บทที่ 202 คนในคืนนั้น เป็นเธอจริง ๆ ใช่ไหม

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ฟู่สีเกอส่ายหน้า ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้กำลังเล่นอะไรกันอยู่

แต่ว่าเขาก็รีบลุกขึ้น เดินไปทางสือมูเฉิน

สือมูเฉินเห็นฟู่สีเกอจึงพูดขึ้น “สีเกอ ฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง?”

ฟู่สีเกอตอบอย่างไม่พอใจ “เมื่อคืนนายดื่มจนไม่เป็นท่าแบบนั้น จากนั้นก็อาเจียนเป็นเลือด พวกเราตกใจแทบตาย!”

สือมูเฉินมีความทรงจำบางอย่างอยู่ในภวังค์ เขาหรี่ตามอง “ดังนั้นพวกนายจึงพาฉันมาส่งโรงพยาบาล?”

ฟู่สีเกอพูด “ไม่พานายมาส่ง หรือจะให้ดูนายตายไป? เมื่อคืนชิงเจ๋อเมาแล้วขับก็เพื่อมาส่งนาย แถมยังถูกจับไปที่โรงพัก วันนี้เช้า สือจิ่นน่าจะพาเขาออกมาแล้ว”

สือมูเฉินพยักหน้า ยังรู้สึกหนักหัวอยู่ เขาจึงอดใช้มือนวดขมับไม่ได้ จากนั้นก็มองไปทางฟู่สีเกอแล้วพูดขึ้น “เมื่อคืน ฉันได้พูดอะไรไหม?”

ฟู่สีเกอส่ายหน้า หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงนึกอะไรขึ้นออก แล้วถามขึ้น “อาเฉิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม? ฉันไม่เคยเห็นนายในสภาพเมื่อวานมาก่อน…”

เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ สือมูเฉินเงียบขรึมในทันที

เขาก้มหน้า ถอนหายใจ “กลับไปแล้วค่อยว่ากันเหอะ!”

อันที่จริงจนถึงตอนนี้ แม้กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ายังไง

เมื่อคืน พูดว่าเสียใจ หลีกหนี ระบายก็ไม่เชิง ครั้งแรกที่เขาดื่มจนต้องลำบากคนอื่น ถึงเข้าใจว่า การดื่มเหล้าเพื่อระบายความเศร้ากลับเศร้ายิ่งกว่าเดิม

หงุดหงิดไม่ใช่เป็นเพราะตัวเองดื่มจนเมา วันที่สองก็หายไปเอง แต่ตัวเองอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เยอะกว่าเดิม นี่คือความจริง!

เพียงแต่ว่า…

จู่ ๆ สือมูเฉินก็คิดได้ถึงอะไร เขาเงียบอยู่พักหนึ่ง

ในตอนนี้มีพยาบาลเข้ามาตรวจร่างกายเขา แล้วกำชับเรื่องที่ต้องระวัง

เขาเลิกผ้าห่มออก ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ในตอนที่เลิกผ้าห่มออกนั้น กลับรู้สึกถึงกลิ่นที่คุ้นเคย

เห็นสือมูเฉินจู่ ๆ ไม่ขยับเขยื้อน ฟู่สีเกอยื่นมือโบกไปโบกมาตรงหน้าเขา “อาเฉิน? ไม่เป็นไรนะ?”

สือมูเฉินเงยหน้ามองฟู่สีเกอ “ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเสี่ยวถางเคยมาที่นี่?”

ฟู่สีเกอหัวใจเต้นแรง คิดในใจว่าชายคนนี้ความรู้สึกไวเกินไปไหม แต่เขาก็พูดปฏิเสธ “มาที่ไหนกัน? นายคิดถึงเธอมากเกินไปแล้วมั้ง?”

สือมูเฉินก้มหน้ามองดูผ้าห่ม แล้วส่ายหน้า “ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเธอมาที่นี่”

ในความทรงจำของเขา เพราะคำพูดพวกนั้นของโจวเหวินซิ่ว รู้สึกหนาวมาก เสียใจมาก แต่ในตอนนั้น ร่างกายมีความอบอุ่นเข้าใกล้เขา มอบความอบอุ่นให้เขา

ความรู้สึกคุ้นเคยและอบอุ่นแบบนั้น เหมือนกับหลาย ๆ คืนนั้น เหมือนกับตอนที่หลานเสี่ยวถางอยู่ข้างกายเขา

เพราะว่าตอนเด็กสือมูชิงเคยทำร้ายเขาครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างระมัดระวังตัวและความรู้สึกไว ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่คุ้นเคย เขาไม่มีทางที่จะสัมผัสไม่ได้

แต่ว่าความรู้สึกนั้นเมื่อคืนทำให้รู้สึกสงบจิตใจ นั่นคือความคุ้นเคยที่ตราตรึงในชีวิต ไม่ใช่พยาบาลหรือเพื่อนธรรมดา ๆ ที่จะสามารถให้ความรู้สึกนั้นได้

สือมูเฉินพูด “สีเกอ เธอมาตอนกลางคืนใช่ไหม แล้วตอนเช้าก็แอบออกไปแล้ว?”

