ตอนที่ 323 ทุกคนล้วนมีทางของตัวเอง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 323 ทุกคนล้วนมีทางของตัวเอง

ฉินหลิวซีไปส่งเถิงเทียนฮั่นพร้อมกับลูกศิษย์ ดันเถิงเจาไปข้างหน้าเบาๆ

“โขกศีรษะคำนับท่านพ่อเจ้าเถิด”

เถิงเทียนฮั่นชะงักฝีเท้า หันกลับมามอง

เถิงเจาเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา คุกเข่าลง โขกศีรษะคำนับด้วยความเคารพสามครั้ง “ท่านดูแลตัวเองด้วย”

เถิงเทียนฮั่นแทบจะน้ำตาไหล รู้สึกปวดใจ พยุงเขาลุกขึ้น อยากจะลูบศีรษะเขา แต่เมื่อเห็นว่าเขาปฏิเสธเล็กน้อยๆ ด้วยการเอียงศีรษะ จึงทำได้เพียงวางมือลงบนบ่าแล้วตบเบาๆ

“ตั้งใจเรียนรู้วิชาเต๋าจากอาจารย์ของเจ้า ไม่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ข้าก็คือท่านพ่อของเจ้า”

เถิงเจายกมือขึ้นคารวะ

อาจารย์ฉีเดินเข้ามา เอ่ยว่า “คุณชายน้อย นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่อาจารย์จะเรียกท่านเช่นนี้ นับจากนี้ไปต้องเรียกนามเต๋าของท่านแล้ว ทุกคนล้วนมีทางของตัวเอง หวังว่าคุณชายน้อยจะสามารถรู้แจ้งถึงเต๋าที่แท้จริงของตัวเองได้”

เมื่อเทียบกับเถิงเทียนฮั่นแล้ว เถิงเจาสนิทกับอาจารย์ฉีมากกว่า มองไปที่เขาพลางพยักหน้า “อาจารย์ ข้าทำได้แน่นอน”

หลังจากเอ่ยจบก็ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วโค้งคารวะขอบคุณเขา

ขอบคุณที่เขาคอยอยู่ข้างกายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เป็นทั้งอาจารย์เป็นทั้งพ่อ

เถิงเทียนฮั่นยิ่งรู้สึกปวดใจ มีความรู้สึกว่าตัวเองในฐานะที่เป็นบิดาไม่เพียงแต่ด้อยกว่าฉินหลิวซี แต่กลับเทียบไม่ได้แม้แต่ท่านอาจารย์ฉี พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

กลุ่มคนเดินออกไปจากเรือนเต๋า เลี้ยวไปทางประตูด้านข้างของอารามเต๋า ที่นั่นมีถนนสำหรับให้นั่งรถม้าลงจากเขา

ในเวลานี้มีรถม้าที่กว้างขวางและหรูหราคันหนึ่งพึ่งมาถึง คนขับรถม้ามองเห็นฉินหลิวซีอย่างรวดเร็ว จึงตะโกนรายงานไปข้างหลัง

ฉินหลิวซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาก็โค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว มองรถม้าด้วยรอยยิ้ม

เป็นเช่นนั้น เมื่อรถม้าจอดสนิท มีสาวใช้ผิวสีข้าวสาลี ใบหน้ากล้าหาญสวมชุดบุรุษกระโดดลงมาจากรถก่อน จากนั้นจึงยื่นมือไปพยุงคนที่อยู่ข้างในลงมา

เป็นสาวงามสวมเสื้อคลุมสีขาวนวล ผิวขาวราวหิมะ ตกอยู่ในสายตาของทุกคน เมื่อเห็นฉินหลิวซี สายตาก็เผยให้เห็นถึงความดีใจ เดินมุ่งไปหานาง

“ผิดที่ข้าไม่ได้ทำนายล่วงหน้า จึงไม่รู้ว่าเจ้าก็มาด้วย” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ซือเหลิ่งเย่ว์เดินเข้ามาใกล้ คารวะนางพลางเอ่ย “พึ่งจะมาถึงเมืองหลีเมื่อวานนี้ เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วจึงได้มาหาท่านที่อาราม โชคดีที่พวกเราไม่ได้มาเสียเที่ยว” เมื่อนางเห็นว่าฉินหลิวซีค้ำไม้เท้าอยู่ก็ขมวดคิ้วพลางถามว่า “ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเจ้าคะ”

สาวงามขมวดคิ้ว ทำให้คนปวดใจ

หวังเจิ้งที่ยืนอยู่ข้างเถิงเทียนฮั่น ก็ยังอดสูดหายใจเข้าไม่ได้ ก้าวถอยหลังไปอย่างเงียบๆ

