บทที่ 220 บรรพชนเสวียนปรากฏกาย
บทที่ 220 บรรพชนเสวียนปรากฏกาย
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ข้าได้เป็นข้ารับใช้ของท่าน ข้าจะจงรักภักดี จะเชื่อฟังคำสั่งของท่าน!”
ปีศาจร้ายในลานประลองคุกเข่าลงกับพื้นพลางเอื้อนเอ่ยวิงวอน
หลายคนคาดเดาว่าลู่หยวนจะต้องรับมันเอาไว้ ถึงอย่างไรปีศาจร้ายตนนี้ก็มีรากฐานการบ่มเพาะยอดเยี่ยม ย่อมเป็นการดีหากได้มาเป็นข้ารับใช้และไพ่ตาย
แม้กระทั่งเฉิงไท่ยังครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา สื่อสารกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ผ่านจิตเทวะ “ตอนที่ปีศาจร้ายตนนี้มีชีวิตน่าจะอยู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ หากเจ้ารับมันไว้ ข้าจะช่วยเจ้าใช้ยันต์กำราบมัน แล้วประทับตราทาสลงไปไม่ให้มันทำเรื่องชั่วร้าย หากให้เวลาบ่มเพาะอีกเล็กน้อย มันก็จะกลายเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์”
“หากเจ้าเห็นด้วย วันนี้เจ้าก็ไม่ต้องฆ่ามัน ข้าจะลงมือกำราบมันให้ด้วยตัวเอง”
ลู่หยวนคิ้วขมวด ราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง
เพียงไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้
ปีศาจร้ายเต็มไปด้วยความหวัง มันลอบคิดว่าหากมีนายท่านทรงพลังเช่นนี้ เท่ากับมีเกราะกำบังในภายภาคหน้า! ในยามปกติ แม้มันจะฆ่าใครขึ้นมา ก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายมาตามตัว
“อยากให้ข้ายอมรับเจ้างั้นหรือ?”
ปีศาจร้ายพยักหน้าอย่างลนลาน
“หึ! คิดว่าขยะอย่างเจ้า คู่ควรจะเป็นข้ารับใช้ของข้างั้นหรือ? ฝันไปก่อนเถอะ!”
ลู่หยวนรู้จักเผ่าปีศาจ จะดีหรือร้าย สุดท้ายก็ไม่อาจกลายเป็นมารได้สำเร็จ
อีกทั้งปีศาจที่ตายไปแล้วจะถูกผนึกรากฐานการบ่มเพาะ ทำให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้บนขั้นพลังเดิมเท่านั้น
แม้รากฐานการบ่มเพาะของปีศาจร้ายโดยส่วนใหญ่จะเหนือกว่าขั้นเทียมเทพ แต่พวกมันไม่สามารถทะลวงรากฐานการบ่มเพาะจนถึงขั้นจ้าวยุทธ์ได้
เผ่าพันธุ์ที่มีค่าการเติบโตเพียงเล็กน้อย ย่อมไม่อาจบ่มเพาะอะไรได้!
สู้เลือกสุนัขข้างถนนมาอยู่ข้างกาย ยังดีเสียกว่าเลือกมัน!
ยามลู่หยวนสะบัดมือขวา บรรพชนปีศาจเจ็ดเนตรเก้ากรที่อยู่ด้านหลังของเขาก็เคลื่อนไหว เพียงอึดใจเดียว ดวงตาสีชาดทั้งเจ็ดของมันจับจ้องไปที่ปีศาจร้าย
“ไปตายซะ!”
สิ้นคำลู่หยวน ปากขนาดใหญ่ของมันพลันอ้าออก พร้อมค่ายกลสีม่วงขนาดใหญ่เคลื่อนลงสู่โลกในบัดดล
วิ้ง!