ฟู่สีเกอส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันหลับไปแล้ว”

ปกติสือมูเฉินไม่ใช่คนประเภทที่ถามจนรู้แจ้งแจ่มชัด แต่ว่าฟู่สีเกอบอกว่าไม่รู้ เขาจึงถามพยาบาล ในเมื่อพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ที่ประตู ถ้าหากมีคนเข้ามา จะต้องผ่านเธอก่อน

แต่ว่าพยาบาลกลับส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้เจอใครเลย

“หรือว่าจะฝันไปจริง ๆ?” สือมูเฉินถอนหายใจ แล้วก็นึกได้ว่าเมื่อคืนฟู่สีเกอนัดดื่มเหล้ากับเขาตอนดึกแล้ว เวลานั้นหลานเสี่ยวถางคงจะนอนแล้ว

ปกติเวลาเธอนอนหลับจะปิดโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นคงจะไม่รู้เรื่องที่เขาเข้าโรงพยาบาลด้วยซ้ำมั้ง?

คิดได้ถึงตรงนี้ เขายิ้มให้ฟู่สีเกอ “ดูท่าฉันคงฝันไปจริง ๆ!”

พูดจบ ก็เดินไปทางห้องน้ำอย่างอ่อนแรง

ช่วงเช้าหลังจากที่สือมูเฉินทำการตรวจร่างกายเสร็จ หยานชิงเจ๋อกับซูสือจิ่นก็มาถึงที่นี่

ฟู่สีเกอได้คุยกับทั้งสองคนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้พูดชื่อของหลานเสี่ยวถาง

สือมูเฉินไม่ได้เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แค่พูดคุยกับทุกคนเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็ชี้แจงสถานการณ์โดยรวมให้กับเลขาของทางฝั่ง Times Group

เป็นเพราะเมื่อคืนดื่มเหล้าเยอะเกินไปหน่อย แอลกอฮอล์ในร่างกายยังไม่ได้รับการเผาผลาญไม่จนหมด ดังนั้นผ่านไปไม่นานสือมูเฉินก็รู้สึกเหนื่อยจนหลับไป

ในตอนที่สือมูเฉินหลับ ฟู่สีเกอโทรหาหลานเสี่ยวถาง บอกว่าสือมูเฉินหลับไปแล้ว ถามเธอว่าตุ๋นโจ๊กเป็นยังไงบ้างแล้ว

หลานเสี่ยวถางตอบกลับ เธอถึงบริเวณโรงพยาบาลแล้ว จะมาถึงในไม่ช้า

อันที่จริง เมื่อคืนหลานเสี่ยวถางแทบจะไม่ได้นอน วันนี้หลังจากกลับบ้าน ก็เข้าอินเทอร์เน็ตสืบค้นว่าเลือดออกกระเพาะควรทานอาหารยังไง จึงตั้งใจเฝ้าดูไฟ ตุ๋นโจ๊กข้าวเดือยฟักทองที่รสชาติอ่อน ๆ ให้เขา

ตุ๋นโจ๊กสองชั่วโมงกว่า สุกเละพอดี หลานเสี่ยวถางมาถึงที่ประตูห้องพักคนไข้ แล้วตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ถึงจะเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

เธอทักทายหยานชิงเจ๋อกับคนอื่น ๆ แล้วก็ให้ฟู่สีเกอกลับไปพักผ่อนก่อน จากนั้นก็เอาขวดเก็บความอุ่นไปวางไว้ที่ห้องครัว บอกกับซูสือจิ่นว่า ถ้าหากสือมูเฉินตื่นมา ก็เอาให้เขาทาน

ครั้งนี้สือมูเฉินหลับค่อนข้างนาน แต่ระหว่างกลาง เขาก็รู้สึกได้ถึงมือนุ่มมือหนึ่งกุมมือของเขาไว้ เขาอยากจะตื่นขึ้นมาดู แต่ว่ากลับรู้สึกหนักหนังตา ทำยังไงก็ลืมตาไม่ขึ้น

