ตอนที่ 176 ติดตามรับใช้จนวันตาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 176 ติดตามรับใช้จนวันตาย
มือที่กำลังลูบเคราตัวเองของฟางเหล่าซึ่งปรึกษาที่อาวุโสที่สุดชะงักค้างในทันที

“ระหว่างหุบเขา ฝั่งตะวันออกเป็นของกองทัพซีเหลียง ฝั่งตะวันตกคือกองทัพของแม่ทัพจางตวนรุ่ย กองทัพซีเหลียงถูกพวกเราต้อนอยู่ในหุบเขาอยู่ กองทัพต้าจิ้นของพวกเราอาจจะชนะก็ได้!”

“สงครามครั้งนี้มีเพียงวิธีที่ฉินเซียนเซิงกล่าวมาเท่านั้นที่จะทำให้กองทัพของเราชนะได้ ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว!”

สิ้นเสียง รัชทายาทหันไปมองทางประตู ไป๋ชิงเหยียนในชุดเกราะเดินเข้ามาในจวนว่าการ กำหมัดคาราวะรัชทายาท

ดวงตาของรัชทายาทไหววูบ ไป๋ชิงเหยียนมาในชุดเกราะเช่นนี้แสดงว่านางต้องไปออกรบอย่างแน่นอน!

ไป๋ชิงเหยียนหยัดกายตรง กล่าวอย่างฉับไว “กองทัพของซีเหลียงมีจำนวนมากกว่าพวกเราหลายเท่านัก หากกองทัพดุดันของซีเหลียงบุกกลับไปที่จุดซุ่มโจมตีทางตะวันออกของของหุบเขาเวิ่งแล้ว เห็นว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ยดักซุ่มอยู่ทางฝั่งตะวันตก พวกเขาจะไม่แบ่งกองกำลังออกไปโจมตีหรืออย่างไร! หากพลหน้าไม้ของแม่ทัพจางตวนรุ่ยถูกทหารของซีเหลียงจัดการ กองทัพของต้าจิ้นทั้งหมดต้องโดนกวาดล้างจนเกลี้ยงอยู่ที่หุบเขาเวิ่งและยอดเขาจิ่วชวีอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินว่าโดนกวาดล้างจนเกลี้ยง รัชทายาทเสียวสันหลังวูบในทันที

หากครั้งนี้กองทัพห้าหมื่นนายจบชีวิตลงที่ภูเขาเวิ่งทั้งหมด แคว้นต้าจิ้นก็จะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของแคว้นซีเหลียงและหนานเยี่ยน พวกเขาจะขยำอย่างไรก็ได้!

ทว่า หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งรัชทายาทของเขาก็จะมั่นคง ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า!

หากพ่ายแพ้ เขาคงไม่ได้เป็นรัชทายาทอีกต่อไป!

“องค์ชายจะทรงลังเลไม่ได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อคุกเข่าอ้อนวอนเสียงดัง

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเช่นเดียวกัน หญิงสาวกล่าวอย่างหนักแน่น “ครั้งนี้ ไม่ว่าองค์ชายจะทรงอนุญาตให้กระหม่อมออกรบหรือไม่ กระหม่อมก็ต้องไปอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นคนวางแผนการรบในครั้งนี้! กระหม่อมไม่อาจทนเห็นทหารนับหมื่นต้องจบชีวิตลงเพราะความผิดพลาดที่หลุมโพรงกลางภูเขาเวิ่งได้ ไม่อาจทนเห็นกองทัพไป๋ที่เหลืออยู่โดนอวิ๋นพั่วกวาดล้างจนหมดสิ้นจนเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตได้พ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทกำหมัดแน่น นึกถึงแผนการที่ไป๋ชิงเหยียนเสนอเมื่อคืนและเช้าวันนี้ นึกถึงเรื่องที่เจิ้นกั๋วกง ไป๋เวยถิงผู้ไม่เคยรบพ่ายแพ้กล่าวชมไปชิงเหยียนว่าเป็นยอดนักรบ เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะให้ไป๋ชิงเหยียนไป๋ออกรบ!

รัชทายาทประคองไป๋ชิงเหยียนให้ลุกขึ้น มอบตราทัพในมือให้ไป๋ชิงเหยียน “เช่นนั้น…ลำบากคุณชายไป๋แล้ว! เราจะสั่งให้คนไปรวบรวมทหารสองพันนายที่คุ้มกันเมืองหวั่นผิงมา กองทัพของแคว้นต้าจิ้นทั้งหมดที่อยู่ที่ภูเขาเวิ่งให้ฟังคำสั่งของคุณชายไป๋เพียงคนเดียว!”

