ตอนที่ 248 เรื่องคู่ครอง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 248 เรื่องคู่ครอง

“ไม่รู้นายน้อยเซิ่นคิดอย่างไรเกี่ยวกับการแต่งงาน”

เซิ่นซูเหวินยิ้มให้เซียวอี้ “นายน้อยเซียวจะเป็นพ่อสื่อให้ข้าหรือ ตามที่ข้ารู้ นายน้อยเซียวก็ยังไม่ได้แต่งงานเช่นกัน”

ความหมายโดยนัยคือ เจ้าก็เป็นคนโสด แม้แต่เรื่องของตนเองยังจัดการไม่ได้ สิทธิใดมากังวลเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น

เซียวอี้กลับกล่าวว่า “ไม่ช้าก็เร็วข้าย่อมจะสร้างครอบครัว ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”

ย่อมต้องสะสมทรัพย์สมบัติก่อน รอคนเติบโตขึ้นค่อยไปสู่ขอ

ไม่เหมือนเซิ่นซูเหวินที่ใช้เพียงปากก็อยากจะแต่งงานมีลูก ฝันไปเถิด

โลภมากก็จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน

เซิ่นซูเหวินตอบรับ “นายน้อยเซียวไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้านบน เรื่องคู่ครองคงจัดการได้ไม่ง่าย”

เซียวอี้กลอกตา “นายน้อยเซิ่นคิดจะกลับบ้านเกิดไปแต่งงานหรือ”

ทั้งสองคนพูดไปพูดมา ก็พูดถึงเรื่องแต่งงาน

เมื่อเยียนอวิ๋นเกอได้ยิน อืม…ไม่ฟังดีกว่า

แสบหู!

ชายสองคนถกเถียงเรื่องแต่งงาน อย่างไรก็รู้สึกประหลาด

“คุณหนูสี่ บังเอิญเสียจริง!”

พบคนคุ้นเคยอีกแล้ว

จ้งซูหาว บุตรชายขององค์หญิงเฉิงหยาง

“นายน้อยจ้งก็เดินงานวัดหรือ”

จ้งซูหาวหัวเราะร่า “ข้าเดินงานวัดทุกปี แค่ต้องการความคึกคักเท่านั้น เอ๊ะ เซียวอี้? เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่ ท่านนี้คือนายน้อยเซิ่น?”

เขาทำหน้าประหลาดที่เห็นเยียนอวิ๋นเกอเดินอยู่กับเซียวอี้

เซียวอี้เดินขึ้นหน้าสองก้าว “วันนี้บังเอิญเสียจริง พวกเรารวมตัวอยู่ด้วยกัน เดินมานานเพียงนี้แล้ว ไปดื่มสักสองจอกที่ภัตตาคารดีหรือไม่”

“นี่…คุณหนูสี่สะดวกหรือไม่” จ้งซูหาวขอความเห็นจากเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “พวกท่านไปเถิด ข้าไม่ไปด้วย ท่านแม่ยังรอข้ากลับไปทานข้าวในจวน”

เซิ่นซูเหวินรีบพูด “น้องสี่ไม่ไป ข้าก็ไม่ไป ในเมื่อออกมาด้วยกัน จะให้น้องสี่กลับคนเดียวได้อย่างไร”

“พี่เซิ่นไม่ต้องกังวลข้า ข้างกายข้ามีองครักษ์คุ้มกัน ท่านไปเถิด”

“ไม่ดีกว่า! ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีการบ้าน เวลาที่เหลือนำมาอ่านตำราได้พอดี”

ท่าทีของเซิ่นซูเหวินแน่วแน่ เขาไม่ยอมไปดื่มสุรากับเซียวอี้และจ้งซูหาว

จ้งซูหาวหัวเราะร่า “นายน้อยเซิ่นเป็นคนสุภาพ ไม่เหมือนกับพวกเรา วันนี้ไม่บังคับท่าน นายน้อยเซียว ท่านคงไม่มีการบ้านใช่หรือไม่ ไป พวกเราไปดื่มกัน”

เซียวอี้รับปากด้วยรอยยิ้ม “ได้! วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!”

“ตกลงตามนี้!”

