ขณะที่รออยู่ ฟู่สีเกอเห็นความกังวลบนใบหน้าของหลานเสี่ยวถางอย่างชัดเจน จึงเอ่ยปากอย่างไตร่ตรอง “เสี่ยวถาง อาเฉินอารมณ์ไม่ดี เกี่ยวกับข่าวบนอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านั้นไหม? คุณกับอาเฉินช่วงนี้…”
หลานเสี่ยวถางหัวใจเจ็บจี๊ด เธอคิดได้ถึงสัมภาษณ์ข่าวที่ได้เห็นเมื่อเช้า ในใจรู้สึกว่าสือมูเฉินไม่ควรจะดื่มจนเลือดออกในกระเพาะเพราะเรื่องของพวกเขา แต่ว่าก็ยังไม่ค่อยวางใจ “ช่วงนี้ฉันไปหาคุณพ่อ ดังนั้นฉัน…”
ฟู่สีเกอเข้าใจในทันที “ผมทราบแล้วครับ แต่ว่ารายละเอียดรอให้อาเฉินตื่นมาแล้วค่อยว่ากัน!”
เวลานี้ประตูห้องตรวจถูกเปิดออก หมอกับพยาบาลเข็นสือมูเฉินออกมา “คนไหนคือญาติ?”
หลานเสี่ยวถางรีบเดินเข้าไป “ฉันเองค่ะ”
“คุณคือภรรยาของเขาใช่ไหม?” หมอถาม “ตอนกลางวันเขาไม่ค่อยทานอะไร ตอนเย็นยังดื่มเหล้าขาวตอนท้องว่าง คุณควรจะดูแลเขาให้ดี ๆ! โชคดีที่เขาไม่มีโรคกระเพาะ ไม่อย่างงั้นครั้งนี้ดื่มเยอะขนาดนี้ กระเพาะก็แย่แน่!”
หลานเสี่ยวถางได้ฟังก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ลมหายใจติดขัด “คุณหมอคะ งั้นต้องทำยังไงคะ?”
“ให้น้ำเกลือสองสามวัน หลังจากนี้ต้องระวังอาหารการกิน ห้ามดื่มเหล้าซี้ซั้วอีก” หมอพูดขึ้น
หลานเสี่ยวถางรีบพยักหน้า “ค่ะ”
คุณหมอกำลังเดินไป ก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวฟู่สีเกอ จึงขมวดคิ้ว “เขาไปดื่มกับนายใช่ไหม? นายไม่รู้จับคุมหน่อยเหรอ? เป็นเพื่อนประสาอะไร!” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป
ฟู่สีเกอโดนพูดจนหน้าแดง เขามองดูแผ่นหลังของหมอ แล้วรีบอธิบายกับหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง ไม่ใช่ว่าผมไม่ห้ามอาเฉินนะ แต่คุณก็รู้ว่า ในบรรดาพวกเรา เขา…ผมห้ามเขาไม่ได้!”
ตอนนี้หลานเสี่ยวถางไม่มีกะจิตกะใจจะฟังฟู่สีเกออธิบาย สายตาของเธอมองไปยังสือมูเฉิน รู้สึกเหมือนว่าเขาผอมแล้วจริง ๆ โดยเฉพาะตอนนี้ที่ป่วยอยู่ คิ้วขมวดนิดหน่อย ใบหน้าซีดเซียว ท่าทางอ่อนแอ เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ฟู่สีเกอเห็นหลานเสี่ยวถางมองสือมูเฉิน ก็ไม่ได้พูดเรื่องเมื่อครู่อีก จากนั้นก็พูดกับพยาบาล “พวกเราควรจะไปห้องผู้ป่วยห้องไหน?”
