ตอนที่ 246 สอบเข้ามหาวิทยาลัย(1)
สองพี่น้องสะพายตะกร้าเอาไว้บนหลัง จากนั้นก็เดินขึ้นเขาลูกใหญ่ไปพร้อมกับเคียวและพลั่วอันเล็ก
“เคอวั่ง ตรงนี้มีหวงเฉินด้วย พวกเราเร่งมือกันหน่อย เผื่อต่อไปจะเจออะไรอีก”
*黄岑 (Scutellaria baicalensis) อึ่งงิ้ม รากมีรสขมเย็น มีฤทธิ์ขับพิษ ขับความร้อน ห้ามเลือด ป้องกันอาการแท้งบุตร
เมื่อเห็นพี่สาวพาเขาไปเก็บสมุนไพรด้วยความตั้งใจ ฉินเคอวั่งก็มองดูด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก และทำตาม
ฉินมู่หลานเห็นฉินเคอวั่งกำลังมีสมาธิจดจ่อกับการทำงาน ก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วเริ่มลงมือด้วยกัน
หลังจากสองพี่น้องจัดการขุดหวงเฉินเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่หลานก็พาฉินเอวั่งเดินไปข้างหน้าต่อ หลังจากนั้นสองพี่น้องก็เจอสมุนไพรอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเลือกเก็บอย่างมีความสุข
“ฮู่ว…ในที่สุดก็เสร็จ”
เมื่อเห็นตะกร้าเต็มเปี่ยม ฉินมู่หลานก็อดยิ้มไม่ได้
ฉินเคอวั่งยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ครับ วันนี้ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาเก็บสมุนไพรล่ะ อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว ทำไมพี่ดูไม่กังวลเลยสักนิด”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันมองฉินเคอวั่ง เมื่อเห็นว่าเขาดูผ่อนคลายลง ก็อดยิ้มไม่ได้ “มีอไรให้กังวลล่ะ สอบไม่ติด ปีหน้าก็สอบใหม่ ตอนนี้มหาวิทยาลัยกลับมาเปิดสอบแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็สอบได้เรื่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินเคอวั่งก็อึ้งไป ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ครับ ความคิดพี่แปลกจัง แต่ก็ดูสมเหตุสมผล”
“ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องจริง”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วตบบ่าน้องชายก่อนจะพูดขึ้น “เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องกังวล นายทำคะแนนไว้ดีแบบนี้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“อื้ม ไม่มีปัญหาหรอก”
ฉินเคอวั่งรู้สึกเพียงว่าจิตใจตอนนี้ล้วนผ่อนคลายเป็นปลิดทิ้ง แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ตึงเครียด และแล้วเขาก็ได้เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่พี่สาวพาเขามาเก็บสมุนไพร “พี่ ขอบคุณนะครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็เอ่ยทันที “พวกเราเป็นพี่น้องกัน ต้องขอบคุณอะไรกันล่ะ นอกจากนี้พี่ก็อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลวงกับนายด้วย ถ้าเราได้เรียนที่เดียวกันก็คงดี”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “นายอยากเข้ามหาวิทยาลัยไหนเหรอ?”
“ต้องเป็นมหาวิทยาลัยชิงหัวอยู่แล้ว ผมอยากจะเรียนสถาปัตยกรรม”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “นายตัดสินใจเรียบร้อยแล้วเหรอว่าจะเรียนคณะไหน?”
“อื้ม ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมอยากจะสร้างตึกสูงใหญ่ อยากจะสร้างบ้านได้หลาย ๆ หลัง อยากทำให้ผู้คนนึกถึงผมตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่ผมออกแบบ”
ฉินมู่หลานไม่คิดเลยว่าฉินเคอวั่งจะตั้งปณิธานเอาไว้สูงขนาดนี้ แต่เธอก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ย “เป็นความคิดที่ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจเข้าล่ะ เพราะถ้าอยากสอบเข้าชิงหัวได้ จะต้องทำคะแนนได้สูงมาก”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเคอวั่งบอกคนอื่นเกี่ยวกับความปรารถนาในอนาคตของตัวเอง ดังนั้นหลังจากพูดจบก็รู้สึกประหม่าเขินอายนิดหน่อย แต่ไม่นานเขาก็หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “พี่ครับ แล้วพี่อยากเข้ามหาวิทยาลัยไหนเหรอ แล้วจะเรียนคณะอะไร?”