สาวงามมักมีพิษ

ซือเหลิ่งเย่ว์ผู้นี้ยิ่งกว่ามีพิษ ว่ากันว่านางมีชีวิตอยู่ยังไม่ถึงยี่สิบห้าปีก็มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วชิงโจว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไหร่กำลังจ้องมองกิจการขนาดใหญ่เช่นนี้ ซ้ำยังคอยสืบข่าวว่านางจะรับสมัครสามีเมื่อใด

ฉินหลิวซีมองเห็นการเคลื่อนไหวของหวังเจิ้ง เอ่ยว่า “หวังเจิ้ง เจ้ากับแม่นางซือมาจากที่เดียวกัน แต่ไม่เคยได้พบกันหรือ”

ทันใดนั้นซือเหลิ่งเย่ว์จึงได้สังเกตเห็นหวังเจิ้ง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณชายหวังก็อยู่ที่นี่ด้วย”

นางมีนิสัยเย็นชา แต่เพราะเป็นหัวหน้าครอบครัวจึงหลีกเลี่ยงการไปมาหาสู่ไม่ได้ นางมีสมุดบันทึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตระกูลที่มีฐานะในชิงโจว และเนื่องจากท่านพ่อของนางต้องการรับสมัครบุตรเขยให้นาง จึงต้องสะสมภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถไว้มากมาย นางย่อมรู้จักหวังเจิ้ง

หวังเจิ้งยิ้มอย่างลำบากใจ “ใช่แล้ว ช่างบังเอิญจริง”

ซือเหลิ่งเย่ว์พยักหน้า ไม่ได้หันไปมองเขาอีก เพียงแต่เอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “แม่นางเกากับเยี่ยนเอ๋อร์ก็มาด้วยนะ บอกว่าอยากมาจุดธูปบูชาเจ้าลัทธิเต๋าเจ้าค่ะ”

นางกวักมือเรียกทางด้านหลัง แม่นางเกาที่รออยู่นานแล้ว จูงมือบุตรสาวก้าวไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น คุกเข่าลงตรงหน้าฉินหลิวซีแล้วโขกศีรษะคำนับสามครั้ง

“ท่านอาจารย์ ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยพวกเราสองแม่ลูกจากเคราะห์ร้าย บุญคุณยิ่งใหญ่มิอาจตอบแทนได้ ข้าทำได้เพียงโขกศีรษะขอบคุณท่านอาจารย์ ขออธิษฐานให้ท่านอาจารย์อายุยืนเจ้าค่ะ”

“เอาเถิด รีบลุกขึ้น พื้นที่นี่เต็มไปด้วยทรายและกรวด เดียวศีรษะจะถลอกเอา แล้วข้าก็ต้องมารักษาให้พวกเจ้าอีก” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางยกมือห้าม

ซือเหลิ่งเย่ว์ส่งสายตาให้อาถูสาวใช้ของตัวเอง อาถูไม่รอช้ารีบพยุงแม่นางเกาลุกขึ้น

ฉินหลิวซีมองไปยังแม่นางเกา นางไปจากครอบครัวสามีแล้ว ใบหน้าดูสดใส กลางหว่างคิ้วอ่อนโยนและสงบ ดูเหมือนว่าใจนางจะปล่อยวางแล้ว

จากนั้นก็หันไปมองเยี่ยนเอ๋อร์ สาวน้อยเบิกตากว้างมองนาง หลบอยู่ข้างหลังท่านแม่ด้วยความเขินอายเล็กน้อยก่อนจะโผล่ศีรษะออกมา

“อาการบาดเจ็บของเจ้าเกือบจะหายดีแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

แม่นางเการีบดึงบุตรสาวออกมา เอ่ย “บาดแผลบนใบหน้าตกสะเก็ดแล้ว เถ้าแก่เนี้ยซื้อยาทาแผลให้นางทุกวัน ตอนนี้แผลเป็นจางลงมากแล้ว เยี่ยนเอ๋อร์ รีบให้ท่านอาจารย์ดูเร็ว ท่านนี้คือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเจ้า เจ้าลืมแล้วหรือ”

“ข้าจำได้ เยี่ยนเอ๋อร์ขอบคุณพี่ชายเจ้าค่ะ” เยี่ยนเอ๋อร์โค้งคำนับอย่างเขินอาย

เถิงเทียนฮั่นและหวังเจิ้งมองดูแม่ลูกคู่นี้ จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี สองคนนี้เป็นคนน่าเวทนาอีกคู่ที่นางช่วยไว้หรือ

“พวกเราเข้าไปคุยข้างในเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็โบกมือให้เถิงเทียนฮั่นและคนอื่นๆ “ข้าไม่ได้ไปส่งพวกใต้เท้าแล้ว เดินทางปลอดภัย”

เถิงเทียนฮั่น “…”

ฉินหลิวซีหันหลังกลับ ทันใดนั้นก็เอ่ยว่า “หากใต้เท้าต้องการตามหาสิ่งที่หายไป ไม่สู้ลองไปตรวจสอบที่ริมน้ำทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่ต้องระวัง อาจจมีเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้นได้เสมอ”

