บทที่ 202 จะเอามือข้างใน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 202 จะเอามือข้างใน

เพี๊ยะ!

เสียงตบดังเสียดก้องหู ดังขึ้นมาอย่างหนักหน่วง

มู่เซ่งใช้หลังมือตบกกหูของเธออีกครั้ง ตบจนในหูของถงเสว่หงดังวิ๊งๆ หากไม่เป็นเพราะห้องเล็กแคบ เธอคงถอยหลังไปชนกำแพงแล้ว เกรงว่าคงจะเหมือนกับจ้าวเหมยแหมย ที่ล้มลงกองกับพื้น

“แก แก้เชือกออกแล้วงั้นหรอ!”ถงเสว่เหมยตกใจมาก

“คิดไม่ถึงว่า เธอจะเกลียดฉันขนาดนี้ รู้อย่างงี้ ฉันน่าจะจัดการเธอตั้งแต่ที่อำเภอซานเซี่ยงซะ”มู่เซิ่งถอนหายใจ

“พี่เจียง เขาแก้เชือกออกแล้ว พี่รีบให้ลูกน้องจัดการไอ้เศษสวะนี่ซะสิ!”ถงเสว่เหมยหน้าซีดเผือด ชี้ตะโกนไปที่มู่เซิ่ง แต่รอเธอหันกลับมา ถึงพบว่าเจียงหงไม่รู้ว่าเมื่อไร คุกเข่าอยู่ใต้เท้าของมู่เซิ่ง

“พี่มู่ คำขอของพี่ ผมทำให้หมดแล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ปล่อยชีวิตหมาๆอย่างผมไปเถอะ!”เจียงหงคุกเข่าลงกับพื้น แล้วใช้หัวโขกพื้นคำนับเหมือนโขกกระเทียม

“กะ แก……”

ถงเสว่เหมยงงเป็นไก่ตาแตก

ทำไมมเจียงหงถึงคุกเข่าต่อหน้าของมู่เซิ่ง ทำไมเขาถึงมีท่าทางหวาดกลัวแบบนี้?มู่เซิ่งเป็นแค่คนไม่เอาไหนเองไม่ใช่หรอ!

ตอนนี้จ้าวเหมยเหมย ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว เจียงหงไม่ได้จับตัวมู่เซิ่งมาด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะให้ความร่วมมือกับมู่เซิ่ง ถึงได้พาเขามาที่นี่!

“เจียงหง แกรับเงินของเราไป มีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้ไม่ทราบ!”จ้าวเหมยเหมยพูดอย่างโมโห

“เงิน?กูไม่อยากได้เงินหนึ่งหมื่นนั้นของแกหรอกนะ?”เจียงหงล้วงเงินหนึ่งหมื่นออกมาจากกระเป๋า แล้วฟาดใส่หน้าของจ้าวเหมยเหมย

จ้าวเหมยเหมยไม่รู้ว่ามู่เซิ่งจะทำอะไร แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เธอเข้าใจดี ตนไม่มีทางทำอะไรมู่เซิ่งต่อไปได้ ทำได้แค่พูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า“ไอ้เหี้ย ไอ้เศษสวะ ครั้งนี้ถือว่าแกเหี้ยมจริงๆ!”

เธอพาถงเสว่เหมยหนีไป แต่กลับถูกชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูขวางเอาไว้

“ล่วงเกินเจ้านายของฉัน คิดอยากจะหนีไปอีกงั้นหรอ?”จางเสวียนหลงพูดอยู่หน้าประตู

“แล้วยังไงล่ะ?ก็แค่ไอ้เศษสวะคนหนึ่ง หรือมันกล้าฆ่าฉันล่ะ?”จ้าวเหมยเหมยพูดอย่างรนหาที่ตาย

มู่เซิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า“จางเสวียนหลง ส่งลุงถงออกไปเถอะ”

มู่เซิ่งเป็นคนแยกแยะบุญคุณข้าวแดงแกงร้อน ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าถงมู่จะดูถูกตนเอง แต่ในเรื่องแบบนี้ เขายังคงอยู่ในท่าทีที่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นไม่ว่าผลจะเป็นยังไง มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

“มู่เซิ่ง ฉัน……”ถงมู่ตกตะลึง

“หึ พวกเธออยากตาย หรือคุณอยากอยู่ต่อเพื่อตายไปพร้อมกับพวกเธอล่ะ?”จางเสวียนหลงทำเสียงหึ ในน้ำเสียงของเขา มีความน่าเกรงขามที่ไม่สามารถต้านทานได้