“พี่อยากเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของฉินเคอวั่งก็ดูผิดหวัง “ถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็ไม่ได้เรียนที่เดียวกันแล้วสินะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “เคอวั่ง นายพูดเหมือนพวกเราสอบเข้าได้แล้วอย่างนั้นแหละ นอกจากนี้มหาวิทยาลัยชิงหัวกับปักกิ่งก็เป็นม.ที่สอบเข้ายากมาก ตอนนี้นายอย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นเลย”
ฉินเคอวั่งได้ยินคำพูดนี้ ก็เริ่มหัวเราะขึ้นมา แต่ไม่นานนักเขาก็นึกขึ้นได้อีกครั้ง “แต่ยังไงทั้งสองมหาวิทยาลัยนี้ก็อยู่ในเมืองหลวง เพราะฉะนั้นยังไงเราก็ได้อยู่ด้วยกัน”
“เหอะ…ช่างพูดจังเลยนะ ดูเหมือนพวกเธอสองคนคิดว่าตัวเองจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหัวกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้อย่างนั้นแหละ หวังสูงเกินไปแล้ว”
“ใช่แล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าสองมหาวิทยาลัยนี้จะสอบเข้าได้ง่าย ๆ แต่ก็คงโตมาในหมู่บ้าน ถึงได้ไม่มีความรู้อะไร แล้วมีความคิดทำนองนั้น”
เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยของทั้งสอง ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งก็ต่างหันกลับไปมอง ก่อนจะพบกับผู้หญิงตัวสูงสองคนที่กำลังเดินเข้ามา สองคนนั้นถักผมเปียสองข้าง ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาวิพากษ์วิจารณ์
เพียงแต่เมื่อมองดูสักพัก หญิงสาวสองคนนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่ฉินมู่หลาน
พวกหล่อนคือยุวปัญญาชนที่เพิ่งมาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้อยู่ในหมู่บ้านมาได้ครึ่งปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของหญิงสาวสองคนนี้สักเท่าใด
และขณะที่หนึ่งในนั้นจะเอ่ยถาม อยู่ ๆ อีกคนก็พูดขึ้นก่อน “เธอคือคนที่ตามสามีเข้าไปอยู่ที่ฐานทัพนี่นา ใช่ฉินมู่หลานที่ได้ลูกแฝดชายหญิงไหม”
ความจริงแล้วพวกหล่อนไม่เคยเห็นฉินมู่หลานมาก่อน แต่เคยได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่าย อีกทั้งยังทราบว่าแต่ก่อนเธออวบอ้วน แต่หลังจากแต่งงานกับทหารคนหนึ่ง ก็ไม่เพียงผอมลงเท่านั้น แต่ยังสวยขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังได้ลูกแฝดชายหญิง แม้แต่แม่สามีของเธอก็ยังได้เจอพ่อแม่แท้ ๆ ในปักกิ่ง ทำให้ตอนนี้ทั้งครอบครัวกลายเป็นที่อิจฉาของคนทั้งหมู่บ้าน
ตอนแรกพวกหล่อนได้ยินคนเขาลือกันว่าสวย จึงอยากจะเห็นว่าขนาดไหนกันเชียว แต่เมื่อได้มาเจอฉินมู่หลานตัวเป็น ๆ พวกหล่อนก็ตระหนักได้ว่าเธอสวยงามสมคำร่ำลือจริง ไม่มีที่ติเลยสักนิด
เมื่อเห็นแบบนี้ ความอิจฉาก็ฉายแวบเข้ามาในดวงตาของทั้งสอง
ผู้หญิงบ้านนอกจะมีหน้าตาแบบนี้ได้อย่างไร และดูจากรูปลักษณ์ของฉินมู่หลานแล้ว ไม่เหมือนพวกชาวบ้านเลยสักนิด
ตั้งแต่ฉินมู่หลานออกจากหมู่บ้านก็แทบไม่ค่อยได้กลับมาเลย จึงไม่รู้จักหญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงหน้า
แต่ฉินเคอวั่งรู้จัก “พี่ครับ สองคนนี้เป็นชาวบ้านที่เพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้วครับ”
ช่วงนี้มียุวปัญญาชนที่เพิ่งจบการศึกษาเข้ามาอยู่ แต่ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจหญิงสาวสองคนนี้เลย ก่อนจะหันมองน้องชายแล้วพูดด้วยว่า “เคอวั่ง พวกเรากลับบ้านกัน”