“ตอนนี้เตียงค่อนข้างแน่นหนา” พยาบาลพูด “ไม่มีห้องเดี่ยวแล้ว ดังนั้น…”
ฟู่สีเกอถึงได้นึกขึ้นได้ ว่าตัวเองลืมจัดการเรื่องห้องพักผู้ป่วย
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หาเบอร์โทรเบอร์หนึ่ง จากนั้นกดโทรออก
สังคมนี้เป็นสังคมที่อยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์เสมอมา ดังนั้น หนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้พยาบาลยังพูดว่าเตียงนอนแน่หนา เมื่อตอนที่ฟู่สีเกอวางสายโทรศัพท์ ห้องพักผู้ป่วยVIP ก็ได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มคนเข็นสือมูเฉินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย หลังจากที่พยาบาลได้ทำการตรวจอีกรอบ ก็พูดขึ้น “ฉันอยู่ที่ประตูห้องนะคะ ถ้าหากผู้ป่วยควรเปลี่ยนขวดน้ำเกลือหรือมีอาการอะไร สามารถเรียกฉันได้ทุกเมื่อค่ะ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เธอนั่งลงข้างเตียงคนไข้ของสือมูเฉินมองดูของเหลวที่เข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง เธอนึกถึงข้อความที่เขาส่งให้เธออีกครั้ง ข้อความบอกว่าชุดแต่งงานกำลังรอเจ้าของของมันอยู่
ความเจ็บปวดในใจของเธอเพิ่มขึ้น เห็นริมฝีปากของสือมูเฉินที่แห้งแตก จึงใช้วิธีที่ฟู่สีเกอเคยสอนไว้ก่อนหน้านี้ ใช้สำลีพันก้านทำให้ริมฝีปากของสือมูเฉินชุ่มชื้น
เมื่อนึกอะไรออก หลานเสี่ยวถางถามขึ้น “สีเกอ วันนี้แค่คุณกับมูเฉินที่ออกไปดื่มเหล้าเหรอคะ?”
ฟู่สีเกอส่ายหน้า “ยังมีชิงเจ๋ออีกคน”
“คนอื่นล่ะคะ?” หลานเสี่ยวถางถาม
“เพราะว่าจู่ ๆ พี่เฉินดื่มจนเลือดออก พวกเราตกใจกันหมด จึงรีบพาเขามาส่งที่โรงพยาบาล” ฟู่สีเกอพูด “ชิงเจ๋อขับรถ ตอนที่ใกล้ถึงโรงพยาบาลขับฝ่าไฟแดง ถูกตำรวจเรียกไว้ แล้วตรวจแอลกอฮอล์ ตอนนี้ดื่มน้ำชาอยู่ที่โรงพัก”
หลานเสี่ยวถางกะพริบตา “หา? งั้นเขาก็เมาแล้วขับถูกจับไปแล้ว?”
ฟู่สีเกอยักไหล่อย่างเฉยชา “ไม่เป็นไร ครอบครัวซู่สือจิ่นมีคนรู้จัก เธอได้รับโทรศัพท์ ก็ไปหาคนมีเส้นสายที่สถานีตำรวจแล้วปล่อยคนแล้ว เดาว่าน่าจะเสร็จเรื่องในไม่ช้า”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า จู่ ๆ ก็คิดได้ถึงภาพตอนนั้น ในหัวยังรู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อย “มูเฉินอาเจียนเป็นเลือดเยอะไหม? เขาดื่มเยอะแค่ไหนกันแน่?”
“หลังจากเขาเข้ามา ก็ไม่ค่อยพูดจา นั่งอยู่ที่มุมคนเดียว ตอนที่พวกเรารู้สึกตัว เขาก็ดื่มวอดก้าไปสองขวดแล้ว” ฟู่สีเกอพูด “ผมรู้จักเขามาหลายปีขนาดนี้ เมื่อก่อนเรื่องใหญ่ขนาดไหน เขาก็ไม่เคยดื่มขนาดนี้ วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร…”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง สือมูเฉินก็ยังไม่ฟื้น ส่วนฟู่สีเกอก็รับสายโทรศัพท์ของซูสือจิ่น บอกว่าด้านนั้นมีหัวหน้าที่โทรติดต่อไม่ได้ ทำได้เพียงรอตอนเช้าถึงจะรับหยานชิงเจ๋อออกมาได้ ถึงตอนนั้นเมื่อออกมาแล้วก็ขับรถมาที่นี่
