ตอนที่ 170

My Disciples Are All Villains

ซู่ฮ่องกงในตอนนั้นได้สู้กับสำนักเที่ยงธรรมอย่างองอาจ เพราะแบบนั้นเหล่าสาวกทุกคนจึงนับถือตัวเขาเป็นเหมือนกับหัวหน้าอย่างแท้จริง

เหล่าสาวกของหุบเขาพยัคฆ์ที่คุกเข่าอยู่ต่างก็สบตากัน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้ก้มคำนับซู่ฮ่องกงอย่างไม่ลังเล “ขอบคุณครับท่านหัวหน้า”

ซู่ฮ่องกงถึงกับผงะ ‘เจ้าพวกนี้ถึงกับร้องไห้ทันทีที่จะต้องจากกับข้าอย่างงั้นหรอ คำพูดของข้าซาบซึ้งขนาดนั้นเลย? ‘

“ไปได้แล้ว! “

เหล่าสมาชิกหุบเขาพยัคฆ์ได้ยืนขึ้นก่อนที่จะแยกย้ายจากกัน

หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้โบกมือ เถาวัลย์ที่เคยขวางทางอยู่ได้หายไปในทันที สำหรับหมิงซี่หยินตัวเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องต่อสู้กับสาวกพวกนี้ ยังไงซะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทุกคนก็เคยเป็นลูกน้องของซู่ฮ่องกง เพราะแบบนั้นแล้วการปล่อยพวกนี้ไปคงจะดีต่อศิษย์น้องมากกว่า

“ลืมเรื่องฐานที่มั่นชั้นต่ำของเจ้าไปซะ เจ้าน่ะกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ากับข้า” หมิงซี่หยินที่เห็นใบหน้าของซู่ฮ่องกงไม่เต็มใจเท่าไหร่นักจึงได้พูดเพื่อจะปลอบประโลม

“ศิษย์พี่…ข้าทำทุกอย่างมาก็เพื่อสิ่งนี้ ข้าน่ะรู้จักทุกอย่างแม้แต่พืชพรรณที่อยู่ที่นี่”

“เป็นอย่างงั้นหรอ หุบปากได้แล้ว! ” หมิงซี่หยินได้กลอกตา ‘ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านี้จะยังอวดรู้ในตอนที่พ่ายแพ้แบบนี้! ‘

ซู่ฮ่องกงได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “พวกเราไปกันเถอะ…”

ทั้งสองได้ออกจากหุบเขาพยัคฆ์ไป

ทั้งสองได้เดินจากไปพร้อมกัน ในขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับ ในตอนนั้นหมิงซี่หยินก็ได้คิดถึงตอนที่ได้ซัดฝ่ามือไปที่หลังของซู่ฮ่องกง “ศิษย์น้องแปด…เจ้าใส่อะไรกันแน่? “

ซู่ฮ่องกงรีบดึงเสื้อคลุมที่ได้ปกปิดเสื้อที่สวมใส่อยู่เอาไว้ “ศิษย์พี่…ข้าสวมใส่เสื้อคลุมตัวนี้เอาไว้”

หมิงซี่หยินส่ายหัวก่อนที่จะพูดตอบกลับ “พอแล้ว เจ้าพยายามที่จะซ่อนมันเอาไว้สินะ ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าศิษย์น้องเจ็ดจะให้ของดีกับเจ้าแบบนี้”

“…”

“ข้ารู้สึกประทับใจจริงๆ ที่เจ้าไม่ถูกพวกสำนักฝ่ายธรรมะจัดการเอา” หมิงซี่หยินที่พูดเสร็จก็ได้ยกนิ้วโป้งให้

“ข้าเองก็มีดีนะศิษย์พี่”

พวกเขาทั้งสองได้บินขึ้นไปบนอากาศด้วยกัน

ในตอนนั้นเอง

“ติ้ง! จับศิษย์ทรยศซู่ฮ่องกงสำเร็จได้รับรางวัล: 1,000 แต้มบุญ”

ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น ตัวเขาตั้งใจที่จะให้หมิงซี่หยินไปสืบเรื่องแผนของศิษย์คนที่เจ็ดเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าหมิงซี่หยินจะสามารถจับศิษย์คนที่แปดกลับมาได้แบบนี้ แน่นอนว่าการที่ซู่ฮ่องกงถูกจับนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขา เมื่อเป็นแบบนี้ซู่ฮ่องกงก็จะไม่สามารถสร้างปัญหาได้อีกต่อไป

ลู่โจวเหลือบมองไปที่เมนูระบบ

ชื่อ: ลู่โจว

เผ่า: มนุษย์

วรยุทธ: ขั้นมหาราชครู

แต้มบุญ: 13,312

อวตาร: อวตารปัญจแห่งการเกิดใหม่

อายุขัยที่เหลือ: 5,988 วัน

ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพรชฆาต x1, การ์ดป้องกันไร้ที่ติด x2, การ์ดประกันชีวิต x7, กรงผนึกกักขัง x4, เครื่องรางขัดเกลา x2, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x1, วิซซาร์ด (กำลังพักผ่อน) , บี่เอี๊ยน

อาวุธ: อาวุธนิรนาม, ห่วงแห่งรัก (เจ้าของเดิม: ยี่เทียนซิน) , กระบี่ตัดชีวา, สายสะพายแห่งนิพพาน, ถุงมือนักสู้

เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์

เป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่วิซซาร์ดยังคงพักผ่อนอยู่

ลู่โจวส่ายหัว บางทีมันอาจจะใช้พลังมากจนเกินไปในตอนที่ต่อสู้กับสิบคนทรง ลู่โจวได้แต่สงสัยว่ามันจะพักฟื้นอีกนานแค่ไหน

ลู่โจวเหลือบมองไปที่ร้านค้าในระบบอีกครั้ง

ในตอนนี้มันไม่มีกล่องลึกลับจำกัดเวลาอีกต่อไป

ลู่โจวเหลือบมองไปที่ค่าความโชคดีที่เพิ่งจะได้มาจากการจับฉลากนำโชค หลังจากที่จับได้ค่าความโชคดีจากการจับฉลากนำโชคไป ในตอนนี้ลู่โจวมีค่าความโชคดีทั้งหมด 19 แต้ม

“ผู้อาวุโสฮั๊วขอเข้าพบค่ะ! ” มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก

ฮั๊ววู่เด๋าได้เดินมาจากด้านนอก ท่าทีของเขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด การต่อสู้ของเขากับนักบุญแห่งดาบของลั่วฉีซานทำให้ฮั๊ววู่เด๋าสูญเสียพลังเกือบทั้งหมดไป ตัวเขาได้เดินเข้ามาในห้องโถงก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับลู่โจว

ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างสับสน “ผู้อาวุโสฮั๊ว เป็นอะไรรึเปล่า? “

ฮั๊ววู่เด๋าได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าได้คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมากว่าหลายวัน ในตอนนี้ข้ายังมีอะไรบางอย่างที่ยังตัดใจไม่ได้…” ฮั๊ววู่เด๋าพูดต่อไป “ข้าอยากจะขออะไรเกี่ยวกับฝานเชียว”

“โอ้? “

“ฝานเชียวเป็นผู้ที่มาจากสำนักหยุน เขาได้ทำตามคำสั่งของข้า ท้ายที่สุดแล้วข้าเองเป็นผู้ผิด เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฝานเชียว…” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดต่อไปอย่างมั่นใจ

ลู่โจวไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไป ในตอนนั้นเสียงของต้วนมู่เฉิงที่เต็มไปด้วยความโกรธก็ได้ดังขึ้นมาซะก่อน “ผู้อาวุโสฮั๊ว ข้าคงจะให้อภัยกับเรื่องที่ท่านขอไม่ได้หรอกนะ! “