เสียงดังขึ้น ค่ายกลสีม่วงพลันเคลื่อนลงมาพันธนาการปีศาจร้ายเอาไว้อย่างแน่นหนา
สายตาของปีศาจร้ายตนนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้า…”
ก่อนจะทันได้เอ่ยจบประโยค แขนทั้งเก้าของบรรพชนปีศาจแหวกอากาศลงมา ทุบตีปีศาจร้ายอย่างรุนแรง
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงดังสนั่นไปทั่วฟ้า เพียงอึดใจ พื้นก็ถูกทุบจนเกิดเป็นหลุมนับร้อย
แขนทั้งเก้าถูกดึงกลับไปทีละน้อย ไม่นานร่างของบรรพชนปีศาจก็หายไป
พลังสีม่วงสลายไปทีละน้อยที่ใจกลางของหลุมลึก กลิ่นอายปีศาจร้ายถูกกวาดล้างจนสิ้น เผยให้เห็นร่างของเสวียนหลีนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
เสื้อผ้าของนางฉีกขาดเต็มไปด้วยคราบโลหิต โดยมีกระบี่ดาราถูกทุบจนงออยู่ด้านข้าง
ลู่หยวนเดินมาอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่องช้า นางยังมีร่องรอยของลมหายใจรวยริน เพียงแต่อยู่ในอาการสาหัส ไม่หลงเหลือสติแต่อย่างใด
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยื่นมือขวาออกไป นิ้วทั้งสองข้างประสานเข้าด้วยกัน ปราณกระบี่ทะยานขึ้นสู่ท้องนภา
หมู่เมฆสีม่วงลอยล่องไปมาเหนือความว่างเปล่า ค่ายกลสีม่วงของสัญญาแห่งความเป็นความตายปรากฏขึ้นอีกครา
ขอเพียงลู่หยวนฟาดฟันกระบี่ เสวียนหลีก็ย่อมถึงแก่ความตาย เมื่อนั้นสัญญาแห่งความเป็นความตายก็จะจบลง
ปราณกระบี่ทั่วท้องนภาก่อตัวขึ้นด้วยน้ำมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขาสะบัดมือออกไป ปราณกระบี่พลันกระหน่ำลงมา โดยมีเป้าหมายเป็นร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“ช้าก่อน!”
ไกลออกไป เสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดทะลวงผ่านอากาศเข้ามา
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งพุ่งทะยานออกมา กระบี่ยาวเล่มนั้นไม่เหมือนกับของธรรมดาทั่วไป ทันทีที่มันเข้าใกล้ลานประลอง เจตจำนงวิถีแห่งสวรรค์ก็แผ่กระจาย ก่อนจะสลายปราณกระบี่ในมือของลู่หยวน
บุตรศักดิ์สิทธิ์หันหน้าไปมอง ร่องรอยของจิตสังหารทอประกายอยู่ในดวงตาของเขา
เหนือความว่างเปล่า ปรากฏร่างของหญิงชรากำลังมุ่งตรงเข้ามา นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบรรพชนเสวียน!
“นังเฒ่า แทนที่จะอยู่บนยอดเขาวิถีเร้นลับ แต่กลับมาที่นี่เพื่ออะไร อยากคุกเข่าต่อหน้าข้าอีกครั้งหรือ?!”
จิตสังหารของลู่หยวนแผ่ซ่านออกมา บรรพชนเสวียนผู้นี้ช่างเหิมเกริมไม่เบา!
เขากำลังจะลงมือสังหาร แต่นางกลับเข้ามาห้ามงั้นหรือ?!
สิ้นคำของชายหนุ่ม ภาพนางคุกเข่าในวันนั้นก็สะท้อนในจิตใจอีกครา
สีหน้าของบรรพชนเสวียนเต็มไปด้วยโทสะ นางรู้ดีว่าตนมาที่นี่ด้วยเหตุใด!
บรรพชนเสวียนสะกดโทสะเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าหวังว่าท่านจะแสดงความใจกว้าง ด้วยการยอมไว้ชีวิตเสวียนหลี”
“ไว้ชีวิตนางหรือ?”
ลู่หยวนคิ้วขมวด ชี้ไปที่ค่ายกลสัญญาความเป็นความตายที่อยู่ด้านบน พลางเอ่ยว่า “ข้ากับเสวียนหลีทำสัญญาความเป็นความตายแล้ว วันนี้นางต้องตาย!”
“บรรพชนเสวียน ถ้าเจ้าอยากช่วยนาง ทำไมไม่ลองรับทัณฑ์จากวิถีแห่งสวรรค์ดูเล่า ว่าอย่างไร?!”
บรรพชนเสวียนกัดฟัน นางไม่สามารถฟาดฟันกระบี่ใส่ทั้งสองได้ ทำได้เพียงกำจัดปราณกระบี่ของลู่หยวนเป็นเพราะตัวตนของสัญญาแห่งความเป็นความตาย!
