ตอนที่ 175 ยึดครองใต้หล้า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 175 ยึดครองใต้หล้า
เซียวหรงเหยี่ยนผู้สุขุมอ่อนโยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนจากที่ไกลๆ

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าทำความเคารพตอบชายหนุ่มเช่นเดียวกัน หญิงสาวมองส่งเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นไปบนรถม้า

จากกันวันนี้ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อใด หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น นางและเขาจะยังไม่กลายเป็นศัตรูกัน

“พี่หญิงใหญ่ ไม่ไปกล่าวอันใดกับเซียวเซียนเซิงหน่อยหรือเจ้าคะ เซียวเซียนเซิงกำลังจะจากไปแล้วนะเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวเสียงเบา

หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ

ช่วงปลายของยามเหม่า[1] กองทัพใหญ่ออกเดินทางตามแผนที่ไป๋ชิงเหยียนวางไว้ ไป๋ชิงเหยียนนอนหลับพักผ่อนออมแรงเอาไว้

องค์รัชทายาทยืนมองส่งกองทัพห้าหมื่นนายที่เขานำมาค่อยๆ ทยอยออกจากเมืองมุ่งหน้าไปยังสนามรบอยู่บนกำแพงสูง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้สวรรค์คุ้มครองให้พวกเขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้!

แม้องค์รัชทายาทไม่เคยนำทัพออกรบในสงครามเลยสักครั้ง ทว่า เขาก็รู้ดีว่าหลังจากที่บุรุษทั้งหมดของจวนเจิ้นกั๋วกงเสียชีวิตลงหมดแล้ว ทหารของแคว้นต้าจิ้นล้วนเสียขวัญไปตามๆ กัน มีเพียงการเอาชนะด้วยกำลังที่น้อยกว่าในสงครามครั้งนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเรียกขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารกลับมาได้ จึงจะข่มบารมีของซีเหลียงและหนานเยี่ยนได้

หลังจากกองทัพกองสุดท้ายเดินทางออกจากเมือง องค์รัชทายาทหันกลับไปถามเฉวียนอวี๋ขันทีรับใช้ข้างกาย “ตอนนี้คุณหนูใหญ่กำลังทำสิ่งใดอยู่”

“ทูลฝ่าบาท ได้ยินว่าหลังจากที่คุณหนูใหญ่กลับไป นาง…นอนหลับทันทีพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋กล่าวยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่ต้องมั่นใจว่าครั้งนี้เราต้องได้รับชัยชนะแน่พ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นนางจะกล้านอนหลับได้อย่างไร องค์ชายวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ สงครามครั้งนี้ต้องชนะอย่างแน่นอน เมื่อนั้นชื่อเสียงขององค์ชายก็จะเลื่องลือไปทั่วทั้งใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์รัชทายาทบีบมือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อแน่น หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น…

องค์รัชทายาทคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกำชับเฉวียนอวี๋ “เดี๋ยวส่งคนมาเฝ้าประตูเมืองเอาไว้ หากค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋กลับมา จงขวางพวกเขาไว้ ให้ค่ายหู่อิงรอฟังคำสั่งอยู่ที่นอกเมืองก่อน ห้ามเข้ามาในเมืองเด็ดขาด!”

เมื่อฉินซ่างจื้อได้ยินก็ทราบได้ทันทีว่าองค์รัชทายาทต้องการขัดขวางไม่ให้ค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋พบกับไป๋ชิงเหยียน

“องค์ชาย! กระหม่อมคิดว่าองค์ชายน่าจะทำตามคำแนะนำของคุณหนูไป๋เมื่อคืน ขอกำลังเสริมจากเมืองผิงหยาง ส่วนหนึ่งลอบไปทำลายเสบียงของซีเหลียง อีกส่วนไปที่อำเภอเฟิงเพื่อกดดันหนานเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซ่างจื้อกำหมัดคารวะพลางกล่าวอย่างหนักแน่น

“ไม่ได้!” ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์รัชทายาทส่ายหน้า “กองทัพของเมืองผิงหยางมีไว้เพื่อข่มบารมีของหนานเยี่ยน หากเรียกใช้กองทัพของเมืองผิงหยางแล้วต้าเยี่ยนรู้ว่าแคว้นต้าจิ้นของพวกเราทำสงครามกับทั้ง

ซีเหลียงและหนานเยี่ยน พวกเขาอาจเข้ามาร่วมด้วย! ดังนั้นห้ามยุ่งกับกองกำลังทหารที่เมืองผิงหยางเด็ดขาด”

ฉินซ่างจื้อหงุดหงิดใจ เถียงด้วยเหตุผล “ต้าเยี่ยนถูกต้าจิ้นรุกรานจนกลายเป็นแค่แคว้นยากจนแล้ว ปีที่แล้วต้าเยี่ยนประสบปัญหาอุทกภัยแล้วตามมาด้วยภัยแล้ง หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้นไปพวกเขาไม่มีแม้แต่เมล็ดข้าวกิน ชาวบ้านแคว้นต้าเยี่ยนจะผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวนี้ไปได้หรือไม่ยังมิอาจรู้ได้ ปีที่แล้วยังขอความช่วยเหลือจากทุกแคว้นอยู่เลย พวกเขาจะมีเวลามาวุ่นวายกับพวกเราได้อย่างไรกัน!”

