บทที่ 121: พลังของสว่านดาวตก

ที่ปากทางเข้าหุบเขา

กรีด!

ทันทีที่หลินซานและทีมของเขาออกมาเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นจากท้องฟ้าอย่างกะทันหัน

เงาขนาดใหญ่โอบล้อมพวกเขา

การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปพวกเขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

นกยักษ์บินวนอยู่บนหัวของพวกเขาเมื่อมันกระพือปีก ลมพายุก็ก่อตัวขึ้น ต้นไม้รอบตัวพวกเขาแกว่งไปทางขวาและซ้ายอย่างแรง

“แกนี่ช่างกล้าจริงๆ กล้าดียังไงมาฉกของที่ฉันเล็งเอาไว้”

เสียงของชายหนุ่มดังออกมาจากหลังของนกเขาพูดด้วยภาษากลางของทวีปซินหวี่

พวกเขามองไม่เห็นบุคคลนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินแต่เสียงของเขาเท่านั้น

ในชั่วพริบตา สีหน้าของสมาชิกทีมพยัคฆ์นักรบก็กลายเป็นน่าเกลียด

ก่อนหน้านี้ อารมณ์ของหลินซานนั้นดีมาก และเขาก็ยิ้มเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบาน อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็กําลังเครียดและมองดูนกที่อยู่เหนือเขาด้วยความหงุดหงิด

มาปรากฏตัวเชียอะไรตอนนี้?

ฉันเพื่อนเล่นพ่อแกหรอ!

หัวใจของหวังเต็งเองก็เต้นผิดจังหวะ

นี่น่าจะเป็นคนที่สร้างบาดแผลให้กับเติ้งหลงเขาเดียวในตอนแรก พวกเขาคิดว่าเขาจากไปแล้ว แต่โชคร้ายที่พวกเขากลับต้องมาพบเขาอีกตรงหน้าเมื่อพวกเขาออกมาจากหุบเขา

ทีมพยัคฆ์นักรบเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก และแม้แต่หลินซานก็ยังได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจึงเหลือความสามารถในการต่อสู้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะคนๆนี้ที่สามารถทําให้เติ้งหลงได้รับบาดเจ็บได้

และเมื่อดูจากสําเนียงของเขแล้ววา อีกฝ่ายก็น่าจะเป็นคนท้องถิ่นจากทวีปซินหวี่

หวังเต็งรู้มาจากหนังสือเล่มเล็กว่า แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับทวีปซินหวุ่นั้นจะดูสงบสุข แต่ความเป็นจริงแล้วมันก็มีการแข่งขันกันอย่างมากรวังทั้งสอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งมนุษย์โลกเป็นบุคคลภายนอก

ทรัพยากรที่ทวีปซินหวุ่มอบให้กับนักสู้นั้นมีจํากัดอยู่แล้ว และเมื่อผู้คนจากโลกเข้ามาเพิ่ม มันก็ยิ่งทําให้ความตึงเครียดนี้สูงขึ้นไปอีก

หากพวกเขาไม่ต่อสู้ทรัพยากรทั้งหมดก็จะถูกแย่งชิงไปโดยอีกฝ่าย!

และนี่คือสถานการณ์ในตอนนี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายจากต่างโลกมาพบกันมันก็จะไม่มีที่ว่างให้พูดคุยกัน

มันที่เพียงคําเดียวเท่านั้นสู้!

ทรัพยากรจะตกเป็นของผู้ชนะ!

หลินซานแลกเปลี่ยนสายตากับสมาชิกในทีมของเขา พวกเขาเข้าใจเจตนาของกันและกันและตัดสินใจที่จะต่อสู้กับชายหนุ่ม

ตามที่คาดไว้ หลินซานเปิดก่อน “แกอย่ามาเพ้อเจ้อ เติ้งหลงเขาเดียวตัวนี้ไม่ได้ถูกฆ่าโดยแก แล้วทําไมคนอื่นจะไม่สามารถฆ่ามันได้”

“หึม ในเมื่อฉันจับตาดูมัน มันก็เป็นของฉันแล้วแกคิดว่าแกเป็นใครกัน?” ชายหนุ่มบนนกตอบอย่างเย่อหยิ่ง

“หยุดพล่ามได้แล้ว ถ้าอยากได้ก็เข้ามา” หลินซานเย้ยหยัน

“อวดดีซะจริง!”