ภายในห้องกลับคืนสู่ความเงียบ หลานเสี่ยวถางมองไปทางฟู่สีเกอแล้วพูดขึ้น “เอาอย่างงี้ คุณไปนอนที่ด้านนู้นก่อนเถอะ? พวกคุณดื่มเหล้า ปกติจะง่วงง่าย ด้านนี้ฉันดูแลก่อน”
ฟู่สีเกอมองไปทางสือมูเฉิน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “ตกลง เสี่ยวถาง ผมไปนอนก่อน มีอะไรเรียกผมได้”
อันที่จริงเขาคิดว่า เขาเฝ้าดูก็ช่วยอะไรไม่ได้ บางครั้งบาดแผลของผู้ชาย ก็ต้องให้ผู้หญิงเป็นคนปลอบ
หลานเสี่ยวถางนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือสือมูเฉินไว้ มองดูเขาอย่างละเอียด
หน้าผากของเขาแปะผ้าพันแผลอยู่ เธอมองเห็นด้านในมีสีแดงเล็กน้อย จึงขยับหน้าเข้า
ในตอนที่เธอขยับหน้าเข้าไปใกล้นั้น จู่ ๆ เขาก็เอ่ยปากขึ้น “ทำไม…”
หลานเสี่ยงถางตกใจ จึงก้มหน้าดูสือมูเฉิน
ท่าทางของเขาดูเจ็บปวดมาก “เป็นความผิดของผมทั้งหมด…”
หลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของเขา จึงหายใจติดขัดอย่างอดไม่ได้ เธอจับมือของเขาไว้แน่น “มูเฉิน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
แต่ว่า สือมูเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาขมวดคิ้วแน่น เหมือนกับมีเรื่องที่เจ็บปวดมากยังไงยังงั้น
หลานเสี่ยวถางสูดหายใจเข้า ยื่นมือออกไป ลูบคิ้วของเขาเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ดึงมือกลับ
สือมูเฉินที่กำลังหลับอยู่เหมือนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มือของเขาก็กุมมือหลานเสี่ยวถางไว้แน่น แล้วพูดพึมพำเสียงเบา “ขอโทษ…”
นิ้วมือของหลานเสี่ยวถางสั่น
“ขอโทษ…”
สือมูเฉินพูดซ้ำไม่หยุด หลานเสี่ยวถางเห็นหยดน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเขา ภายใต้แสงไฟสลัว
น้ำตาค่อย ๆ เอ่อล้น ในที่สุด ก็ไหลลงมา ไหลโดนหมอนก็มองไม่เห็นแล้ว
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าหัวใจเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงยังไงยังงั้น เธอยื่นมือออกไปเช็ดคราบน้ำตาให้สือมูเฉิน
ปลายนิ้วมือ ยังมีไอน้ำเย็นอยู่เล็กน้อย หลานเสี่ยวถางคิดว่า หยดน้ำตาเมื่อครู่ของเขา ไม่ได้หยดลงบนหมอน แต่กลับหยดลงใจของเธอ
“มูเฉิน…” เธอพูดอย่างอ่อนโยน “อย่าเสียใจไป…”
ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเสียใจ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาเป็นแบบนี้
ถึงแม้พวกเขาเหมือนจะยังไม่คืนดีกัน แต่เห็นเขาเจ็บปวดแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ทิ้งไว้อยู่ด้านหลัง
“หนาว…” เขาพึมพำ “หนาว…”
หลานเสี่ยวถางสังเกตอุณหภูมิอยู่ครู่หนึ่ง แอร์ในห้องพักผู้ป่วยอบอุ่นมาก สือมูเฉินก็ห่มผ้าอยู่ ทำไมถึงได้หนาวนะ?
คนไข้จะรู้สึกหนาวใช่ไหม?
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เธอจะลุกขึ้นไปหาพยาบาล
แต่ว่าวินาทีต่อมากลับได้ยินสือมูเฉินพูด “กอดผม…”
หลานเสี่ยวถางตกตะลึง มองสือมูเฉินอย่างประหลาดใจ
เขาเผยอปากอีกครั้ง น้ำเสียงแหบเบา พูดขอร้องอย่างอ่อนแรง “กอดผมได้ไหม?”
หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงอ้อนวอนของเขาเช่นนี้ หัวใจเหมือนถูกกระแสน้ำท่วมท้น เธอพยักหน้า “ตกลง”
ขณะที่พูด หลานเสี่ยวถางก้มตัวไปด้านหน้า ยื่นมือออกไปกอดสือมูเฉิน
เหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจกับกอดแบบนี้ ร่างกายขยับเขาไปใกล้ “กอดผม”
เตียงของห้องพักผู้ป่วย VIP ค่อนข้างใหญ่ หลานเสี่ยวถางเห็นพื้นที่ว่างครึ่งหนึ่งของเตียง ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ส่วนสือมูเฉินก็ยังดึงเธอไว้ สีหน้าอ้อนวอนของเขาเพิ่มมากขึ้น
ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ จึงถอดรองเท้าออก นอนลงข้างสือมูเฉิน
เหมือนเขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จึงขยับเข้าใกล้เธอ
เธอตั้งใจหลีกเลี่ยงมือของเขาข้างที่กำลังให้น้ำเกลืออยู่ เธอยื่นมือออกไปกอดสือมูเฉินไว้
ความห่างใกล้กันมาก เธอสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของสือมูเฉินได้อย่างชัดเจน หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองก็เต้นเร็วมากขึ้นเพราะเหตุนี้
แขนของเธอโอบกอดเขา ตบหลังเขาเบา ๆ เหมือนเขาจะรู้สึกได้ถึงการปลอบโยนของเธอ ค่อย ๆ คลายคิ้วออก แล้วถอนหายใจอย่างพึงพอใจ
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละนิด จนกระทั่งหลานเสี่ยวถางรู้สึกได้ว่าสือมูเฉินยิ่งอยู่ยิ่งหลับลึก สุดท้ายก็หลุดพ้นจากความเจ็บปวดนั้นออกมาได้
เธอเห็นว่าของเหลวในขวดใกล้จะหมดแล้ว จึงพลิกตัวลงจากเตียงอย่างเบามือเบาเท้า จากนั้นก็ไปเรียกพยาบาลมาเปลี่ยนขวดน้ำเกลือ
คืนนั้น หลานเสี่ยวถางแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนใกล้ฟ้าเกือบสว่าง ถึงได้ฝืนความง่วงไม่ไหว ฟุบหลับไปข้างเตียงสือมูเฉิน
และในตอนนี้เอง เธอรู้สึกได้ว่าด้านข้างมีการขยับเขยื้อนเล็กน้อย หลานเสี่ยวถางสะดุ้งตื่นในทันที
เธอนั่งตัวตรง ก็รู้สึกได้เหมือนว่าสือมูเฉินที่อยู่บนเตียงจะฟื้นแล้ว
หลานเสี่ยวถางยืนขึ้นด้วยความตื่นตัว เหมือนกับทำความผิดแล้วถูกจับได้ยังไงยังงั้น เธอหยิบโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไปจากห้องพักคนไข้
จนกระทั่งเธอวิ่งออกไป ถึงได้รู้สึกตัวว่า ทำไมเธอต้องกลัวสือมูเฉินเห็นเธออยู่ข้างเตียง เธอวิ่งหนีอะไร?
ตอนนี้เองพยาบาลเห็นเธอ จึงถามขึ้น “คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
หลานเสี่ยวถางรีบทำท่าเอานิ้วชี้ปิดปาก พูดเสียงต่ำข้างหูพยาบาล “อย่าบอกคุณชายสือที่อยู่ข้างในเด็ดขาดนะคะ ว่าฉันเคยมาที่นี่”
พยาบาลอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
หลานเสี่ยวถางทำท่าขอร้อง “ช่วยฉันหน่อยนะคะ อย่าบอกเขานะ!”
พยาบาลจึงทำได้เพียงพยักหน้า
เวลานี้หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงจากในห้องพักคนไข้เหมือนว่าสือมูเฉินจะตื่นแล้ว พูดขึ้น “ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล?”
หลานเสี่ยวถางคิดอะไรออก จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาฟู่สีเกอ
ฟู่สีเกอได้ยินเสียงของสือมูเฉิน กำลังจะไปที่ห้องพักคนไข้ ตอนนี้เองได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของหลานเสี่ยวถาง จึงรับสายอย่างงุนงง “เสี่ยวถาง?”
“สีเกอ มูเฉินตื่นแล้ว คุณห้ามบอกเขาเด็ดขาด ว่าฉันมาที่นี่ ขอร้องล่ะ ห้ามพูดนะ!” หลานเสี่ยวถางพูด “ฉันกลับไปตุ๋นโจ๊กให้เขาก่อน รอให้เขาหลับ ฉันค่อยแอบกลับมา!”
ฟู่สีเกอไม่เข้าใจ “ทำไม?”
“ตามนี้แล้วกัน!” หลานเสี่ยวถางพูด “ฉันไปตุ๋นโจ๊กแล้ว เขาหลับแล้วคุณโทรหาฉัน!”
พูดจบก็วางสายโทรศัพท์ แล้ววิ่งออกไปด้านนอก