“องค์รัชทายาทไม่ต้องลำบากหรอกพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่เหยียนจะมาที่นี่เหยียนสั่งให้แม่ทัพรวบรวมกำลังทหารรอคำสั่งขององค์รัชทายาทแล้ว! ทว่า องค์รัชทายาทเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ เป็นผู้นำของแคว้น ทหารของเมืองหวั่นผิงจะไปออกรบทั้งหมดไม่ได้! ต้องเหลือไว้คุ้มครององค์รัชทายาทหนึ่งพันนายพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเยินยอจบ จึงหยิบตราทัพออกมาพลางกล่าว “รัชทายาทได้โปรดรับสั่งให้ค่ายหู่อิงแห่งกองทัพไป๋ติดตามกระหม่อมไปยังหุบเขาเวิ่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ หากศึกครั้งนี้ไม่ชนะ ไป๋ชิงเหยียนจะถือศีรษะมาพบองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์รัชทายาท ที่คุณชายไป๋กล่าวมามีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ!” ที่ปรึกษาฟางเหล่ากล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทเป็นผู้นำของแผ่นดิน ต้องมีคนคอยคุ้มครองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทขบกรามแน่น สงครามกระชั้นชิด เขาไม่อาจถ่วงเวลาได้ ต่อให้ต้องป้องกันไป๋ชิงเหยียน ทว่า รอให้ชนะในศึกครั้งนี้ก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน…

“ค่ายหู่อิงอยู่รอฟังคำสั่งห่างจากเมืองออกไปครึ่งลี้ เจ้านำพวกเขาไปเถิด!” รัชทายาทกล่าว

“ไป๋ชิงเหยียนจะทำเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ!” กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนเร่งฝีเท้าออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

รัชทายาทมองดูแผ่นหลังองอาจนั้น เขาเดินตามไปด้านหน้าสองสามก้าวอย่างอดไม่ได้ เห็นไปชิงเหยียนเดินออกไปจากจวน โยนตราทัพในมือให้ไป๋จิ่นจื้อจากนั้นก้าวขึ้นหลังม้า กล่าวเสียงหนักแน่น

“ไป๋จิ่นจื้อจงรีบนำตราทัพไปที่ค่ายทหาร นำทหารหนึ่งพันนายติดตามข้าไปสังหารศัตรูที่หุบเขาเวิ่ง!”

“ไป๋จิ่นจื้อน้อมรับบัญชา!” ไป๋จิ่นจื้อกำตราทัพในมือแน่น ขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็ว

“คุณชาย!” เซียวรั่วไห่โยนหอกเงินในมือให้ไป๋ชิงเหยียน

หญิงสาวรับหอกเงินด้วยมือข้างเดียว สะพายคันธนูเซ่อรื้อไว้ด้านหลัง ควบม้าทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

รัชทายาทรู้สึกร้อนผ่าวในลำคอ นี่คือไอสังหารยามออกรบของแม่ทัพตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ!

สง่างามเต็มไปด้วยบารมี ทุกคำสั่งที่ออกมาจากปากของนางเต็มไปด้วยความปลุกใจ ทำให้ทุกคนพร้อมติดตามนางไปสังหารศัตรู!

ฉินซ่างจื้อยืนกำหมัดแน่นอยู่ด้านหลังรัชทายาท

ฉินซ่างจื้อเพิ่งเคยมาสนามรบเป็นครั้งแรก เห็นท่าทีองอาจของไป๋ชิงเหยียนก็อดนึกไม่ได้ว่า…หากฮ่องเต้ทรงเชื่อใจในความจงรักภักดีของตระกูลไป๋ ปล่อยให้ตระกูลไป๋มีชีวิตอยู่ต่อไป ยามบุรุษตระกูลไป๋อยู่ในสนามรบจะองอาจสักเพียงใดกันนะ! อย่าว่าแต่กองทัพของซีเหลียงเลย ครอบครองทั้งใต้หล้าก็คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา

ตระกูลนักรบที่สืบทอดมาร้อยกว่าปีของตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงรุ่งเรือง และมีเกียรติยศมากที่สุดในยุคของไป๋เวยถิง ลูกหลานมากมายไม่มีผู้ใดไร้ประโยชน์เลยสักคน ทุกคนมีปณิธานที่แรงกล้า ทุกรุ่นมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ออกรบเพื่อรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว! ทว่า เจ้านายของพวกเขากลับไม่มีปณิธานยิ่งใหญ่ที่อยากจะครอบครองใต้หล้า ดังนั้นฮ่องเต้จึงหวาดระแวงในตัวตระกูลไป๋!

นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดตระกูลไป๋จึงต้องตาย

น่าเสียดาย! น่าเสียดายมากจริงๆ!