เถิงเทียนฮั่นหยุดหายใจชั่วขณะหนึ่ง เขากำลังตรวจสอบเงินที่ถูกยักยอกขโมยไป ไม่มีเบาะแสมาเป็นเวลานานแล้ว แต่จู่ๆ ฉินหลิวซีก็ชี้แนะขึ้นมา หรือว่าหมายถึงที่อยู่ของเงินจำนวนนั้น

เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว อยากจะถามว่าสามารถบอกตำแหน่งเฉพาะเจาะจงได้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นนางค้ำไม้เท้าอยู่ก็นึกถึงห้าโทษสามวิบัตินั้น เมื่อคำพูดมาถึงที่ปากก็เปลี่ยนไปทันที “มอบเครื่องรางสักหนึ่งอย่างได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีหยิบยันต์แคล้วคลาดมาสองสามแผ่นแล้วยัดไปให้ “ต่อไปนี้อย่าลืมบริจาคค่าน้ำมันตะเกียงให้อารามชิงผิงของเราทุกปี เจ้าลัทธิเต๋าจะคุ้มครองใต้เท้า”

เถิงเจาเองก็มองเขาด้วยสายตาสดใส

ทันใดนั้นเถิงเทียนฮั่นก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ได้!”

ฉินหลิวซีโบกมือ มือหนึ่งค้ำไม่เท้า เดินขากระเผลกเข้าไปข้างในพลางพูดคุยกับซือเหลิ่งเย่ว์ไปด้วย

เถิงเทียนฮั่นมองดูพวกนางหายเข้าไปในประตู จากนั้นก็รอแทบไม่ไหวที่จะขึ้นไปบนรถ เอ่ยว่า “รีบออกเดินทางโดยไม่ต้องหยุดพัก ข้าจำได้ว่าหลินซื่อ อนุนอกเรือนของจังลู่เป็นคนเมืองอวี๋ เมืองอวี๋อยู่ใกล้น้ำ”

อาจารย์ฉีตามเขาขึ้นไปบนรถ เอ่ยว่า “นายท่านเชื่อนางหรือ”

“เจ้าไม่เชื่อหรือ” เมื่อก่อนเขาก็ไม่เชื่อ แต่หลังจากประสบเหตุการณ์แปลกๆ เช่นนี้ติดกัน อีกทั้งบุตรชายก็เป็นศิษย์ของนางแล้ว ยากที่เขาจะไม่เชื่อ

อาจารย์ฉียิ้มพลางเอ่ย “ข้าเชื่อสายตาของคุณชายน้อยขอรับ”

เถิงเทียนฮั่นถอนหายใจ เอ่ยว่า “หลายปีมานี้ลำบากเจ้าคอยอยู่ข้างกายเจาเอ๋อร์ เจ้ากลับมา ในใจข้านั้นดีใจ หากเจ้าต้องการตำแหน่งใด ข้าสามารถแนะนำเจ้าให้ได้”

ท่านอาจารย์ฉีส่ายหน้าพลางเอ่ย “เป็นขุนนางไม่มีอะไรน่าสนใจ ให้ข้าคอยติดตามอยู่ข้างกายนายท่านเพื่อช่วยให้คำปรึกษาดีกว่า หากมีเรื่องใด นายท่านจะได้เรียกใช้ได้อย่างเต็มที่”

“ตกลง” เถิงเทียนฮั่นเปิดผ้าม่านรถขึ้น มองดูอารามชิงผิงค่อยๆ กลายเป็นจุดเล็กๆ ดวงตามีน้ำตาไหลเอ่อออกมา

การจากลาครั้งนี้ก็ไม่รู้เลยว่ากว่าพ่อลูกจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อใด

“นายท่าน ทุกคนมีโชคชะตาของตัวเอง ข้าเชื่อว่าการที่คุณชายน้อยอยู่ภายใต้การดูแลของนางจะเหมาะสมกว่าการอบรมสั่งสอนของพวกเรา” ท่านอาจารย์ฉียิ้มปลอบใจเล็กน้อย “ที่ใดใจสงบที่นั้นคือบ้าน ย่อมเป็นที่ที่ต้องการจะไป ความสงบใจของคุณชายน้อยสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เถิงเทียนฮั่นพยักหน้า แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ในใจก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหายไป

เถิงเจาดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง มองลงไปทางด้านล่างภูเขา ยืนนิ่งเป็นเวลานาน

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นก็ลูบศีรษะเขาพลางเอ่ย “พวกเจ้าพ่อลูกต่างมีเส้นทางของตัวเอง การแยกจากกันในตอนนี้ไม่ใช่การแยกจากกันตลอดไป สักวันหนึ่งจะได้พบกันอีก เข้าไปเถิด”