ที่ปรึกษาอาวุโสลูบเคราของตัวเองน้อยๆ มองไปทางฉินซ่างจื้อด้วยท่าทีหยิ่งผยอง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผู้นำของแคว้นต้าเยี่ยนมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก เรามิอาจดูหมิ่นได้ นี่คือสิ่งที่ฉินเซียนเซิงคอยกำชับองค์ชายอยู่เรื่อยมามิใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงกล่าวว่าต้าเยี่ยนอาจไม่รอดจากช่วงฤดูหนาวนี้ไปได้เล่า ถ้อยคำของฉินเซียนเซิงขัดแย้งกันเองเช่นนี้เพราะอายุยังน้อยอยู่สินะ!”

ฉินซ่างจื้อขบกรามแน่น ได้แต่หันไปมององค์รัชทายาท “องค์ชาย! โปรดตัดสินพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง องค์รัชทายาทจึงกล่าวกับฉินซ่างจื้อ “เราทราบดีว่าฉินเซียนเซิงหวังดีต่อเรา ทว่า ฉินเซียนเซิงอายุยังน้อย ต้องเรียนรู้จากฟางเหล่าอีกมาก!”

ฉินซ่างจื้อ “…”

ไป๋ชิงเหยียนตื่นขึ้นมาในช่วงกลางวัน มีรายงานสถานการณ์รบเข้ามาไม่หยุดหย่อน

ไป๋จิ่นจื้อร้อนใจเป็นอย่างมาก นางอยากไปสืบสถานการณ์ที่ด่านหน้าแต่โดนไป๋ชิงเหยียนบังคับให้อยู่รับประทานอาหารกลางวันอย่างเงียบๆ

ยามเซิน[2] ทหารเลือดท่วมตัวสามคนขี่ม้าเร็วเข้ามาในเมืองหวั่นผิงมุ่งตรงไปยังจวนที่ว่าการ พวกเขาลงมาจากหลังม้าอย่างสะบักสะบอม ขุนนางที่เฝ้าอยู่หน้าจวนที่ว่าการรีบประคองพวกเขาเข้าไปด้านในทันที

เมื่อเห็นองค์รัชทายาท ทหารที่เลือดท่วมกายรีบร้องตะโกน “องค์รัชทายาท กระหม่อมไร้ความสามารถพ่ะย่ะค่ะ กองกำลังทหารห้าพันนายที่ดักซุ่มโจมตีอยู่ที่หลุมโพรงกลางหุบเขาเวิ่งและกองกำลังทหารยอดฝีมือหนึ่งหมื่นนายที่หลอกล่อกองทัพซีเหลียงเข้าไปในหลุมโพรงถูกทหารซีเหลียงสังหารทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ทหารซีเหลียงรู้ว่าตัวเองติดกับดักจึงพากันโห่ร้องบุกกลับไปยังจุดซุ่มโจมตีที่หุบเขาเวิ่งทางด้านตะวันออกเพื่อสังหารกองทัพเสริมของแคว้นต้าจิ้นทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อองค์รัชทายาทได้ยินเช่นนั้น ร่างทั้งร่างล้มพับลงบนเก้าอี้ทันที ตะโกนสั่งเฉวียนอวี๋ด้วยใบหน้าซีดเผือด “เร็ว ไปตามคุณชายไป๋มาเร็ว!”

“รั่วเจียงให้คนส่งข่าวมาว่าหลังจากที่ค่ายหู่อิงกลับมา พวกเขาถูกองค์รัชทายาทกันตัวให้รออยู่ที่นอกเมือง ไม่ให้เข้ามาในเมือง! น่าจะเพื่อป้องกันไม่ให้ค่ายหู่อิงพบกับคุณหนูใหญ่ขอรับ!” เซียวรั่วไห่โน้มกายกระซิบข้างใบหูของไป๋ชิงเหยียนด้วยเสียงเบาหวิว

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อตะโกนพลางพุ่งตัวเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน นางเหนื่อยหอบเพราะวิ่งเร็วเกินไป “แม่ทัพหวังที่นำทหารไปดักซุ่มโจมตีอยู่ที่หลุมโพรงกลางหุบเขาเวิ่งกลับมาแล้วเจ้าค่ะ แพ้แล้วเจ้าค่ะ! กองทัพซีเหลียงบุกกลับไปยังจุดโจมตีทางฝั่งตะวันออกของหุบเขาเวิ่งแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนจับที่วางแขนของเก้าอี้แน่น เงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

หญิงสาวกันฟันแน่น ลุกขึ้นยืนพลางกล่าว “เสี่ยวซื่อ หรู่ซยง เปลี่ยนชุด!”