เซียวรั่วเจียงขี่ม้าติดตามไป๋ชิงเหยียนออกไปจากเมือง มุ่งตรงไปยังจุดที่ห่างจากเมืองออกไปครึ่งลี้

เนินเขาที่ห่างจากเมืองครึ่งลี้ ทหารที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณกู่เซ่าของค่ายหู่อิงสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน ขณะสนทนากันเรื่องเสียงสัญญาณกู่เซ่าที่พวกเขาได้ยินเมื่อคืนว่าให้รอฟังคำสั่ง ก็ได้ยินทหารลาดตระเวนกล่าวว่ามีม้าเร็วมุ่งตรงมาทางนี้

เหล่าทหารค่ายหู่อิงต่างพากันลุกขึ้นยืน กุมเชือกม้าในมือแน่นพลางมองไปยังต้นเสียง

เสิ่นเหลียงอวี้รองผู้นำค่ายหู่อิงที่นั่งคาบฟางเส้นหนึ่งอยู่ในปากใต้ต้นไม้ลุกขึ้นยืนทันที เขาหรี่ตามองไปยังที่ไกลๆ เบื้องหน้า ชายหนุ่มในชุดเกราะสีเงินอยู่บนหลังม้า ในมือถือหอกหงอิงสีเงิน!

เสิ่นเหลียงอวี้รู้สึกคุ้นเคยกับร่างนั้นเป็นอย่างมาก เขาคายฟางที่คาบอยู่ในปากทิ้งพลางเดินไปด้านหน้าสองก้าว เหมือนว่าเคยเห็นที่ใดมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก จนเมื่อม้าควบเข้ามาใกล้ คนบนหลังม้ากระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลงอย่างแรง ม้ายกขาหน้าทั้งสองขึ้นกลางอากาศอย่างตกใจ เสิ่นเหลียงอวี้จึงเบิกตาโพลง

“เสี่ยว…เสี่ยวไป๋ไซว่!”

ทหารเก่าแก่ของค่ายหู่อิงได้ยินเสียงอุทานของเสิ่นเหลียงอวี้ เมื่อเห็นว่าเป็นไป๋ชิงเหยียน ต่างพากันตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

“เสี่ยวไป๋ไซว่! เสี่ยวไป๋ไซว่กลับมาแล้ว!”

ไป๋ชิงเหยียนที่อยู่บนหลังม้ากำบังเหียนแน่น เมื่อขาหน้าทั้งสองข้างของม้าศึกเหยียบลงบนพื้น ดวงตาคบกริบของหญิงสาวกวาดมองไปยังทหารทุกคนของค่ายหู่อิงที่เหลืออยู่เพียงร้อยกว่านาย กล่าวออกมาเสียงดัง

“ข้าคือบุตรสาวคนโตของรองแม่ทัพไป๋ฉีซานแห่งกองทัพไป๋ ไป๋ชิงเหยียน วันนี้กองทัพของเราทำศึกกับกองทัพซีเหลียงอยู่ที่ภูเขาเวิ่ง สถานการณ์คับขัน ผู้ที่กล้าบุกไปสังหารศัตรูเพื่อช่วยเหลือพี่น้องร่วมแคว้น จงขี่ม้าตามข้าไปยังภูเขาเวิ่งเดี๋ยวนี้!”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหันม้าควบจากไปพร้อมเซียวรั่วไห่อย่างรีบร้อน

วินาทีที่เสิ่นเหลียงอวี้มองเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียน ขอบตาของเขาร้อนผ่าวในทันที เลือดร้อนในกายพุ่งพล่านไปทั้งร่าง เขากระโดดขึ้นหลังม้าพลางตะโกนออกมาเสียงดัง

“เสิ่นเหลียงอวี้ขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนวันตาย! ค่ายหู่อิง! ขึ้นม้า!”

ทหารกล้าของค่ายหู่อิงที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระเบียบ กระโดดขึ้นหลังม้า ตวัดแส้ควบตามหลังไปชิงเหยียนไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงเหยียนที่ควบม้าเร็วไปยังภูเขาเวิ่งไปรวมตัวกับกองกำลังเสริมหนึ่งพันนายของเมืองหวั่นผิงที่ไป๋จิ่นจื้อเป็นผู้นำทัพระหว่างทางไปภูเขาเวิ่ง

ไป๋จิ่นจื้อควบม้าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่!”

“นำธงมาหรือไม่!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปถามไป๋จิ่นจื้อที่ควบม้าตามมา

“พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ นำมาครบหมดแล้ว!” ไป๋จิ่นจื้อรับประกัน

“เสิ่นเหลียงอวี้!” ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปตะโกนเรียก

เสิ่นเหลียงอวี้ได้ยินไป๋ชิงเหยียนตะโกนเรียกเขาจึงรีบควบม้าเข้าไปหา รับคำด้วยเสียงตื่นเต้น “ข้าอยู่นี่ขอรับ!”

“เจ้าจงนำทหารค่ายหู่อิงปีนขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งเป็นทางออกระหว่างหุบเขาเวิ่งและยอดเขาจิ่วชวี ยิงธนูสังหารทหารซีเหลียงเพื่อคุ้มกันพวกข้า นำธงของกองทัพไป๋ไปปักไว้บนจุดที่สูงและเด่นที่สุด ประกาศศักดากองทัพของเรา!”