรู้จักแล้วย้ายไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร
เวลาเก้าโมงทุกคนก็ไปถึงลานจอดเครื่องบิน
สิบเอ็ดโมงเครื่องลงจอดที่หมู่บ้านเถาหยวน
นอกจากเป่ยซีกับตี้อู๋เปียนที่พาเจ้าถุงลมน้อยมารอรับแล้ว ยังมีผู้ใหญ่บ้านกับพวกชาวบ้านมาด้วย อย่างไรเสียก็คนเยอะ ต้องมีรถมารับหลายคันอยู่แล้ว
ไปถึงบ้านของศิษย์อาจารย์สกุลหยวน พอเจอหน้าบรรดาผู้อาวุโสแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายกลับบ้านตัวเอง อีกเดี๋ยวค่อยกลับมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
จินเฉิงเจียงตะลึงมากกับคนใหญ่คนโตที่ ‘หลบซ่อน’ อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลแบบนี้
ความร่ำรวยและงดงามของหมู่บ้านกลางหุบเขาแห่งนี้เกินจินตนาการของเขาไปมาก!
แต่เขาเป็นนักวิชาการ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไร กลับตื่นเต้นกับป่าเซียนโหยวที่อยู่หลังหมู่บ้านเถาหยวนเป็นอย่างมาก
“นักศึกษาเสี่ยวมู่ ผมขออยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนนานหน่อยได้ไหม”
มู่เถาเยารู้ทันความคิดของจินเฉิงเจียง “ศาสตราจารย์จินไปเดินแถวเขตป่าชั้นนอกได้ค่ะ แต่ห้ามเข้าเขตป่าชั้นในเป็นอันขาดนะคะ”
จินเฉิงเจียงรีบพยักหน้าต่อเนื่อง “ผมจะอยู่แค่เขตป่าชั้นนอก”
เขตป่าชั้นในเป็นอย่างไร เขาเป็นนักพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงไม่มีทางไม่รู้
ถึงแม้จะอยากไปแม้แต่ในฝัน แต่เขารู้ระดับความสามารถของตัวเองดี
ขนาดคนเก่งๆ ตั้งมากมายยังไปแล้วไม่ได้กลับ เขาไม่ได้มีหกแขนสามหัว ไม่ได้มีเก้าชีวิต มีเหรอจะกล้าทำตามที่คิด
ต่อให้เขาไม่กลัวตาย แต่ตายก็ควรตายอย่างสมเกียรติถึงจะถูก
เข้าไปในนั้น ต่อให้เขาค้นพบแผ่นดินใหม่ก็ส่งข่าวออกมาไม่ได้ งั้นการตายของเขาก็ไม่มีความหมายแล้ว
“ศาสตราจารย์จินคะ หนูมีสมุดภาพที่เขียนพวกพืชพรรณไม่ทราบชนิดในเขตป่าชั้นในไว้ ทั้งยังถ่ายรูปไว้ด้วย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะเอาให้ดูค่ะ”
“เอาสิ ขอบใจนะนักศึกษาเสี่ยวมู่”
ศาสตราจารย์จินดีใจมาก ถึงขั้นกินข้าวเพิ่มอีกชาม
ย้ายจากห้องอาหารไปห้องรับแขก มู่เถาเยาขึ้นชั้นบนไปหยิบสมุดภาพกับรูปถ่ายลงมาจากห้องหนังสือ
ศาสตราจารย์จินพอได้ของมาก็ไม่วางแล้วทีนี้
“นักศึกษาเสี่ยวมู่ ผมขอเอากลับไปก่อนนะ อ่านจบจะเอามาคืน”
“ของพวกนี้ให้ศาสตราจารย์จินได้เลยค่ะ ทิ้งพวกมันอยู่ที่นี่อาจไม่ได้สร้างคุณค่าอะไร”
“แบบนั้นจะได้ยังไง ข้อมูลล้ำค่าเลยนะ!”
“หนูเข้าไปดูของจริงที่เขตป่าชั้นในได้ค่ะ”
“…งั้นก็ได้ นักศึกษาเสี่ยวมู่ ว่าแต่ดอกฉยงฮวาอยู่ไหนเหรอ”
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียน “สวนด้านหลังครับ”
“ผมไปดูตอนนี้เลยได้ไหม”
เจ้าถุงลมน้อยจูงมือจินเฉิงเจียงด้วยความกระตือรือร้น “คุณลุงฮะ เดี๋ยวอันเหยี่ยพาไปดูเสี่ยวไป๋ไป๋”
“เสี่ยวไป๋ไป๋เหรอ”
มู่เถาเยายิ้มพูด “อันเหยี่ยตั้งชื่อดอกฉยงฮวาว่าเสี่ยวไป๋ไป๋ค่ะ ส่วนสุนัขมาสทิฟฟ์ที่ช่วยมาจากเขาเซิ่งเย่ว์ตัวนี้ชื่อเสี่ยวเฮยเฮยค่ะ”
เสี่ยวเฮยเฮยที่อยู่ตรงเท้าส่งเสียงเห่าหนึ่งที
จินเฉิงเจียงก้มมองสุนัข “เสี่ยวเฮยเฮยรู้จักฉันด้วยเหรอ”
มันเห่าอีกครั้ง
จินเฉิงเจียงอยากลูบหัวของมัน แต่มือข้างหนึ่งกอดสมุดภาพกับรูปถ่ายไว้ มืออีกข้างถูกเจ้าถุงลมน้อยจูงไว้ ไม่เหลือมือลูบมันแล้ว
“เสี่ยวเฮยเฮยโตขึ้นเยอะเลยนะ”