เวลามาถึงแล้ว!

กองทัพไป๋ของตระกูลไป๋จะเปลี่ยนแซ่ไม่ได้เด็ดขาด!

ฮ่องเต้ทรงหวาดกลัวว่าตระกูลไป๋จะสร้างกองทัพไป๋ไว้เป็นกองทัพส่วนตัวไม่ใช่หรืออย่างไร! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป…กองทัพไป๋จะเป็นกองทัพส่วนตัวของตระกูลไป๋เท่านั้น!

“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดคารวะ จากนั้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เซียวรั่วไห่ลำคอตีบตัน เลือดพลุ่งพล่านจนไหล่สั่นไหวน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง ขอบตาร้อนผ่าว กำหมัดแน่น วันนี้เขาจะลบล้างความอัปยศทั้งหมด ให้ซื่อจื่อไป๋ฉีซานที่อยู่บนสวรรค์รับรู้ว่าเขากลับมาแล้ว!

เฉวียนอวี๋พาองครักษ์จำนวนหนึ่งขี่ม้าเร็วจากจวนที่ว่าการไปยังค่ายทหาร เขาร้อนใจจนเกือบพลัดตกลงมาจากหลังม้า เจ็บจนใบหน้าซีดเผือด โดนทหารหน้าค่ายทหารช่วยประคองขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

“เร็ว! องค์ชายเรียกพบคุณชายไป๋ด่วน! รีบไปตามคนมาเร็ว!” เฉวียนอวี๋ปัดมือของทหารที่ช่วยพยุงออก “รีบไปสิ!”

“ไม่ต้องแล้ว!”

น้ำเสียงนิ่งขรึมของไป๋ชิงเหยียนดังขึ้น เฉวียนอวี๋เงยหน้ามองเข้าไปในค่ายทหาร

เห็นเพียงไป๋ชิงเหยียนในชุดเสื้อเกราะสีเงินคลุมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมสีแดง มือหนึ่งถือหอกยาว ท่วงท่าองอาจสง่างาม ฝีเท้ามั่นคงหนักแน่น เดินตรงเข้ามาหาเขา รอบกายเต็มไปด้วยไอสังหาร

คุณหนูใหญ่ไป๋ในสายตาของเฉวียนอวี๋เป็นคนอ่อนโยนมีมารยาท เขาไม่เคยเห็นตอนที่รอบกายของ

ไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยไอสังหารเช่นนี้ วันนี้เห็นไป๋ชิงเหยียนอยู่ในชุดเกราะตัวหนา เขาตะลึงไปกับไอสังหารที่พร้อมยึดครองใต้หล้าของคุณหนูใหญ่จนร่างกายชาวาบไปทั้งร่าง

ไป๋จิ่นจื้อและเซียวรั่วไห่ที่อยู่ในชุดเกราะเตรียมออกรบเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียน ดวงตาของทั้งสองคนนิ่งขรึม ทว่าแววตาเป็นประกายแรงกล้าที่จะได้ออกรบ

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากค่ายทหาร กระโดดขึ้นไปบนหลังม้าที่เฉวียนอวี๋ขี่มา ก้มมองลงมา มือหนึ่งกุมบังเหียนม้าเอาไว้ กล่าวด้วยแววตาเย็นชา “ขอยืมม้าสักหน่อย!”

ไม่รอให้เฉวียนอวี๋พยักหน้า ไป๋ชิงเหยียนควบม้าจากไปทันที เซียวรั่วไห่และไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าที่องครักษ์ขี่มาตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ

เฉวียนอวี๋ที่ถูกประคองขึ้นมามองตามแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนไป ใจของเขาเต้นรัว รีบกล่าวขึ้น “เร็วๆ รีบพยุงข้าขึ้นม้าเร็วเข้า!”

องค์รัชทายาทที่อยู่ในจวนที่ว่าการเดินวนไปมาระหว่างแผนที่กับหน้าประตูอย่างกระวนระวาย ไม่เห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนมาเสียที เขาจึงหันกลับไปถามที่ปรึกษาทั้งสามคน “พวกท่านมีแผนอันใดหรือไม่”

“องค์ชายควรให้คุณชายไป๋นำทหารสองพันนายของเมืองหวั่นผิงขี่ม้าเร็วไปยังจุดซุ่มโจมตีทางทิศตะวันออกของหุบเขาเวิ่งพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซ่างจื้อกล่าว “ขอแค่คุณชายไป๋ต้านกองทัพใหญ่ของซีเหลียงไว้ได้ ไม่ให้พวกเขากลับไปช่วยกองทัพซีเหลียงที่อยู่ในหุบเขา พวกเราอาจมีทางชนะพ่ะย่ะค่ะ!”

———————————————

[1] ยามเหม่า เวลาระหว่าง 05.00 – 07.00 นาฬิก

[2] ยามเซิน เวลาระหว่าง 15.00-17.00 นาฬิกา