ทั้งสองกอดคอกันมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารราวกับคนสนิท

ที่สำคัญคือจ้งซูหาวกระตือรือร้น แต่เซียวอี้ดูฝืนใจเล็กน้อย

เยียนอวิ๋นเกอถามเซิ่นซูเหวิน “พี่เซิ่นไม่ไปดื่มกับพวกเขาจริงหรือ”

“ไม่ดีกว่า! ข้าไม่ใช่คนพวกเดียวกับพวกเขา หากฝืนนั่งโต๊ะเดียวกัน คงกระอักกระอ่วนอย่างมาก”

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว เยียนอวิ๋นเกอย่อมไม่บังคับเขา

หลังจากเดินงานวัดเสร็จ พวกเขาก็เดินทางกลับจวน

หลังจากทานมื้อเที่ยงแล้ว เยียนอวิ๋นเกอกลับไปพักผ่อนในห้อง

เซียวฮูหยินรั้งเซิ่นซูเหวินเอาไว้ พูดถึงเรื่องงานแต่งอีกครั้ง

“ปีนี้อวิ๋นเกอจะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว จากนั้นก็ต้องจัดการเรื่องคู่ครองของนาง ข้าไม่เคยเปลี่ยนใจ ไม่รู้ว่าเจ้ามีความคิดอย่างไร หากเจ้ามีแผนการอื่นก็พูดออกมาตามตรง เรื่องคู่ครองย่อมต้องคำนึงถึงความยินยอมของทั้งสองฝ่าย”

เซิ่นซูเหวินครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง “ขอบพระคุณท่านป้าที่ยกยอข้าเพียงนี้ มันเป็นความโชคดีของข้าที่ได้น้องอวิ๋นเกอเป็นภรรยา แต่ไม่รู้ว่าน้องสี่มีความเห็นอย่างไร”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “เจ้าไม่ยืนกรานที่จะรอรับราชการก่อนแล้วหรือ”

เซิ่นซูเหวินยิ้มเก้อ “อายุไม่น้อยแล้ว ผู้ใหญ่ในตระกูลก็เร่งเร้า ข้ายังคงยืนกรานที่จะรอรับราชการก่อนค่อยแต่งงาน แต่สามารถหมั้นหมายเอาไว้ก่อนได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าน้องอวิ๋นเกอมีความเห็นอย่างไร”

“นางเป็นเด็กดื้อรั้น ไม่ใช่ต่อเจ้า แต่นางไม่เคยคิดจะออกเรือน เจ้าอย่าร้อนใจ ข้าจะหาโอกาสพูดกับนางให้ดี เพียงแค่นางพยักหน้า ข้าจะหมั้นหมายให้พวกเจ้า”

เซิ่นซูเหวินดีใจอย่างมาก “ขอบพระคุณท่านป้า!”

เขารู้สึกได้ว่าน้องอวิ๋นเกอไม่เกลียวเขา

มันจึงมีพื้นฐานของการแต่งงาน

เพียงแต่ความคิดของน้องอวิ๋นเกอ เขาไม่มั่นใจนัก

บนโลกนี้มีน้องอวิ๋นเกอเพียงคนเดียว

หญิงสาวนับพันหมื่นบนโลกนี้ มีเพียงน้องอวิ๋นเกอที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระจนน่าอิจฉา

เขาไม่ปฏิเสธ บางเวลาเขาอิจฉาท่าทีการใช้ชีวิตของน้องอวิ๋นเกออย่างมาก

เพียงแต่เขาทำไม่ได้!

นิสัยเป็นเช่นนี้ เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้

ชีวิตของเขาเป็นระเบียบแบบแผน หนึ่งก้าวหนึ่งรอยเท้า เดินต่อไปอย่างมั่นคง

หวังว่าน้องอวิ๋นเกอจะไม่รังเกียจความน่าเบื่อของเขา

ส่วนเซียวอี้ที่พบในวันนี้ คาดว่าคงไม่มีโอกาส

ชายที่ไม่มีตระกูล อีกทั้งยังมีคดีมากมาย ย่อมไม่เข้าตาของท่านป้า

เยียนอวิ๋นเกอนอนกลางวันไปตื่นหนึ่ง สดชื่นอย่างมาก

ฤดูใบไม้ผลิง่วงนอน ฤดูใบไม้ร่วงเหน็ดเหนื่อย ฤดูร้อนงีบหลับ…

หนึ่งปีสี่ฤดูล้วนเป็นวันนอนหลับ

เหตุใดนางจึงง่วงเพียงนี้

นางถามสาวรับใช้ อาเป่ย “พรุ่งนี้พี่สองจะกลับมา ทางห้องครัวเตรียมการไว้แล้วหรือไม่”

“คุณหนูวางใจ แม่ครัวถูกท่านสั่งสอนทุกปี จะไม่ใส่ใจได้อย่างไร พวกนางเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ของเล่นเด็กก็เตรียมไว้แล้ว”

“เช่นนี้ย่อมดี! ท่านแม่กำลังทำอันใด”

“ทางท่านหญิง ก่อนหน้านี้คุยกับนายน้อยเซิ่น ไม่รู้เสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ ให้บ่าวส่งคนไปดูหรือไม่เจ้าคะ”

“อย่า!”

