ตอนที่ 244 ไม่จำเป็นต้องตรวจ หล่อนไม่ได้ท้อง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 244 ไม่จำเป็นต้องตรวจ หล่อนไม่ได้ท้อง

ตอนที่ 244 ไม่จำเป็นต้องตรวจ หล่อนไม่ได้ท้อง

ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินดูจริงจังมากในเวลานี้ เขามองหลินเซี่ยด้วยความเกลียดชัง “เซี่ยเซี่ย รู้ไหมว่าแม่ของเธอกับฉันเสียใจแค่ไหนที่รู้ว่าเธอทำแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเรา แต่หลังจากประสบการณ์ชีวิตถูกเปิดเผย อวี้อิ๋งก็อุตส่าห์มาหาเธอครั้งแล้วครั้งเล่า อยากให้เธอกลับไปอยู่กับตระกูลเสิ่น เพราะกลัวว่าเธอที่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมดี ๆ จะอดทนรับความยากลำบากเมื่อต้องไปอยู่อย่างแร้นแค้นไม่ได้ เธอไม่ยอมกลับบ้านดี ๆ ไม่พอ ตอนนี้ยังมาทำร้ายลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ทำให้หล่อนต้องสูญเสียลูกไป ฉันผิดหวังในตัวเธอจริง ๆ”

“ผู้อำนวยการเสิ่น ได้ยินการลำเลิกบุญคุณทั้งหมดแล้วฉันรู้สึกละอายใจจริง ๆ เลยค่ะ เกือบจะหลงเชื่อคำพูดของคุณอยู่แล้วเชียว”

หลินเซี่ยมองเขาด้วยท่าทางเย้ยหยัน ดวงตาที่มีความผิดของเสิ่นเถี่ยจวินกะพริบปริบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง “หมายความว่ายังไง? ในเวลาแบบนี้ยังคิดจะเสแสร้งแดกดันฉันอีกเหรอ? เธอนี่มันไม่มีมารยาทเลย”

“ฉันเสแสร้งไม่ได้งั้นเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำให้คุณหยุดเสแสร้งด้วยเหมือนกัน”

หลินเซี่ยมองไปที่เสิ่นเถี่ยจวินและผู้เฒ่าเสิ่น จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันขอไม่พูดถึงแล้วกันว่าตอนนั้นฉันถูกผลักไสออกมาจากบ้านของพวกคุณยังไงบ้าง ฉันขอถามอะไรหน่อย ในบรรดาพวกคุณมีใครเคยเห็นผลการฝากครรภ์ของเสิ่นเสี่ยวเหมยก่อนหน้านี้บ้าง? หล่อนเคยทำอัลตราซาวด์บีไหม? เคยมาตรวจสุขภาพก่อนคลอดหรือเปล่า? ถ้าเคย กรุณานำออกมาให้ดูหน่อย”

ว่าแล้วเธอก็ยื่นมือไปทางเฉินเจียซิ่งและคนอื่น ๆ “คุณมีผลอัลตราซาวด์บีจากโรงพยาบาลไหม? แพทย์ได้ระบุชัดเจนหรือยังว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยตั้งครรภ์จากหลักฐานทางกายภาพของหล่อน? หรือแค่อ้างอิงจากปากแดง ๆ ฟันขาว ๆ ของหล่อนเท่านั้น?”

“เซี่ยเซี่ย เธอหมายความว่ายังไง?” โจวลี่หรงมองเธอและถามด้วยความตกใจ

หลินเซี่ยตอบกลับ “คุณแม่ พวกเราเริ่มสงสัยแล้วว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเสี่ยวเหมยอาจไม่ได้ท้อง หล่อนแค่พยายามใส่ร้ายฉัน และใช้ข้อแก้ตัวนี้เพื่อหลบเลี่ยงความจริงที่ว่าหล่อนไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก”

หลังจากที่เฉินเจียซิ่งได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เขาก็รีบวิ่งไปหาเธออย่างตื่นตระหนก กัดฟันกรอด แม้กระทั่งดวงตาก็แดงก่ำ “หลินเซี่ย เธอรู้ไหมว่ากำลังอะไรออกมา?”