“เจ้าดําน้อยฆ่าพวกมัน!” ชายหนุ่มบนนกสั่งด้วยเสียงเย็นชา

กรีด!

นกส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน มันจ้องไปที่ผู้คนบนพื้นด้วยสายตาที่เฉียบคม จากนั้นมันก็ปิดปีกและกระพือปีกอย่างแรง

พายุก่อตัวขึ้น ใบมีดลมปรากฏขึ้นขณะที่พวกมันกวาดเข้าหาผู้คนบนพื้น

“ เชี่ย สัตว์อสูรดาราธาตุลมอีกหนึ่งตัว”

หลินซานสาปแช่งเขารีบยกโล่ขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี

คนอื่นๆก็ทําตามมาพวกเขาถอยกลับและป้องกันร่างกายของพวกเขาด้วยโล่ของพวกเขา

แคร๊ง แคร๊ง แคร๊ง…

ใบมีดลมปะทะกับโล่และทําให้เกิดเสียงโลหะกระทบกัน

“หลิวหยาน ยิงมันลงมา”

“หยางเฟย หยานจินหมิง ปกปิดหลิวหยาน”

“หวังเต็งนายรู้วิธียิงใช่มั้ย? เร็วเข้าสอยไอ้สัตว์นี่ลงมา”

หลินซานถ่านทอดคําสั่งลงไปที่เพื่อนร่วมทีมของเขาในทันทีอย่างไม่ลังเล

หยางเฟยและหยานจนหมิงย้ายไปประกบหลิวหยานในทันทีพวกเขายกโล่ขึ้นและคลุมเธอไว้

หลิวหยานวางโล่ของเธอไว้ด้านหลังและเอาปืนกลหนักของเธอออกมา เธอยิงขึ้นไปในอากาศผ่านช่องว่างของโล่ทั้งสอง

ปัง ปัง ปัง…

กระสุนโลหะผสมจํานวนมากกลืนกินนกบนท้องฟ้าเหมือนฝนกระสุน

“บินขึ้น!” ร่างนั้นสั่งอีก

นกกระพือปีกอีกครั้งและทําให้เกิดลมแรง มันพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศและบินสูงขึ้นไปในทันที่มากกว่าสิบเมตร

“หัวหน้า เขาอยู่ไกลเกินไปแล้ว!” หลิวหยานกล่าวด้วยท่าทางที่น่าเกลียด

ในอีกด้านหนึ่ง หวังเต็งก็หยิบธนูหนักของเขาออกมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ เขาดึงลูกธนูบนคันธนูและใช้พลังฟอร์สทั้งหมดที่มีพลังฟอร์สธาตุน้ําแข็งรวมตัวกันที่ปลายลูกศรในขณะที่เขาปล่อยลูกศรออกไป

น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทําอะไรได้เช่นกัน

“บัดสบ ไอ้เด็กเหลือขอนั่นมันคํานวณระยะห่างเอาไว้แล้ว มันรู้ว่าเราไม่สามารถโจมตีไปถึงมันได้ และ มันก็เป็นเหตุผลที่มันไม่กลัวเรา” หลินซานกัดฟันพูด

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าแกยังมีสติดี งั้นก็ส่งของๆแกมาให้ฉันซะมิฉะนั้นวันนี้ก็จะเป็นวันตายของพวกแกทั้งหมด” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องฟากฟ้า

จากนั้นพวกเขาก็ถูกคลื่นลมพัดท่วม

“แกกําลังวางแผนที่จะเอาชนะพวกเราด้วยใบมีดลมพวกนี้อย่างงั้นหรอ?”