ฮั๊ววู่เด๋าได้หันไปมองต้วนมู่เฉิง เขาในตอนนี้กำลังเดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหอกราชันย์ที่มีอยู่ในมือ ร่างกายอันกำยำที่รวมเข้ากับอาวุธระดับสรวงสวรรค์ทำให้ตัวเขาดูน่าเกรงขามมาก

“ฝทนเชียวได้แอบอ้างเป็นท่านอาจารย์ ตามกฏของพวกเรา เจ้านั่นจะต้องถูกตัดออกเป็นแปดส่วนก่อนที่จะเอาไปให้สุนัขกิน! ในตอนนี้ท่านผู้อาวุโสฮั๊วกำลังเข้าข้างคนนอกมากไปรึเปล่า? ” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

ใบหน้าของฮั๊ววู่เด๋าซีดเซียวลง

ต้วนมู่เฉิงไม่สนใจก่อนที่จะพูดต่อไป “ข้าไม่สนใจเรื่องระหว่างท่านกับลั่วฉีซานหรอก แต่ข้าไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยตัวฝานเชียวไป”

ต้วนมู่เฉิงได้ฟาดหอกราชันย์ลงบนพื้น

ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ยินแบบนั้นพูดออกไปอย่างสำนึกผิด “ตัวข้าในตอนนี้ได้ออกมาจากสำนักหยุนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้าได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับฝานเชียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…”

“เยี่ยมมาก! ผู้อาวุโสฮั๊ว ถ้าหากท่านพูดแบบนั้นแล้วท่านก็ควรที่จะสังหารเขาด้วยมือตัวเองเพื่อเป็นการตัดสัมพันธ์กับสำนักหยุน! ” ต้วนมู่เฉิงได้พูดขึ้น

“…” ฮั๊ววู่เด๋าถึงกับพูดไม่ออก ต้วนมู่เฉิงในตอนนี้กำลังทำตัวเป็นเหมือนยาพิษที่กำลังกัดกร่อนชีวิตของตัวเขา ด้วยเหตุผลบางอย่างฮั๊ววู่เด๋ารู้สึกกระวนกระวายใจทุกครั้งที่ได้พบกับเขา

การประมือกันบ่อยครั้งไม่ได้ช่วยความสัมพันธ์แต่อย่างใด นับตั้งแต่ที่ต้วนมู่เฉิงเลือกตัวเขาเป็นคู่ฝึก ต้วนมู่เฉิงก็ได้ขอให้ตัวเขาประลองด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงแม้ว่าจะประมือกันบ่อยครั้งแต่ต้วนมู่เฉิงก็ไม่เคยชนะเลย ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่สงสัยว่าต้วนมู่เฉิงรู้สึกไม่ชอบหน้าอะไรตัวเขาไหม ที่เป็นแบบนี้คงเป็นเพราะตัวเขาพ่ายแพ้สินะ?

“ลืมไปซะเถอะ…” ฮั๊ววู่เด๋าได้คารวะให้กับลู่โจว “ข้ายินดีที่จะรับโทษเอง”

ลู่โจวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาเดินลงบันไดไปโดยที่เอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้จ้องมองไปยังฮั๊ววู่เด๋าก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ข้าจะปล่อยฝานเชียวไป”

เมื่อได้ยินแบบนั้นดวงตาของต้วนมู่เฉิงก็ได้เบิกกว้างขึ้น

ฮั๊ววู่เด๋าตกตะลึง

“ท่านปรมาจารย์…”

ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรออกมา ลู่โจวก็ได้พูดออกมาซะก่อน “แต่มีเงื่อนไขหนึ่ง…”