หลานเสี่ยวถางนั่งลงข้างเตียง เห็นสือมูเฉินหลับลึก จึงค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับ แล้วไปถามสถานการณ์กับพยาบาล

เธอฟังอย่างจริงจัง กำลังจะหันหลังกลับ ซูสือจิ่นก็มายืนอยู่ข้างตัวเธอ แล้วถามเสียงเบา “พี่สะใภ้ พี่กับพี่เฉิน…”

หลานเสี่ยวถางก้มหน้า “ฉัน…”

“มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?” ซูสือจิ่นพูด “ข่าวสองสามวันก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ดู แต่ก็ได้ยินมาบ้างแล้ว พี่เฉินเข้าใจอะไรพี่ผิดใช่ไหม พวกพี่ถึงได้ผิดใจกัน?”

หลานเสี่ยวถางส่ายหน้า “ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเจอหน้าเขายังไงดีแค่นั้นแหละ”

อันที่จริง ไม่ใช่เพราะข่าวนั่น แต่เป็นเพราะผลตรวจครรภ์นั่น…

เธอกลัวการเผชิญหน้ากับความจริง โดยเฉพาะเมื่อคือได้ยินสือมูเฉินพูด “ขอโทษ” ไม่หยุด เธอยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว กลัวว่าสือมูเฉินจะพูดกับเธอ กลัวว่าสือมูเฉินดื่มเหล้าเยอะเป็นเพราะรู้แล้วว่าหลานเล่อซินตั้งครรภ์…

ซูสือจิ่นเห็นท่าทางของหลานเสี่ยวถางที่ไม่สะดวกที่จะพูด ก็ไม่ได้จี้ถามต่อ

เธอเอ่ยปากพูด “ฉันดูออก ว่าพี่เป็นห่วงพี่เฉินมาก เดี๋ยวเขาตื่นมา พี่อย่ากลับไป หรือจะอยู่ด้านนอกก็ได้ พวกเราช่วยพี่ลองเชิงเขาดู…”

หลานเสี่ยวถางส่ายหน้า “สือจิ่น ให้ฉันคิดดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ก็ได้ ฉันพูดไม่ชนะพี่” ซูสือจิ่นมองไปทางสือมูเฉินที่อยู่บนเตียง แล้วหัวเราะ “แต่ว่ารู้จักพี่เฉินมาหลายปีขนาดนี้ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่เห็นเขาท่าทางป่วยปวกเปียกแบบนี้”

พูดไปหัวเราะไป หยานชิงเจ๋อก็ได้รับสายโทรศัพท์ “ซีหยู่ ผมไม่เป็นไร…เมื่อคืนผมรีบร้อนขับรถ แต่ไม่เป็นไรแล้ว ออกมาแล้ว…ผมอยู่ที่โรงพยาบาล พี่เฉินเข้าโรงพยาบาล…คุณไม่ต้องมาหรอก พักผ่อนอยู่ที่บ้านดีแล้ว…ก็ได้ อยู่โซนแอดมิดห้อง 701…ครับ เดี๋ยวเจอกัน”

หลังจากวางสาย หยานชิงเจ๋อยิ้มให้หลานเสี่ยวถางกับซูสือจิ่น “ซีหยู่จะมาที่นี่ให้ได้ บอกว่ามูเฉินคือพี่ใหญ่ของฉัน และก็เป็นพี่ใหญ่ของเธอ…”

ซูสือจิ่นยิ้มมุมปาก “อืม รู้แล้ว”

เวลานี้ น้ำเกลือของสือมูเฉินหมดพอดี ตอนที่พยาบาลถอดเข็มออก สือมูเฉินลืมตาขึ้น

หลานเสี่ยวถางที่อยู่ที่ประตูห้องเห็นแบบนี้ จึงทำท่าทางให้ซูสือจิ่น แล้วแอบวิ่งออกไป

ส่วนในห้องพักผู้ป่วย สือมูเฉินลืมตาขึ้น แล้วยกมือตัวเองขึ้นอย่างสับสน

ทำไมเขาถึงรู้สึกอีกแล้ว ว่าหลานเสี่ยวถางมาที่นี่ แถมยังกุมมือเขา

เวลานี้ ซูสือจิ่นไปถามหมอว่าสือมูเฉินสามารถอาหารเหลวได้ไหม หลังจากได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากหมอ เธอจึงไปห้องครัวหยิบขวดเก็บความอุ่นโจ๊กกับถ้วยช้อนมา แล้วตักโจ๊กมาถ้วยหนึ่ง มาตรงหน้าสือมูเฉิน

หยานชิงเจ๋อช่วยสือมูเฉินปรับพนักพิงขึ้น ซูสือจิ่นยกโจ๊กมา แล้วพูดกับสือมูเฉิน “พี่เฉิน ไม่ได้ทานอะไรมาวันหนึ่งแล้ว ทานอาหารเหลวหน่อยเหอะ!”