“ไอ้กากเอ้ย ลงมาและต่อสู้กับพวกเราแบบตัวต่อตัวสิถ้าแกแน่จริงทําไมแกถึงเองแต่ซ่อนตัวอยู่ข้างบนล่ะ? แกไม่รู้หรอว่าแกดูเหมือนกับคนขี้ขลาดขนาดไหน?” หลินซานตะโกนกลับไป เขาปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่าย แพ้

“แกกําลังมองหาความตาย”

ชายหนุ่มที่อยู่บนนกรู้สึกโกรธจัดเมื่อได้ยินคําพูดของหลินซาน เขาหยิบปืนใหญ่ออกมาและเล็งไปที่ผู้คนด้านล่าง

“งั้นลองชิมปืนใหญ่ของฉันดูหน่อยละกัน!”

บูมมม!

เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ เปลวเพลิงคํารามพุ่งออกมาจากปากปืนใหญ่ ลูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้ามาหาหวังเต็งและเพื่อนร่วมทีมของเขา

“ไอ้บ้าเอ้ย นี่มันปืนใหญ่เทพอัคคี!”

“หลบเร็ว!”

ใบหน้าของหลินซานเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาระเบิดความเร็วทั้งหมดของเขาและพยายามหนีออกมา

การแสดงออกของคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ดูเหมือนว่ามันจะมีล้ออยู่บนขาของพวกเขาขณะที่พวกเขาวิ่งออกไป ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว

หวังเต็งสาปแช่งอยู่ในใจ

ไอ้ชั่วนี่มันร้ายกาจจริงๆ นอกจากนี้มันก็ยังมีอาวุธหนักเช่นปืนใหญ่อีก

เขาเคยได้ยินเรื่องปืนใหญ่เทพอัคคีมาก่อน สิ่งนี้มีราคาแพงมาก และพลังของมันก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาจะไม่สามารถใช้ได้

และการที่มันมีปืนใหญ่กระบอกนี้นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้เช่นกัน

ตอนนี้สายเกินไปที่จะพูดอะไร พวกเขาจําเป็นต้องหลบหนี

ปูมมม!

ลูกกระสุนปืนใหญ่พลังฟอร์สที่ยิงออกมาโดยปืนใหญ่เทพอัคคีได้กระแทกเข้ากับพื้น เปลวเพลิงพุ่งขึ้นไปในอากาศ และคลื่นกระทบที่มองเห็นได้ก็พัดผ่านป่าไปและเปาทุกสิ่งอย่าง

หลิวซาน,หวังเต็งและสมาชิกในทีมคนอื่นๆไม่สามารถวิ่งหนีไปได้ไกลนัก

ระเบิดอันทรงพลังเคลื่อนที่เร็วราวกับสายฟ้า มันโยนพวกเขาขึ้นไปในอากาศ

หวังเต็งแทบจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ในเวลานี้เขาไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่น

“โล่ปฐพี!”

เขารีบป้องกันด้านหน้าของเขา ในเวลาเดียวกัน พลังฟอร์สก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขาและรวมตัวกันเป็นเกราะสีน้ําตาลอมเหลือง

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นและจิตใจของเขาก็ตึงเครียดขึ้น พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติและรวมเข้ากับโล่ปฐพี

ทันใดนั้นโลกก็เงียบลงในทันที

เขาสูญเสียการได้ยินชั่วคราวเนื่องจากการระเบิดครั้งใหญ่!

เกราะป้องกันของเขาแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

โล่ปฐพี่ทนอยู่เพียงสามลมหายใจเท่านั้นก่อนที่มันจะค่อยๆพังทลายไป

คลื่นร้อนพุ่งเข้าหาเขาคลื่นกระแทกกระทบร่างกายของหวังเต็ง และเขาก็รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างกระทบ เข้ากับศีรษะของเขาจากนั้นวิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนเป็นสีดํา เขามองไม่เห็นอะไรเลยในทันที

ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปนานถึงกระนั้น มันก็รู้สึกเหมือนชั่วขณะเช่นกัน

หวังเต็งส่ายหัวและคลานขึ้นจากพื้นในตอนแรก จิตใจของเขาก็ยังคงสับสน เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่ในวินาทีต่อมา รม่านตาของเขาก็หดแคบลงเขาฟื้นความทรงจําของเขาแล้ว

“ฉันยังมีชีวิตอยู่!”

เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่สามารถรอดจากการโจมตีมาได้

จากนั้นเขาก็รีบกระโดดขึ้นอย่างไรก็ตาม การกระทํานั้นก็ทําให้เขาต้องอ้าปากกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล

มันเจ็บปวดมาก

“บัดสบ คนอื่นๆเป็นยังไงกันบ้างนะ”

หวังเต็งเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆตัวเขา พื้นดินเป็นสีดําสนิทและมีรูลึกอยู่ตรงกลางต้นไม้รอบๆบริเวณพังทลายลงมาเปลวเพลิงโหมกระหน่ําบนกิ่งก้านของต้นไม้

“ห้ะ? ยังมีคนรอดอยู่!”

นกบินลงมาอย่างช้าๆ

ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังนกและมองลงมาที่หวังเต็ง

ชุดที่เขาสวมเป็นสไตล์ของทวีปซินหวี่

โลกทั้งสองนั้นมีปฏิสัมพันธ์กันมาเป็นเวลา 30 ปี แต่พวกเขาก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาไว้

ตัวอย่างเช่น ผู้คนบนโลกจะไม่สวมใส่เสื้อผ้าของทวีปซินหวี่โดยเฉพาะ และในทํานองเดียวกันผู้คนใน ทวีปซินหวี่ก็จะไม่สวมเสื้อผ้าจากโลกเช่นกัน

เขามองหวังเต็งอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดอย่างใจเย็นว่า “แกเป็นนักสู้ระดับทหาร 1 ดาวงั้นสินะ ดูเหมือนว่าแกจะช่างโชคดีจริงๆที่รอดมาได้ แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพื่อนแกจะโชคดีรอดมาได้ด้วยหรือไม่”

“บอกฉันทีสิ แกได้อะไรมาจากเติ้งหลงเขาเดียวบ้าง? แล้วใครเป็นคนเก็บมันไว้? ถ้าแกบอกฉันมาล่ะก็บาง ที่ฉันก็อาจจะพิจารณาไว้ชีวิตแกก็ได้”

“แกฆ่าพวกเขาหรอ?”

หวังเต็งยังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา อย่างไรก็ตาม มันก็มีแสงสะท้อนเย็นเยียบในดวงตาของเขาแม้ว่าเขาจะเพิ่งรู้จักหลินซานและสมาชิกในทีมคนอื่นๆมาในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นแต่พวกเขาก็ดูแลเขาเป็นอย่าง

แกจะต้องชดใช้!

นอกจากนี้ ไอ้เวรตะไลนี่ก็ยังคิดจะฆ่าเขา!

ใครก็ตามที่คิดจะฆ่าฉันมันก็จะต้องตาย!

“ทําไม? แกจะแก้แค้นให้พวกมันอย่างงั้นหรอ?” ชายหนุ่มเย้ยหยัน เขาไม่ได้ซ่อนความดูหมิ่นของเขา

“ฉันไม่รังเกียจที่จะบอกแกหรอกนะว่าฉันเป็นนักสู้ระดับทหาร 3 ดาว ถ้าแกตอบฉันมาตรงๆ แกก็อาจจะสามารถรักษาชีวิตของแกเอาไว้ได้ถ้าไม่เช่นนั้น ฉันก็จะปล่อยให้แกตายอย่างน่าสยดสยอง…”

“ลุง ฉันขอทราบอายุหน่อยได้ไหม” หวังเต็งขัดจังหวะเขา

…ชายหนุ่มตกตะลึงกับคําถามแปลกๆนี้

แล้วก็…

ลุง!

แกเรียกใครว่าลุงกัน?