เฉินเจียซิ่งไม่อยากเชื่อคำพูดของหลินเซี่ยเด็ดขาด ที่บอกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้ท้อง

เมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว หัวใจของเขาก็เริ่มสั่นเทา

“เฉินเจียซิ่ง นายได้พาภรรยาไปตรวจสุขภาพก่อนคลอดหรือเปล่า? ทำไมถึงได้หลงเชื่อหล่อนง่าย ๆ”

หลินเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงอันดังต่อหน้าทุกคน “ทำไมตอนนั้นหล่อนถึงพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าลูกจากไปแล้ว? ทำไมถึงรู้ว่าเด็กไม่อยู่กับตัวเองอีกต่อไป หล่อนเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยที่หมดสติ ถูกเข็นออกมาโดยที่ยังนอนสลบอยู่บนเตียงผู้ป่วย พอตื่นขึ้นก็แหกปากลั่นว่าตัวเองแท้ง ครอบครัวคนรวยอย่างพวกคุณหลงเชื่อคารมฉาบฉวยโดยไม่คิดจะตรวจสอบอะไรเลยเหรอ? เราตัดสินใจแล้วว่าจะขอให้ผู้บริหารของโรงพยาบาลเข้ามาแทรกแซงในการสอบสวน เพราะฉะนั้นพวกคุณช่วยแสดงหลักฐานหน่อย เพื่อพิสูจน์ว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยตั้งท้องจริงไหม?”

เพียงชั่วข้ามคืน หลินเซี่ยก็มาพร้อมกับข่าวที่น่าตกใจแต่เช้าตรู่ ไม่เพียงแต่ตระกูลเสิ่นเท่านั้นที่คาดไม่ถึง แต่เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงที่มาส่งอาหารก็ตกอยู่ในความสับสนเช่นกัน

“เจียซิ่ง ถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยมีผลการตรวจร่างกายก็นำออกมาเถอะ แต่ถ้าไม่มี เราจะทำเรื่องย้ายหล่อนไปที่โรงพยาบาลไห่เฉิงเพื่อตรวจสุขภาพใหม่ทั้งหมดโดยทันที” เฉินเจียเหอพูด “โรงพยาบาลไห่เฉิงเป็นโรงพยาบาลที่สามารถเชื่อถือได้ ให้หมอเฉพาะทางตรวจดูสักหน่อย ถ้าเรารู้ว่าหล่อนแท้งจริงไหม ทุกอย่างก็จะชัดเจนว่าใครถูกใครผิด และเราไม่ต้องทะเลาะกันอีกต่อไป”

ใบหน้าของเฉินเจียซิ่งถมึงทึงขึ้นมา “พี่ใหญ่ พวกคุณสองคนควรหยุดทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้แล้ว ใครจะกล้าโกหกว่าตัวเองแท้ง?”

เฉินเจียเหอหัวเราะเยาะ “ลองถามเสิ่นเสี่ยวเหมยดูสิ”

ผู้เฒ่าเสิ่นทนไม่ได้จริง ๆ ที่เห็นหลานสาวสุดที่รักของเขาถูกใส่ร้ายแบบนี้ เขาเดินไปที่เตียงด้วยความโกรธ และพูดกับเสิ่นเสี่ยวเหมยว่า “เสี่ยวเหมย ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลไห่เฉิงกันเถอะ”

“ถ้าตรวจแล้วผลออกมาว่าเธอแท้งจริง เฉินเจียเหอ เธอจะต้องหย่ากับหลินเซี่ยทันที จากนั้นตระกูลเสิ่นของเราจะส่งหล่อนเข้าคุก”

หลินเซี่ยมองไปที่ชายชราผู้หน้ามืดตามัว เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย “ได้สิคะ”

ก่อนหน้านี้เธอไม่แน่ใจนักว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยแค่แสดงละครจริงหรือไม่ แต่หลังจากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในตอนเช้า เธอก็มั่นใจมากว่าผู้หญิงคนนี้ท้องลม

ผู้เฒ่าเสิ่นไปดึงเสิ่นเสี่ยวเหมยให้ลุกขึ้น แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยหลบเลี่ยงมือของเขา “ลุง ทำไมฉันต้องทำตามคำพูดของพวกเขาด้วย ฉันเหมือนคนล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้หรือไง แค่ฉันสูญเสียลูกไปทั้งคนก็เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว แต่คนพวกนี้กลับไม่เข้าใจความรู้สึกของฉัน เอาแต่มาออกันเต็มห้องแล้วตั้งคำถามโจมตีฉันต่าง ๆ นานา คิดจะกดดันฉันให้ตายไปข้างหรือไงกัน”