เจ้าถุงลมน้อยพูดทันที “คุณลุง เสี่ยวเฮยเฮยกินเยอะกว่าอันเหยี่ยอีก”
“มิน่าถึงโตเร็ว”
มู่เถาเยาพูดเตือน “อันเหยี่ยจ๊ะ หนูพาคุณลุงจินไปดูเสี่ยวไป๋ไป๋ที่ด้านหลังก่อน เดี๋ยวกลับมานอนกลางวันนะ”
“ฮะ”
เด็กน้อยจูงจินเฉิงเจียงออกไป
เสี่ยวเฮยเฮยก็เดินตามทั้งสองคน
เย่ว์เลี่ยง “เด็กน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยสักนิด”
ย่าตี้ยิ้มพูด “อันเหยี่ยไม่ชอบให้คนอื่นมากอดมาหอม แต่นอกนั้นก็เข้าได้ดีกับทุกคนไม่ว่าจะชายหญิงแก่เด็ก”
“เสี่ยวหว่าน พาเสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยา เสี่ยวอิน กลับไปพักผ่อนก่อน ตอนบ่ายพวกเธอไปเที่ยวกันเองนะ ฉันจะไปหาพวกเสี่ยวเหยี่ย”
“ได้เลย งั้นพวกเราพักผ่อนช่วงบ่ายเสร็จจะมาดื่มชานั่งคุยกับผู้ใหญ่ที่นี่นะ”
หยวนเหยี่ยส่ายมือ “สาวๆ อย่างพวกเธอไปเล่นกันเองเถอะ คนแก่อย่างพวกเราคุยกันแต่เรื่องที่พวกเธอไม่รู้เรื่อง ใช่ว่ามาวันสองวันก็จะกลับกันแล้ว เสี่ยวเหยากับเสี่ยวอินมาหมู่บ้านเถาหยวนครั้งแรก เสี่ยวหว่าน พาไปเดินเล่นให้ทั่วเถอะไป”
“ได้เลยค่ะปู่หยวน”
เจียงเฟิงเหมียน “อาจารย์ลุงคะ หนูไม่ไปเล่น หนูอยากเจอคุณอาของหนูค่ะ”
เรียกว่าอาได้คล่องปากเสียจริง
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน ยิ้มพูด “หมอลู่ยังไม่ออกมาเลยจ้ะ”
อีกเดี๋ยวเธอกับเสด็จแม่จะเข้าไปหาอาจารย์ลู่ บอกว่าไปหาพวกเสี่ยวเหยี่ยเป็นแค่ข้ออ้าง
เขตป่าชั้นในไม่มีคน พวกเธอสามคนคุยอะไรกันอยู่ในนั้นก็ไม่ต้องกลัวใครจะได้ยิน
เรื่องดูม้าไม่รีบ เจออาจารย์เสร็จค่อยไปก็ยังได้
กู่ย่า “เสี่ยวเหมียน กลับไปกับเสี่ยวหว่านก่อนเถอะ”
“ก็ได้ค่ะ”
พวกเด็กสาวจูงกันออกไป
มู่เถาเยาถามพิกัดของหมอลู่ว่าตอนนี้เดินถึงไหนแล้ว จากนั้นก็ขึ้นชั้นบนพร้อมเย่ว์เลี่ยงไปเปลี่ยนชุดที่เหมาะแก่การเข้าป่า หยิบกล่องยาใบน้อยสะพายเข่ง พกดาบหลิวอิ่งของอาจารย์เล็กแล้วออกเดินทาง
อาจารย์เล็กซย่าโหวโซ่วมองตามหลังสองอาหลานแล้วพูดขึ้น “อยากประลองฝีมือกับหัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยงดูสักตั้งจริงๆ”
อาจารย์แม่ถังหยวนยิ้มพูด “เห็นคนวรยุทธ์สูงเป็นไม่ได้ อยากจะท้าประลองอย่างเดียวเลยนะ”
อาจารย์เล็กพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แบบนั้นถึงจะมีการพัฒนายังไงล่ะ”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “ฝีมือของเย่ว์เลี่ยงไม่ธรรมดาหรอกนะ”
เย่ว์จือเหิง “กำลังภายในของคุณอาสูงกว่าอากวงหน่อย หมัดเท้าเป็นรองอากวงเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว…”
พอได้ยินแบบนี้ซย่าโหวโซ่วก็พอจะรู้ฝีมือของเย่ว์เลี่ยงแล้ว
“ปู่ซย่าโหวครับ หน่วยก้านผมพอไหวไหมครับ มีความเป็นไปได้ที่จะเรียนสำเร็จไหม” เฉิงอันนั่วกระตือรือร้นมาก
“อันนั่วก็อยากเรียนวิทยายุทธ์เหรอ”
“อยากครับ”
“งั้นลองทำตามนะ พยายามเข้า”
“ครับ”
ทั้งสองคนออกท่าทางอยู่ตรงลานบ้าน ไม่กี่นาทีต่อมาก็หยุด
“ผมเป็นไงบ้างครับปู่ซย่าโหว”
“แรงไม่พอ ความเร็วก็ไม่ได้ ความสามารถก็งั้นๆ พยายามมากอีกหน่อยก็ได้แค่เก่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย”
เหมือนกับที่มู่เถาเยาเคยพูดไว้
เฉิงอันนั่วอ่อน
ตี้อู๋เปียนแอบสะใจ
แม้เขาจะฝึกไม่ได้ แต่เขาคิดว่าความสามารถของตัวเองต้องเหนือชั้นแน่!
คนบางคนแม้จะฝึกได้ แต่ร่างกายกลับเงอะงะ!
รู้สึกดีขึ้นมาเลยทีเดียว!