เส้นเลือดของชายหนุ่มปูดออกมาจากหัวของเขา เขาถามด้วยท่าทางโกรธจัด “แกหมายความว่ายังไงกัน?”

“โอ้ก็ไม่มีอะไร ฉันก็แค่เคยได้ยินมาว่าคนแก่มักขี้บ่น ดังนั้นฉันจึงต้องการดูว่าแกจะเป็นคนแก่ภายใต้ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นหรือไม่” หวังเต็งกล่าว

“ไอ้แก่ๆ!”

“ในเมื่อแกอยากตายนัก งั้นฉันก็จะทําความปรารถนาของแกให้เป็นจริงเอง!”

การแสดงออกของชายหนุ่มกลายเป็นเย็นชา เขากางกรงเล็บออกและปล่อยพลังฟอร์สออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าโจมตีหวังเต็งอย่างเลือดเย็น

หวังเต็งจ้องไปที่เขาขณะที่เขากําลังจะโจมตีอย่างไรก็ตามใบหน้าของหวังเต็งก็ยังคงสงบ

70 เมตร!

60 เมตร!

50 เมตร…

ในขณะนั้น หวังเต็งก็ขยับความคิดของเขา พลังแห่งจิตวิญญาณจํานวนเล็กน้อยที่เหลืออยู่พุ่งออกมาจากจิตใจของเขา

มีดบิน!

แสงเย็นวาบปรากฎออกมาจากชุดรบของเขามันกลายเป็นสายฟ้าแลบที่พุ่งเข้าหาชายหนุ่ม

“พลังแห่งจิตวิญญาณ!”

สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก

ความเร็วของแสงอันเยือกเย็นนี้เร็วมากจนเขาไม่สามารถมองตามได้ทันชั่วพริบตามันก็ไปปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

มันสายเกินไปที่จะหลบ

ชายหนุ่มรีบตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางพลังฟอร์สในร่างกายของเขาพุ่งออกมาในขณะที่เขาหันกรงเล็บไปทางแสงอันเยือกเย็น

“กระจาย!”

หวังเต็งเงยหน้าขึ้นและตะโกนออกมา

ประกายเย็นวาบระเบิดใต้กรงเล็บของชายคนนั้น มันกลายเป็นรังสีเย็นเยียบทั้งหกและโจมตีชายหนุ่มจากทุกทิศทุกทาง

หวังเต็งจําทฤษฎีของสว่านดาวตกได้ ดังนั้นเมื่อเขาโจมตีครั้งแรก เขาจึงใช้มีดสั้นทั้งหกเล่มรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเมื่อมันเข้าไปใกล้ศัตรู เขาก็บังคับให้มันแยกออกจากัน!

“ไม่!”

เขาตะโกนด้วยความสิ้นหวัง ในที่สุดความกลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม รูม่านตาของเขาหดแคบเป็นเข็ม และในเวลาเดียวกัน มันก็มีแสงเย็นเยียบหกเส้นสะท้อนอยู่ในนั้น

เฉือน!

แสงเย็นเยียบทั้งหกเส้นพุ่งเข้าใส่หัวของชายหนุ่มในทันที

บ้างเจาะเข้าไปในดวงตาของเขาบ้างก็ทะลุหน้าผากของเขา บ้างก็แทงเข้าที่ขมับของเขา …

เลือดพุ่งออกมาจากทุกที่!

ชายหนุ่มเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง

เลือดไหลออกจากตา หู จมูก และปากของเขา

ความตื่นตระหนก,ความสิ้นหวัง ความไม่เต็มใจและกระทั่งความเสียใจ…อารมณ์ต่างๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ค่อยๆสูญเสียพลังชีวิตไป

หวังเต็งมองไปที่ร่างกายร่างนั้นขณะที่มันกําลังร่วงลงจากพื้นและกระแทกกับพื้นอย่างแรง

เขาพดอย่างใจเย็น “ฉันขอโทษ แต่ฉันก็ยังไม่อยากตาย”