ถงมู่หดลำคอลง ไม่กล้าพูดอะไรมาก แล้วถูกจางเสวียนหลงพาออกไป

“คุณถงครับ เรื่องราวในวันนี้ หวังว่าคุณจะทำเป็นมองไม่เห็น”หลังจากออกจากบ้านพัก จางเสวียนหลงก็พูดกับถงมู่

“มู่เซิ่งเขา น่าจะไม่ทำอะไรเมียผมใช่ไหมครับ?”ถงมู่ถาม“ถึงยังไง เธอก็เป็นป้าสะใภ้ของมู่เซิ่งนะ……”

ป้าสะใภ้?

จางเสวียนหลงขำพรืด

ในตอนที่จ้าวเหมยเหมยบอกว่าจะลงมือกับเจียงหว่าน ความสัมพันธ์ ก็ได้แปลเปลี่ยนเป็นเรื่องที่น่าขันแล้ว

เขาไม่คิดว่า จ้าวเหมยเหมยจะมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้

“บางเรื่อง ไม่ควรเข้าไปยุ่งคุณก็อย่าฝืนยุ่งเลย คุณถงครับ ผมขอเตือนคุณให้ออกจากเจียงหนานโดยเร็วเถอะ”จางเสวียนหลงกล่าว

เดิมทีถงมู่เป็นคนไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอะไร แต่เพราะนังเมียแพศยานั่น ทำให้สุดท้ายหมดตัวไม่เหลืออะไร พูดจากอีกมุมหนึ่งก็คือ ถือได้ว่าน่าสมเพชมาก

“ผมจะกลับไปตอนนี้แหละครับ ที่อำเภอซานเซี่ยง อย่างน้อยผมก็ยังพอมีงานทำ”ถงมู่ทำสีหน้าเหนื่อยใจ แล้วพยักหน้า

ผลลัพธ์ของวันนี้ เขาถึงได้แค่ปล่อยให้จ้าวเหมยเหมยถูกทำอะไรตามอำเภอใจ เดินทางกลับอำเภอซานเซี่ยง ตั้งใจทำงาน

ภายในห้องเช่า

เมื่อถงมู่กับจางเสวียนหลงเดินจากไป ภายในห้องเช่าก็อยู่ในความเงียบงัน จ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมยทั้งสองคนขดตัวอยู่ที่ปลายเตียง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

“ได้ยินถงเสว่เหมยพูดว่า แกอยากไปหาเจียงหว่านก่อนงั้นหรอ?”มู่เซิ่งพูดกับเจียงหง

เจียงหงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาสะดุ้ง คิดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งจะมาคิดบัญชีกับเขาก่อน

แต่เขาไม่กล้าตอบโต้ ได้แต่ส่ายหัวไปมาเหมือนของเล่นป๋องแป๋ง“พี่มู่ ผมสำนึกผืดแล้ว ไว้ชีวิตผมเถอะ!”

“มือข้างไหน?”มู่เซิ่งถามกลับ

เจียงหงตัวสั่น แล้วกล่าว“ผมเอามือขวาครับ”

สายตาของมู่เซิ่งสงบ“ได้ เก็บมือขวาไว้ที่นี่แล้วกัน”

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่รบกวนให้พี่มู่ลงมือหรอกครับ”

เจียงหงหนังตากระตุก เขาคิดว่าจะสามารถรักษามือขวาไว้ได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขามีชีวิตรอดออกไปได้ แค่นี้ก็พอแล้ว เขาจึงรีบหยิบมีดพกสปริงขึ้นมาหนึ่งด้าม แทงไปที่มือ โดยไม่ไม่พูดพร่ำทำเพลง!