นางตัดสินใจที่จะหลบหน้ามารดาในวันนี้ ไม่โผล่เข้าไปในสายตาของมารดา

วันที่สอง

เยียนอวิ๋นฉีพาลูกกลับจวน เซียวเฉิงเหวินก็มาด้วย

หาได้ยาก!

ปีก่อน เซียวเฉิงเหวินไม่เคยกลับมาแม้แต่รอบเดียว

มาจวนท่านหญิงหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์

หากใช้คำพูดของเขาก็คือร่างกายไม่อำนวย ไม่สะดวกออกจากจวน

ปีนี้ช่างหาได้ยาก เขาออกจากจวนมาในเดือนหนึ่ง

แม้แต่เซียวฮูหยินก็รู้สึกประหลาดใจ

นางแอบถามเยียนอวิ๋นฉี “เหตุใดองค์ชายสองวันนี้จึงยอมออกจากจวน”

เยียนอวิ๋นฉีครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “งานเลี้ยงสิ้นปีในพระราชวัง ฝ่าบาททรงละเลยองค์ชายสองตลอดงาน ไม่แม้แต่จะทรงมองเขา เขาบอกว่าไม่สนใจ แต่ข้าว่าในใจของเขาสนใจอย่างมาก ดังนั้นวันนี้ข้าจึงลากเขาออกมาจากจวน ถือว่าผ่อนคลาย”

เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว “ฝ่าบาททรงโกรธแค้นเช่นนี้ แม้แต่กับบุตรชายก็มีท่าทีเช่นนี้”

“ผู้ใดว่าไม่ใช่กัน! ท่านแม่ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่เห็นสถานการณ์ในเวลานั้น แม้แต่องค์ชายสามที่สร้างความดีความชอบกลับมาก็เกือบถูกต่อว่า องค์หญิงเฉิงหยางออกหน้าทางองค์ชายสามก็ถูกฝ่าบาทตำหนิกลับไป”

เซียวฮูหยินพูด “ฝ่าบาทอารมณ์ร้ายเสียจริง”

เยียนอวิ๋นฉีถอนหายใจ “บรรยากาศภายในราชวงศ์นับวันยิ่งตึงเครียด วันงานเลี้ยงนั้นเถาฮองเฮาไม่ทรงช่วยองค์ชายสามแม้แต่ประโยคเดียว อีกทั้งฝ่าบาทก็ทรงชราลงอย่างมาก”

เซียวฮูหยินกังวลแทนนาง นางจับมือของอีกฝ่าย “เจ้าก็อย่ากังวลมากเกินไป องค์ชายสองไม่เข้าร่วมราชสำนัก พักรักษาตัวอยู่ในจวนตลอดปี ราชสำนักจะลำบากเพียงใด ฝ่าบาทอารมณ์ร้ายเพียงใด ก็เดือดร้อนมาไม่ถึงองค์ชายสอง เพียงแต่ต่อจากนี้ เจ้าออกจากจวนให้น้อยลง”

“ท่านแม่พูดถูก ข้าก็คิดเช่นนี้ เดือนหนึ่งมีงานเลี้ยงมากมาย แต่ส่วนใหญ่ล้วนปฏิเสธไปแล้ว เข้าร่วมเพียงแค่งานเลี้ยงไม่กี่งานของคนสนิท”

“สมควรเป็นเช่นนี้!”

บทสนทนาเปลี่ยนเรื่อง แม่ลูกพูดคุยเรื่องงานแต่งของเยียนอวิ๋นเกออีกครั้ง

“เจ้าคิดว่าเซิ่นซูเหวินเป็นอย่างไร”

“ท่านแม่ยังไม่ล้มเลิกความคิดหรือ ข้าคิดว่าน้องสี่ไม่เหมาะสมกับเซิ่นซูเหวินตั้งแต่แรก แน่นอน หากน้องสี่ยินดี ข้าก็สนับสนุน”

“เซิ่นซูเหวินดีมาก” เซียวฮูหยินเน้นย้ำ

หากเยียนอวิ๋นฉียังไม่แต่งงาน นางอาจเห็นด้วยกับแผนการของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา

เวลานี้ นางแต่งงานมาหลายปีแล้ว นางมีประสบการณ์ในชีวิตสมรสทั้งด้านดีและไม่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชายที่นางแต่งงานด้วยไม่ใช่คนปกติ หรืออาจกล่าวได้ว่าเขาป่วยด้วยซ้ำ

การแต่งงานเช่นนี้ ทำให้นางมีความเข้าใจและแนวคิดมากขึ้น

นางพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้บอกว่าพี่เซิ่นไม่ดี เขาดีมาก แต่เขาอาจไม่เหมาะกับน้องสี่ แต่ก่อนน้องสี่ยังเด็ก ท่านแม่เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงาน ความจริงแล้วข้าไม่ได้คิดจริงจัง เวลานี้น้องสี่กำลังจะเข้าสู่วัยปักปิ่น ข้ามีเรื่องที่จำเป็นต้องพูด”

“เจ้าพูด!”