“ได้ครับพี่”
สองพี่น้องสะพายตะกร้าเอาไว้บนหลังแล้วเดินหลังจากเขาไป
“เฮ้…พวกเธอนี่ยังไงกัน ไม่เห็นเหรอว่าพวกเรากำลังพูดกับพวกเธออยู่นะ”
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ตอบกลับไปยังพวกเขาก็มีเพียงแผ่นหลังของคนสองคนที่เดินจากไปโดยไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะหยุดก้าว
เมื่อเห็นว่าตนเองโดนละเลย หญิงสาวทั้งสองก็รู้สึกโกรธมาก “เกินไปแล้ว แค่แม่สามีเธอเจอพ่อแม่แท้ ๆ แล้วมีอะไรดีหนักหนา ตัวหล่อนเองก็ยังคงที่หมู่บ้านไม่ใช่เหรอ หล่อนก็เป็นแค่บ้านนอกคนนึงเท่านั้นแหละ”
“พอเถอะเสี่ยวเหมย พวกเราก็รีบกลับกันเถอะ ฉันต้องรีบกลับไปตั้งใจอ่านหนังสือ สอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งนี้ต้องได้คะแนนดี แบบนี้พวกเราจะได้กลับเข้าไปอยู่ในเมืองกัน”
หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวเหมยหยักหน้าก่อนจะเอ่ยว่า “ใช่ รับรองว่าคะแนนต้องดีอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นก็เอาไปอวดให้สองพี่น้องนั้นเห็น ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ง่ายอย่างที่สองคนนั้นคิด”
พวกหล่อนทราบว่าหลายคนในหมู่บ้านก็ได้สมัครสอบเข้าวิทยาลัยด้วย ท่ามกลางคนเหล่านั้นก็คือสองพี่น้องพวกนี้ แต่พวกหล่อนไม่ได้สนใจพวกชาวบ้านคนอื่น คนในชนบทจะได้รับการศึกษามาดีแค่ไหนกันเชียว เพราะฉะนั้นพวกหล่อนจึงดูถูกฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งสองคนพี่น้องนั่นเป็นธรรมดา นอกจากนี้ก็ดูถูกคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านด้วย
ตอนนี้พวกฉินมู่หลานไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย จนกระทั่งทั้งสองกลับถึงบ้าน ฉินมู่หลานก็ส่งตะกร้าให้กับฉินเคอวั่งแล้วเอ่ยว่า “เคอวั่ง กลับไปต้มสมุนไพรให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านหนังสือกันต่อ”
“ได้ครับพี่ ผมเข้าใจแล้ว”
ฉินเคอวั่งยกตะกร้า จากนั้นก็ไปเรียกซูหว่านอี๋กลับบ้าน
จนกระทั่งช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินเคอวั่งมาหา ฉินมู่หลานก็นำสรุปที่เธอจดบันทึกประเด็นสำคัญเอาไว้ให้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในสองวันนี้ พวกเรามาดูเรื่องนี้กันให้ดี จากนั้นอีกสองวันก็พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วค่อยไปสอบ”
“ครับ”
ฉินเคอวั่งพยักหน้าเห็นด้วยตามปกติ ก่อนจะนำสรุปที่พี่สาวรวบรวมมาให้ออกมาอีกครั้ง แล้วอ่านดูอย่างละเอียด
ฉินมู่หลานเห็นท่าทางจริงจังของฉินเคอวั่งก็อดพยักหน้าไม่ได้ และเธอเองก็ยังคงใช้เวลาอ่านต่อไปเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะทำเอาไว้ไม่เยอะ แต่การสรุปรวบรวมเอาไว้ก็เป็นการดี
เหยาจิ้งจือจ้องมองสองพี่น้องอย่างไม่วางตาอีกครั้ง ก่อนจะดึงซูหว่านอี๋เข้าไปถามไถ่
“สองคนนั้นตั้งใจหนักเกินไปแล้ว”
“เพราะใกล้จะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วถึงได้ตั้งใจหนักมาก แต่ดูจากท่าทางของสองคนนั้น ดูเหมือนว่าจะเลือกมหาวิทยาลัยได้แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะได้อย่างหวัง” ซูหว่านอี๋ยังคงเป็นกังวลนิดหน่อย
เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้จึงเอ่ยขึ้น “มู่หลานกับเคอวั่งจะต้องทำได้อยู่แล้ว พวกเขาฉลาดเสียขนาดนั้น”