เสียงดังรึ เลือดไหลออกไม่หยุด

จ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมยตกใจมาก เอาสองมือกอดหัวไว้ แล้วกรีดร้องเสียงดัง

มู่เซิ่งนั่งมองดูฉากนี้ อย่างไม่รู้สึกอะไร

เจียงหงเจ็บจนกัดฟันกรอด แต่มู่เซิ่งไม่ได้พูดอะไร เขาไม่กล้าลุกขึ้น ชักมีดพาสปริงออกมา แล้วแทงเข้าไปในมืออีกครั้ง

ครั้งแล้วครั้งเล่า แทงจะมือของเขาเป็นรูโบ๋ เขาถึงได้ยินเสียงของมู่เซิ่งดังเข้ามาในหูว่า“พอได้แล้ว”ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ปล่อยมือลง มือและมีดพกสปริงของเขาตกลงที่พื้นพร้อมกัน

เขาคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วเอาหัวโขกคำนับให้มู่เซิ่งพลางกล่าวว่า“ขอบคุณครับพี่มู่ที่ไว้ชีวิตผม จากนี้ไป ผมจะไม่โผล่หัวมาให้พี่มู่เห็นหน้าอีกครับ”

เจียงหงไม่มองดูมือที่ตกอยู่ที่มือด้วยซ้ำ เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอย่างโซซัดโซเซ เลือดหยดไหลเป็นทาง!

ในเมื่อมู่เซิ่งบอกว่าจะเก็บมือขวาของเขาไว้ที่นี่ เขาก็จะต้องเอาไว้ที่นี่ หากกล้าที่จะเอาไปด้วย เกรงว่าจะไม่มีชีวิตรอดออกไปได้!

จ้าวเหมยเหมยมองดูฉากนี้ แทบจะตกใจจนสลบไป สถานการณ์แบบนี้ล้วนปรากฏอยู่ในหนังภาพยนตร์เท่านั้น เธอไม่เคยพบเห็นกับตามาก่อน เลือดสดๆสีแดงฉาน เสียงแทงลูกตาของเธอเป็นอย่างมาก!

ไอ้คนไม่เอาไหน?

ไอ้เศษสวะแมงดาที่เกาะผู้หญิงกิน?

คำจำกัดความนี้ ตอนนี้พอมันมาอยู่บนตัวของมู่เซิ่ง กลับน่าขันสิ้นดี

“คุณคิดว่า ผมไม่กล้าฆ่าคุณงั้นหรอ?”มู่เซิ่งหันกลับมา พูดกับจ้าวเหมยเหมย

“ฉัน……”

จ้าวเหมยเหมยถึงกับเข่าอ่อน เสียงเข่าตกกระทบพื้นดังตุ๊บ คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของมู่เซิ่ง

ตอนนี้เธอตกใจจนวิญญาณหลุดออกจากร่างตั้งนานแล้ว แม้แต่เจียงหงที่เป็นนักเลงใหญ่ในสายตาของเธอ ยังต้องเสียมือข้างหนึ่งถึงจะออกไปจากที่นี่ได้ มู่เซิ่งโหดร้ายขนาดนี้ ถึงจะฆ่าเธอไป ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรหรอก

“มู่เซิ่ง ฉันเป็นน้องสาวของจ้าวหลินนะ เป็นพี่น้องกับแม่ยายของนาย ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ”จ้าวเหมยเหมยคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร้องเสียงหลงแทบขาดใจ

ถงเสว่เหมยเหมือนกับคนเสียสติ นั่งอยู่ข้างๆ ในเวลาแบบนี้ เธอไม่มีความกล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมา

เวลานี้เอง จางเสวียนหลงที่ไปส่งถงมู่ ก็กลับเข้าในห้องแล้ว เขายืนอยู่ข้างๆมู่เซิ่งอย่างนอบน้อม ราวกับลูกน้องคนหนึ่งยังไงอย่างงั้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียว

“ผมเคยปล่อยพวกคุณไปถึงสองครั้งแล้ว แต่สุดท้ายพวกคุณก็รนหาที่ตาย ก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน”มู่เซิ่งพูดอย่างไม่แยแส

จ้าวเหมยเหมยตกใจมาก คุกเข่าตะโกนอยู่ที่พื้น“มู่เซิ่ง นี่ไม่ใช่ความคิดของฉันนะ เป็นถงเสว่เหมย เธอเป็นคนหาเจียงหงให้มาต่อกรกับนาย เจียงหงเป็นแฟนเก่าของลูกสาวฉัน ไม่อย่างงั้น ถึงฉันจะไปหาเจียงหง ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”

“แม่คะ แม่พูดอะไรอยู่น่ะ หนูเป็นลูกสาวแม่นะ”

ถงเสว่เหมยที่ได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกตกใจมาก สิ่งที่แม่ของเธอพูด เห็นได้ชัดว่าพูดเพื่อปกป้องตัวเอง แล้วโยนความผิดมาให้เธอเต็มๆ!