“ท่านปรมาจารย์ได้โปรดบอกข้ามาเถอะ…แม้ว่าข้าจะออกจากสำนักหยุนไปแต่ถึงแบบนั้นคำพูดของข้าก็พอจะมีน้ำหนักกับพวกเขาอยู่ ข้าแน่ใจว่าจะต้องมีผู้อาวุโสคนอื่นยอมช่วยข้าแน่” ฮั๊ววู่เด๋าคิดว่าลู่โจวต้องการอะไรจากสำนักหยุน

“ข้าต้องการแมกโนเลียสีดำ” ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับตกตะลึง

ต้วนมู่เฉิงเองก็ถึงกับผงะเช่นกัน

ดวงตาของฮั๊ววู่เด๋าเบิกกว้างขึ้น “ท่านปรมาจารย์ ดอกแมกโนเลียสีดำเป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง ข้าไม่คิดว่าสำนักหยุนจะยอมแลกเปลี่ยนของสิ่งนี้เพื่อตัวฝานเชียวแน่…”

ลู่โจวได้โบกมือก่อนที่จะพูดต่อไป “ไม่จำเป็นจะต้องปฏิเสธเงื่อนไขของข้าในทันที เก็บไปคิดดูก่อนเถอะ”

ไม่ว่าใบหน้าของฮั๊ววู่เด๋าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ตัวเขาก็รู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้ ตัวเขาได้คารวะลู่โจวอย่างเคารพก่อนที่จะเดินจากไป

ต้วนมู่เฉิงได้คารวะก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ตาแก่นี่ไม่ได้ภักดีกับเราเลย ทำไมพวกเราถึง…”

“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก” ลู่โจวโบกมือก่อนที่จะพูดต่อ “ให้เวลาเขาให้มากกว่านี้”

ต้วนมู่เฉิงไม่กล้าที่จะทักท้วงอะไรเลย ตัวเขาได้แต่ถามออกมา “ทำไมท่านอาจารย์ต้องการแมกโนเลียสีดำหรอครับ? “

“จุดตันเถียนของหยวนเอ๋อยังไม่ถูกเบิกทะลวง…ดอกแมกโนเลียสีดำเป็นสมบัติล้ำค่าของยุทธภพ มันจะช่วยเบิกทะลวงจุดตันเถียนของผู้ฝึกยุทธได้”

“ด้วยพลังวรยุทธที่ท่านอาจารย์มีในตอนนี้ก็น่าจะทะลวงจุดตันเถียนของศิษย์น้องเล็กได้ ทำไมท่านถึงต้องใช้ดอกแมกโนเลียสีดำด้วย? “

“การใช้กำลังทะลวงจุดตันเถียนไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่ากับการใช้แมกโนเลียดำหรอกนะ” ลู่โจวได้อธิบายออกมา

“ศิษย์เข้าใจแล้ว”

ในตอนนี้เองหยวนเอ๋อก็ได้เดินกลับมายังห้องโถงใหญ่ เมื่อเธอมาถึงเธอก็ได้หัวเราะคิดคักก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่สี่กลับมาแล้ว! “

ที่ด้านนอกของศาลาปีศาจลอยฟ้า

หมิงซี่หยินและซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ

ท่าทางของซู่ฮ่องกงในตอนที่เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ดูเขินอายยิ่งกว่าท่าทางการเดินของเจ้าสาวในวันแต่งงานซะอีก

หมิงซี่หยินจ้องมองไปที่ตัวเขาก่อนที่จะพูดขึ้น “เลิกลากเท้าเดินได้แล้ว เจ้าอยากที่จะให้ข้าแบกเจ้าไปด้วยเลยไหมล่ะ? “

“ไม่ ไม่ ไม่…ข้า…ข้าก็แค่อยากเข้าห้องน้ำเพียงเท่านั้น” ซู่ฮ่องกงมองไปรอบๆ ตัว สภาพแวดล้อมทั้งหมดดูคุ้นตาสำหรับตัวเขามาก สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เห็นศาลาปีศาจลอยฟ้า ที่ที่ตัวเขารู้สึกเกรงกลัวมากที่สุด