ขณะที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูด หล่อนก็ดึงทึ้งผมของตัวเองด้วยแรงอารมณ์ แล้วเอาหัวโขกกับกำแพง

ผู้เฒ่าเสิ่นตกใจมาก รีบเข้าไปช่วยหล่อน “เสี่ยวเหมย อย่าทำแบบนี้ ลุงรู้ว่าหลานไม่ได้ทำผิด ลุงเชื่อในตัวหลาน เราไม่ต้องไปตรวจสุขภาพแล้ว เธอควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี รอจนกว่าร่างกายและสภาพจิตใจจะดีขึ้นซะก่อน อย่ากังวลไปเลยนะ ลุงอยู่นี่แล้ว และจะไม่ยอมให้หลานถูกรังแก”

เสิ่นเสี่ยวเหมยอาละวาดด้วยแรงอารมณ์ ทันใดนั้นเฉินเจียซิ่งก็เข้าไปจับมือของเสิ่นเสี่ยวเหมยไว้ และปลอบโยนหล่อนอย่างนุ่มนวล

เมื่อเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมยสูญเสียการควบคุม และระบายความเจ็บปวดออกมาอย่างบ้าคลั่ง โจวลี่หรงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกสะเทือนใจตามไปด้วย ท้ายที่สุดแล้ว คนเป็นแม่เมื่อต้องสูญเสียลูกไปนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร ๆ

ไม่เหมาะสมจริง ๆ ที่หลินเซี่ยจะมาสงสัยหล่อนแบบนี้

เฉินเจิ้นเจียงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เซี่ยเซี่ย หยุดพูดเถอะ ปล่อยให้เสี่ยวเหมยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อน”

หลินเซี่ยมองไปที่เฉินเจิ้นเจียงแล้วพูดว่า “คุณพ่อ ถ้าตอนนี้ฉันไม่ปกป้องตัวเอง แล้วจะให้ฉันก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำเหรอคะ? ทำไมหลินเซี่ยคนนี้ถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง? ฉันแค่อยากจะรู้ความจริงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง หล่อนได้รับสนับสนุนจากตระกูลเสิ่น ถึงกล้าแพร่กระจายข่าวลือโดยไม่คำนึงถึงอะไรแบบนี้ แต่ฉันไม่ใช่ ‘เสิ่นอวี้อิ๋ง’ คนเดิมอีกต่อไป ที่จะยอมปล่อยให้พวกเขารังแกเหมือนตอนที่ฉันยังอยู่ในบ้านหลังนั้น ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีกแล้ว และฉันจะไม่ยอมถูกใส่ร้ายฝ่ายเดียวด้วย”

ทัศนคติของเฉินเจียเหอก็แข็งแกร่งพอ ๆ กัน “พ่อ แม่ พวกเราขอเรียกร้องให้เสิ่นเสี่ยวเหมยไปตรวจสุขภาพใหม่ที่โรงพยาบาลไห่เฉิง”

เฉินเจียวั่งก้าวขึ้นมาอยู่แนวหน้าเช่นกันกับเฉินเจียเหอ “ใช่ครับ ที่นั่นอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบและค้นหาความจริงทั้งหมด ไม่ต้องให้เธอเดินก็ได้ รถยนต์ของพี่เซี่ยไห่กำลังสตาร์ทรออยู่ข้างนอก”

เสิ่นเสี่ยวเหมยโผเข้าไปกอดผู้เฒ่าเสิ่น จากนั้นก็ร้องไห้อย่างขมขื่น เอาแต่พร่ำรำพันถึงความเศร้าโศกและความเจ็บปวดของตัวเอง เฉินเจียซิ่งรู้สึกสงสารภรรยาของเขามาก แต่รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถต้านความตั้งใจอันแข็งแกร่งของเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยได้

เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงกลายเป็นคนกลาง ยากที่จะตัดสินใจจริง ๆ

ผู้เฒ่าเสิ่นเริ่มเปล่งเสียงวางอำนาจ “ถ้าหลานสาวของฉันไม่ยินยอมไปตรวจสุขภาพ พวกคุณจะทำยังไงกับหล่อน?”