สือมูเฉินพยักหน้า “ขอบใจนะ”

เขามองไปรอบ ๆ “มีคนอื่นมาไหม?”

ซูสือจิ่นส่ายหน้า “ไม่มีนะ”

สือมูเฉินเก็บความสงสัยไว้ หยิบช้อนขึ้นมา ตักโจ๊กขึ้น

กลิ่นหอมอ่อน ๆ คลับคล้ายเหมือนกับเคยได้กลิ่นมาก่อน สือมูเฉินมองไปทางซูสือจิ่นแล้วถามขึ้น “เอาโจ๊กมาจากไหน?”

ซูสือจิ่นพูด “เมื่อกี้ชิงเจ๋อซื้อมาจากด้านนอก”

สือมูเฉินสงสัย “ด้านนอกมีโจ๊กที่ตุ๋นจนเละแบบนี้?”

ซูสือจิ่นพยักหน้าแล้วยิ้ม “ใช่ เพราะว่าอยู่ที่ด้านหน้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยหลายคนต้องทานแบบนี้ ที่ร้านก็เลยทำแบบนี้”

มีเหตุมีผลมาก แต่ว่าทำไมเมื่อเขาทานโจ๊กก็รู้สึกได้ถึงรสชาติของครอบครัว? ทำให้เขาสงสัย ว่านี่เหมือนกับที่หลานเสี่ยวถางตุ๋นเลย?

สือมูเฉินไม่ได้ถามต่อ แต่ทานโจ๊กถ้วยนั้นจนหมดอย่างเงียบ ๆ

เพราะว่ากระเพาะได้รับบาดเจ็บ เขาจึงทานได้ไม่เยอะ

ช่วงกลางวัน เลขาส่งเอกสารมา สือมูเฉินให้น้ำเกลือไปด้วยจัดการเรื่องไปด้วย จนกระทั่งถึงตอนค่ำ

ในตอนค่ำ ฟู่สีเกอมาถึง หยานชิงเจ๋อกับคนอื่นกลับไปแล้ว

เห็นสือมูเฉินหลับไป ฟู่สีเกอก็โทรหาหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง อาเฉินหลับแล้ว คืนนี้คุณมาอีกไหม?”

หลานเสี่ยวถางพูด “อืม ฉันอยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาล เดี๋ยวไป”

“เสี่ยวถาง คุณมาที่นี่แบบนี้ทุกวัน เหนื่อยไหม?” ฟู่สีเกอพูดขึ้นอีก

“ไม่เป็นไร ช่วงบ่าย ฉันนอนพักหนึ่งแล้ว” หลานเสี่ยวถางพูด

ฟู่สีเกอจนปัญญา “ครับ เดี๋ยวเจอกัน”

หลานเสี่ยวถางรอให้ไฟปิดหมด จึงค่อย ๆ ย่องเข้าห้องพักของสือมูเฉิน

เธอมองดูเขาจากไกล ๆ มั่นใจว่าเขาหลับลึก ถึงได้เดินเข้าไปอย่างไร้กังวล

ยังคงเหมือนคืนวันก่อน หลังจากที่เธอเข้าใกล้เขา ก็นั่งลงข้างเตียง กุมมือของเขา เห็นเขาขมวดคิ้ว ก็ช่วยเขาผ่อนคลายหัวคิ้ว

ในภวังค์ สือมูเฉินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายและความอบอุ่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ตอนกลางวันเขานอนพอแล้ว พวกกับแอลกอฮอล์ถูกเผาผลาญจนหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้หลับลึกเหมือนก่อนหน้านี้

หลังจากที่เขารู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามา เขาพยายามบังคับตัวเองให้ลืมตากขึ้น

ในที่สุด ภายใต้ความพยายามอย่างไม่ลดละของเขา สือมูเฉินยกมือจับไปที่คนที่อยู่ด้านข้างได้สำเร็จ…