เยียนอวิ๋นฉีเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นิสัยของน้องสี่ ไม่มีผู้ใดรู้ดีกว่าพวกเรา นางก้าวกระโดด ตามใจตัวเอง ไม่ยอมทำตามระเบียบแบบแผน ยิ่งไม่ยอมทำสิ่งที่ซ้ำซาก ไม่ว่าเรื่องใดล้วนทำตามความคิดของตนเอง

แต่นางเกลียดคนชั่ว มีความเมตตาอยู่ในใจ ประพฤติตนเที่ยงธรรม หาเงินอย่างเที่ยงธรรม ไม่เสแสร้งหลอกลวง ไม่ชอบใช้กลอุบายต่ำทราม ในสายตาของพวกเรา นางดีมาก แต่ในสายตาของตระกูลเซิ่น นางอาจไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่ตรงคุณสมบัติอย่างแน่นอน

เซิ่นซูเหวินศึกษาร่ำเรียนเพื่อรับราชการ ตระกูลนักวิชาการ เพียงแค่คิดก็รู้แล้วว่าตระกูลเซิ่นต้องการให้เซิ่นซูเหวินแต่งงานกับหญิงสาวที่มีคุณธรรม มีความรู้และมีเหตุผล ยึดสามีเป็นศูนย์กลาง ยอมทำงานหนักโดยไม่มีคำบ่น ถึงแม้น้องสี่จะดีมาก แต่หากพูดตามตรง นางไม่ใช่คนที่มีคุณธรรม หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณธรรมด้วยซ้ำ

คนที่ชอบนางจะชอบมาก คนที่ไม่ชอบนางจะเกลียดมาก ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่เข้าตา หากตระกูลเซิ่นไม่ชอบน้องสี่ แต่งงานไม่สำเร็จกลับกลายเป็นการสร้างศัตรู ข้าคิดว่างานแต่งนี้ต้องคำนึงให้รอบคอบ”

เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว นางไม่เห็นด้วยกับบุตรสาว

“เมื่อวานข้าถามชูเหวินอีกครั้ง เขาชอบน้องสี่ของเจ้ามาก เขาบอกว่าตราบใดที่น้องสี่ของเจ้าพยักหน้าเห็นด้วย เขาอยากจะหมั้นหมายโดยเร็วที่สุด เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งราชการอย่างเป็นทางการ เขาจะแต่งงานทันที”

เยียนอวิ๋นฉีส่ายหัว “เรื่องนี้ไว้ใจไม่ได้! การแต่งงานของพี่เซิ่นไม่ใช่เรื่องของเขาเพียงคนเดียว เขาคนเดียวตัดสินใจไม่ได้ ท่านแม่ได้ส่งจดหมายพูดถึงการแต่งงานครั้งนี้กับท่านลุงเซิ่นหรือไม่ ท่าทีของท่านลุงเซิ่นเป็นอย่างไร”

เซียวฮูหยินกล่าว “ท่าทีคลุมเครือ! ข้าคิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสองตระกูล”

เยียนอวิ๋นฉีลดความคาดหวังต่องานแต่งครั้งนี้ลงไปอีก

นางพูด “ความแตกต่างระหว่างสองตระกูลเป็นสาเหตุหนึ่ง ท่านลุงเซิ่นย่อมจะสืบนิสัยและพฤติกรรมของน้องสี่จากด้านอื่นด้วย ท่านแม่อย่าลืม ข้างกายเซิ่นซูเหวินมีบ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง เขารู้หนังสือ ทำงานได้ดี ข้าคิดว่าบ่าวรับใช้ผู้นี้ย่อมต้องรายการเรื่องราวทั้งหมดต่อท่านลุงเซิ่น

นิสัยของน้องสี่คงไม่ใช่ความลับกับทางตระกูลเซิ่น สู้ท่านแม่พูดตรงไปตรงมาถึงนิสัยของน้องสี่ ถามท่านลุงเซิ่นว่ารังเกียจน้องสี่หรือไม่ ยอมปรองดองเป็นครอบครัวเดียวกันหรือไม่”

“หากตระกูลเซิ่นยินดีจะทำอย่างไรต่อ”

“ขอความเห็นจากน้องสี่ หากน้องสี่ยินดี ข้าจะทำให้งานแต่งนี้สำเร็จลุล่วงไปพร้อมกับท่านแม่”