ยังไม่ทันที่เขาจะสะสางบัญชีกับหลินเซี่ย นังเด็กเวรคนนี้ก็ต้อนเขาให้จนมุมเสียก่อน

เฉินเจียเหอพูดกับพ่อแม่ของเขาว่า “พ่อ แม่ ในเมื่อหล่อนไม่ยอมไปดี ๆ งั้นเราคงต้องแจ้งตำรวจให้เข้ามาจัดการ คุณปู่บอกว่าเราควรคำนึงถึงใบหน้าของตระกูลเฉินเป็นที่ตั้ง อย่าไปแจ้งความและทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ แต่สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ปัญหาคงแก้ไขไม่ได้ถ้าเราไม่แจ้งตำรวจ”

โจวลี่หรงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรติดอยู่ในทางตันอีกต่อไป ถ้าพวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ทั้งสองครอบครัวจะได้รับผลกระทบ

หล่อนพูดกับเฉินเจิ้นเจียง “เหล่าเฉิน คุณช่วยโทรหาตำรวจหน่อยได้ไหม เราจัดการกันเองไม่ได้แล้ว งั้นก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบสวนเถอะ”

เฉินเจิ้นเจียงลังเล

หลินเซี่ยไม่สนใจที่จะถามความคิดเห็นของพวกเขาอีกต่อไป ดึงเฉินเจียเหอออกไปทันที

“เฉินเจียเหอ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจกันเถอะ”

เมื่อได้ยินว่าตัวเองกำลังจะถูกแจ้งความ อารมณ์ที่กำลังจะสงบของเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ปั่นป่วนอีกครั้ง

เอาแต่ร้องไห้เสียใจกับการจากไปของลูกในท้องตัวเอง

เฉินเจียซิ่งที่อยู่ตรงนั้นช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง “เสี่ยวเหมย ปล่อยให้พวกเขาไปเถอะ ในเมื่ออยากแจ้งความนักก็เอาเลย แล้วเรามารอดูกันว่าโจรอย่างพวกเขาจะร้องจับโจรยังไง”

ขณะที่เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกำลังจะออกไป เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้องไปตรวจหรอก หล่อนไม่ได้ท้อง”

ทุกคนได้ยินเสียงนั้น ก็หันขวับมองไปที่ประตู

เมื่อเห็นเซี่ยหลานเดินเข้ามา ทุกคนต่างก็ตกใจ

ไม่ใช่เพราะแปลกใจกับการมาถึงของหล่อน แต่ตกใจในสิ่งที่หล่อนเพิ่งพูด

โจวลี่หรงรีบก้าวไปข้างหน้า ถามว่า “หมอเซี่ย คุณว่าอะไรนะคะ?”

เซี่ยหลานไม่ตอบคำพูดของโจวลี่หรง แต่เดินตรงไปที่เตียงผู้ป่วย มองไปยังผู้หญิงบนเตียง จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสิ่นเสี่ยวเหมย หยุดแสดงละครได้แล้ว”

ใบหน้าอันเจ็บปวดของเสิ่นเสี่ยวเหมยแข็งทื่อ “พี่สะใภ้ หมายความว่ายังไง? ฉันแสดงละครตรงไหน?”

ใบหน้าของเซี่ยหลานมืดมน มองดูอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะถามว่า “เธอรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก ทำไมถึงลงทุนสร้างเรื่องถึงขนาดนี้? ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นมันสนุกมากไหม?”

เสิ่นเถี่ยจวินรีบไปดึงแขนหล่อนทันทีพลางแค่นเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวหลาน คุณพูดอะไรออกมา? ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบหน้าเสี่ยวเหมย แต่อย่าช่วยคนนอกโจมตีหล่อนในเวลาแบบนี้ได้ไหม หล่อนจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลอย่างนี้ได้ยังไงถ้าไม่ได้ท้อง?”

เซี่ยหลานผลักเสิ่นเถี่ยจวินออกไป มองเฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรง จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พ่อเจียเหอ แม่เจียเหอ ไม่ว่ายังไงฉันก็เคยเลี้ยงดูหลินเซี่ยมาแต่อ้อนแต่ออก แม้ว่าหล่อนจะไม่ใช่คนโดดเด่นอะไรมาก แต่ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่จิตใจดี ก่อนหน้านี้ฉันเคยขอร้องให้พวกคุณปฏิบัติต่อเธอด้วยความเมตตา เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าเชื่อคำใส่ร้ายและกล่าวหาหล่อนในทางที่ผิด”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หมอเซี่ยคือ MVP ประโยคเดียวจบเรื่องวุ่นวายทุกอย่าง

ไหหม่า(海馬)