ตอนที่ 512 ไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแพทย์

แปล Tarhai

“วันนี้คุณมีธุระหรือ ?”

ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “จางเหมียวชุนที่เราเจอเมื่อวันนั้นโทรมาขอให้ฉันไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่มหาวิทยาลัยแพทย์”

จางเหมียวชุน ?

หลินเสวี่ยรู้สึกทึ่งและแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าเธอรู้จักจางเหมียวชุน เขาคืออาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยแพทย์และเป็นประธานสมาคมแพทย์แผนจีนอีกด้วย

หลินเสวี่ยรู้สึกตกใจที่คนมีชื่อเสียงและมีฐานะอย่างจางเหมียวชุนจะเชิญฉิงเฟิงไปเป็นศาสตราจารย์พิเศษ

หลินเสวี่ยจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอจึงรู้ว่าศาสตราจารย์มีความสำคัญเพียงใด ศาสตราจารย์มีฐานะสูงที่สุด สูงกว่าอาจารย์ มันเป็นคำเรียกของคนๆหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในศาสตร์แขนงใดแขนงหนึ่ง

ศาสตราจารย์พิเศษแตกต่างจากศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย เขาเป็นคนที่ทำงานตามปกติในสังคมแต่ได้รับเชิญให้มาสอนในมหาวิทยาลัย

ฉิงเฟิงจะต้องมีบางอย่างที่พิเศษ ถึงได้รับเชิญให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษ

การคาดเดาของหลินเสวี่ยถูกต้อง ฉิงเฟิงสามารถทำให้จางเหมียวชุนตกตะลึงได้ด้วยการช่วยเหลือแม่ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากโรคลมชัก เขาฝังเข็มที่จุดรักษาโรคลมชักได้อย่างถูกต้องแม่นยำจนทำให้จางเหมียวชุนตกใจ

“พี่หมาป่าชั่วร้าย คุณทำได้เยี่ยมมากที่ได้รับเชิญให้ไปเป็นศาสตราจารย์สอนพิเศษที่มหาวิทยาลัย” หลินเสวี่ยกล่าวชมเชยเขา

หลินเสวี่ยรู้สึกยินดีที่ฉิงเฟิงได้รับเชิญจากจางเหมียวชุน เพราะมันเป็นเรื่องดีต่อชื่อเสียงของเธอ

คราวหน้าเมื่อเธอออกงาน เธอจะสามารถเคลมกับคนอื่นๆได้ว่าสามีเธอเป็นศาสตราจารย์พิเศษ

ในสังคมหัวเซี่ย บางครั้งสถานะมีความสำคัญมากกว่าความมั่งคั่ง มันคือเรื่องจริง แพทย์จะได้รับความนับถือมากกว่าเมื่อเทียบกับเศรษฐี เนื่องจากแพทย์สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้

“หนูน้อยหมวกแดง ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันยอดเยี่ยมแค่ไหน ? การเป็นภรรยาของฉันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณแล้ว” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าว

“ชมนิดหน่อยก็เหลิงเชียว เอาละ, วันนี้ชั้นจะให้คุณลาหยุดไปมหาวิทยาลัยแพทย์”

“ขอบคุณ”

“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป จำไว้ว่าเมื่อคุณไปอยู่ที่นั่นแล้วก็อย่าไปจีบนักศึกษาสาวละ”

“อย่ากังวลไปเลย ฉันจะปฏิเสธพวกเธอแน่นอนเมื่อพวกเธอจะเข้าหาฉัน” ฉิงเฟิงยิ้มและเดินออกจากวิลล่า

ก่อนที่เขาจะออกไปเขาก็หยิบร่มออกมาเพราะข้างนอกมีฝนตก เขาเตรียมร่มอีกคันหนึ่งให้หลินเสวี่ยเช่นกัน

ฉิงเฟิงเดินออกมาข้างนอกและโบกรถแท็กซี่

คนขับรถเป็นผู้ชายอายุประมาณ 40 ปี เขาเป็นคนอ้วนเพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย นี่เป็นลักษณะส่วนใหญ่ของอาชีพคนขับแท็กซี่

ชื่อคนขับรถคนนี้คือหวังต้าฟุ เขาคือแท็กซี่ที่ฉิงเฟิงเรียกใช้มาหลายครั้งแล้ว และรู้ว่าฉิงเฟิงเป็นคนกระเป๋าหนัก

“โย่ ! วันนี้คุณจะไปไหนดีครับ ?” หวังต้าฟุถาม

ฉิงเฟิงนั่งอยู่ด้านหลังและพยักหน้า เขากล่าวว่า “ไปมหาวิทยาแพทย์”

“จัดไปครับ” หวังต้าฟุกล่าวและเริ่มขับรถไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์

กริ๊งงงง ~

โทรศัพท์ของหวังต้าฟุดังขึ้นหลังจากพูดจบ เขาไม่ได้คิดที่จะรับสายแต่เขาก็จำเป็นต้องรับเมื่อได้ชื่อผู้โทรมา

“ว่าไงลูกพ่อ, มีเรื่องอะไรหรือ ?” หวังต้าฟุกล่าวอย่างมีความสุขเนื่องจากลูกชายของเขาโทรมา

“พ่อ รถพังอ่า พ่อมารับผมไปส่งที่มหาลัยหน่อยได้ปะครับ ?” เสียงลูกชายพูดจากโทรศัพท์