นางมีชีวิตจนอายุปูนนี้ ย่อมปรารถนาจะมีชีวิตยืนยาวอีกเสียหน่อย
การที่นางปรากฏตัวในวันนี้ เป็นเพราะนางได้รับยันต์ที่เฉิงไท่ส่งมาให้ มันอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
นางครุ่นคิดซ้ำไปมา แม้ว่าจะทำนายหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกัน มันก็ปรากฏเพียงภาพศิษย์รักถึงแก่ความตาย
แม้โอกาสจะน้อยนิด แต่บรรพชนเสวียนยังคงเลือกลงจากยอดเขาเพื่อหาทางช่วยเสวียนหลี ถึงอย่างไร นางก็เป็นผู้เลี้ยงดูศิษย์คนนี้กับมือ อุ้มชูให้อีกฝ่ายมีรากฐานการบ่มเพาะและพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง
หากเสวียนหลีตายวันนี้ ย่อมเหลือเพียงเจ้าศิษย์เอกขยะที่ขาขาดอยู่บนยอดเขาวิถีเร้นลับเท่านั้น
เพียงแต่หากการช่วยเสวียนหลีเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของนาง เช่นนั้นสู้ไม่ช่วยเสียยังดีกว่า!
สายตาของบรรพชนเสวียนจ้องมองลู่หยวน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการสิ่งใด เชิญว่ามาได้เลย ยอดเขาวิถีเร้นลับเต็มไปด้วยตำราโบราณ ขอเพียงท่านเอ่ยปาก ข้าก็สามารถมอบมันให้ได้!”
สิ้นคำ ในใจของบรรพชนเสวียนรู้สึกเจ็บปวดสุดประมาณ กระทั่งนางเองก็ยังประหลาดใจ
เมื่อครู่นางปัดป้องปราณกระบี่ของชายหนุ่ม แม้จะใช้พลังของมหาวิถีเพื่อปกป้องตัวเองไว้ก่อนแล้ว แต่ทัณฑ์จากวิถีแห่งสวรรค์บางส่วนยังคงส่งผลกับนาง
ลู่หยวนผู้นี้เป็นไปอย่างที่นางทำนายเอาไว้ เขาไม่ได้อยู่ใต้มหาวิถี แต่อยู่เหนือกว่านั้น!
“ขอเพียงข้าเอ่ยปากหรือ?” คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะส่งเสียงหัวเราะเย็นชา “มันก็แค่เศษกระดาษที่มีอยู่ดาษดื่นในยอดเขาวิถีเร้นลับ พวกมันไม่ได้ดีไปกว่าขยะที่เก็บได้ตามข้างถนนด้วยซ้ำ!”
หลายคนได้ยินเข้าก็ประหลาดใจ
“สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ยอดเขาวิถีเร้นลับคือหนึ่งในสถานที่ที่มีตำราเกี่ยวกับวิถีแห่งสวรรค์มากที่สุด มันต้องมีค่ายกลต้องห้ามหรือสถานที่ขัดเกลาอาวุธทรงพลังซ่อนอยู่เป็นแน่ แต่ในสายตาของท่าน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงขยะงั้นหรือ?!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คือคุณชายแห่งตระกูลลู่ในแดนเหนือ ทั้งยังเป็นนายน้อยแห่งสำนักอักขระสวรรค์ ย่อมมีความรู้กว้างขวาง คิดว่าจะมีของดีที่ไม่เคยผ่านตาเขาอยู่อีกหรือ? ทุกสิ่งที่อยู่บนยอดเขาวิถีเร้นลับ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่อาจจะไม่สนใจเลยก็ได้!”
“ขยะในสายตาของท่านก็คือสิ่งที่พวกเราหลายคนเฝ้าตามหา! จากนี้ไปข้าจะเข้าร่วมกับกลุ่มเทียน เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ หากภายภาคหน้ามีโอกาสได้ทำความดีความชอบก็คงจะดีไม่ใช่น้อย!”
“ข้าก็เหมือนกัน พาข้าไปด้วย!”
“อย่าลืมเรียกข้าด้วย!”
บทสนทนาของพวกเขา ย่อมลอยเข้าหูของบรรพชนเสวียน
สีหน้าของนางเฒ่าย่ำแย่ นางคิดว่าจะสามารถคุยเรื่องผลประโยชน์กับลู่หยวนให้เขายอมปล่อยเสวียนหลีไปได้ แต่ดูท่าว่ามันจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์จะทำลายผู้สืบทอดยอดเขาวิถีเร้นลับงั้นหรือ?!”
สีหน้าของบรรพชนเสวียนเย็นชา
“ทำลายผู้สืบทอดยอดเขาวิถีเร้นลับ? บรรพชนเสวียน คำพูดของเจ้าไม่ต่างกับการเอาหม้อใบใหญ่*[1] มาวางบนหัวของข้า! หากข้าฆ่าเสวียนหลี เจ้าจะไร้ผู้สืบทอดเชียวหรือ? ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้ายังมีผู้สืบทอดเหลืออีกคน!”
[1] หม้อใบใหญ่ หมายถึง การโยนความผิดให้โดยไม่มีเหตุผล