ใบหน้าของหวังต้าฟุเปลี่ยนไปเพราะเขากำลังอยู่ในระหว่างการทำงาน เขาจะเสียเวลามากถ้าเขาต้องไปรับลูกชาย

ในฐานะคนขับรถแท็กซี่เขามีความรับผิดชอบ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธลูกชายอย่างไร

ฉิงเฟิงได้ยินการสนทนาของพวกเขา ฉิงเฟิงชอบคนขับรถคนนี้มาก เพราะเขาขับรถให้ฉิงเฟิงมาหลายครั้งแล้ว

“พี่โชเฟอร์ ลูกชายพี่เรียนมหาวิทยาลัยไหนละ ?” ฉิงเฟิงถาม

“ลูกชายของผมเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแพทย์” หวังต้าฟุกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

มหาวิทยาลัยแพทย์เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองทะเลตะวันออก แม้แต่คนต่างเมืองก็ยังอยากจะเข้าเรียนที่นี่

ผู้คนที่อาศัยในเมืองทะเลตะวันออกทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงการที่ได้เห็นบุตรหลานเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ ถึงแม้ว่าคนขับแท็กซี่จะไม่ได้เป็นคนร่ำรวยแต่เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ลูกชายของเขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เมืองทะเลตะวันออก

ฉิงเฟิงเข้าใจดีว่าหวังต้าฟุรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินคำพูดของเขา สำหรับคนทั่วไปอย่างเขา มันคือความสำเร็จอย่างมากที่ลูกของเขาสามารถเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้

“พี่โชเฟอร์ เอางี้นะ พอดีผมจะไปมหาวิทยาลัยแพทย์ด้วยเช่นกัน คุณไปรับลูกชายไปพร้อมกันกับผมก็ได้นะ” ฉิงเฟิงกล่าว

“ขอบคุณมากๆเลย คุณเป็นคนใจดีมาก” หวังต้าฟุยิ้มให้ฉิงเฟิง

หลังจากนั้น 10 นาที พวกเขาก็มาถึงบ้านของหวังต้าฟุ มองแว๊บเดียวก็สรุปได้เลยว่าพวกเขาเป็นคนจนเมื่อมองจากบ้านที่โทรมๆ

ถึงแม้ว่าบ้านจะเก่า แต่ก็ยังมีรถโฟล์คสวาเก้นคันใหม่จอดอยู่หน้าประตูบ้าน ราวกับเพิ่งซื้อมาเมื่อไม่นานนี้

ฉิงเฟิงรู้สึกสับสนเนื่องจากเขารู้ว่าหวังต้าฟุไม่ใช่คนร่ำรวยมากนัก เขาสามารถซื้อรถคันใหม่แบบนี้ได้อย่างไร?

มีคนสองคนยืนอยู่หน้าบ้านของเขา คนหนึ่งเป็นผู้ชายอายุราวๆ 20 อีกคนเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัย เธอถือกระเป๋าสีแดงอยู่ในมือ

“พ่อ ทำไมมาช้านักเล่า ? ผมต้องรีบไปมหาลัยนะ” เมื่อเห็นรถแท็กซี่ของพ่อเพิ่งจะมาถึงทำให้เขารู้สึกโกรธ

ชื่อของเขาคือหวังฮง เขาเป็นลูกชายของหวังต้าฟุ ส่วนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคือแฟนของเขา เหอหยุน ทั้งสองคนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์

“เสี่ยวฮอง (เสี่ยว = little = หนูน้อย ใช้เรียกเด็กๆหรือลูก) พ่อขอโทษๆ พอดีพ่อติดลูกค้าเลยมาสาย” หวังต้าฟุไม่ต้องการให้ลูกชายของเขาโกรธจึงกล่าวขอโทษ

ฉิงเฟิงรู้สึกแปลกๆหลังจากที่ได้ยินหวังต้าฟุขอโทษลูกชายของตัวเอง คนเป็นพ่อไม่ควรจะต้องกล่าวขอโทษลูกชาย ถึงแม้ว่าหวังต้าฟุจะผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกชายของเขาถูก

หวังฮองพยักหน้าหลังจากได้ยินพ่อของเขาขอโทษและพูดว่า “พ่อ ไปบอกลูกค้าของพ่อดิ ให้เขาไปเรียกแท็กซี่คันอื่น พวกเราจะรีบไปมหาลัย”

อะไรนะ ? จะให้พ่อไล่ลูกค้าให้ไปเรียกแท็กซี่คันอื่นงั้นหรือ ?

ใบหน้าของหวังต้าฟุเปลี่ยนไปเพราะเขาไม่พอใจกับคำขอของลูกชายตัวเอง

หวังต้าฟุตามใจลูกชายตัวเองจนเสียคนเพราะภรรยาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่คลอด เขาให้ทุกอย่างที่ลูกชายของเขาร้องขอ เขาหยิบยืมเงินคนอื่นมาเพื่อซื้อรถให้ลูกชายของเขา

ถึงแม้ว่าเขาจะตามใจลูกชายตัวเอง แต่หวังต้าฟุก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบและมีจรรยาบรรณในการทำงานอย่างแรงกล้า เขาไม่สามารถไล่ลูกค้าอย่างฉิงเฟิงไปแน่นอน