ตอนที่ 66-1แขกมากลางดึก

กลางดึกคืนนั้น ซื่อหยินเหนียงผู้ซึ่งเป็นมารดาของคุณหนูห้า ได้มาเคาะประตูที่ตำหนักหยวนซีของหลี่เว่ยหยาง

เมื่อไป๋จื่อเดินมาเปิดประตู จึงเห็น ซื่อหยินเหนียง ผู้ซึ่งสวมชุดสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางแสงของพระจันทร์ที่สาดส่องมา

นางสวมรองเท้าปักลวดลายสีแดงคู่หนึ่ง และท่าทางการเดินนั้นช่างมีความอ่อนช้อยและเย้ายวนยิ่งนัก

นางเดินเข้ามาหาหลี่เว่ยหยาง และกล่าวแสดงความเคารพอย่างอ่อนโยน:

“คารวะเซียนจู”

จากประโยคหนึ่งนี้ สามารถทำให้หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างพึงพอใจได้

ซื่อหยินเหนียง เป็นหนึ่งในผู้ที่มีเหตุผลเพียงมิกี่คนในครอบครัว และเว่ยหยางได้กล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“ข้าสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับหยินเหนียงหรือ?

เหตุใดจึงต้องการพบข้าเป็นการด่วนถึงเพียงนี้”

สีหน้าของซื่อหยินเหนียงแสดงถึงความกระวนกระวายในหัวใจเป็นอย่างมาก

ขณะที่ดวงตาของนางเคลื่อนไหวไปมาด้วยความสับสนและได้ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้ที่อยู่ตรงหน้า:

“เซียนจู ข้ามิมีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาในยามวิกาลเช่นนี้…”

หลี่เหว่ยหยางเงียบทันที และจากนั้นจึงกล่าวว่า:

“หากต้องการกล่าวสิ่งใด ก็สามารถกล่าวออกมาตามตรงได้เลย”

ซื่อหยินเหนียงพยักหน้าและสั่งสาวใช้ที่ไว้ใจได้ของนางทันที:

“นำตัวสาวใช้ผู้นั้นเข้ามาที่นี่”

จากนั้นสาวใช้ผู้หนึ่งถูกผลักเข้ามาข้างใน ขณะที่นางสะดุดล้มลงกับพื้นอย่างแรง

ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดิน และผมนั้นรุงรังอย่างน่าประหลาดใจ

ขณะที่คุกเข่าลงนั้นร่างของนางสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และสาวใช้ผู้นี้คือหรงเอ๋อโดยมิต้องสงสัย

หลี่เว่ยหยางจ้องมองนางอย่างเย็นชาและกล่าวว่า:

“เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้?”

หรงเอ๋อก้มศีรษะลงและร่างของนายังคงสั่นสะท้าน คุณหนูสามจึงกล่าวออกมาด้วยความตกใจว่า

“ซื่อหยินเหนียง นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?”

หลี่เว่ยหยางเอ่ยถามขณะที่เลิกคิ้วขึ้น

ซื่อหยินเหนียงยิ้มและกล่าวว่า:

“เซียนจู, ท่านจำสาวใช้ผู้นี้ได้ใช่หรือไม่? นางคือหรงเอ๋อคนที่รับใช้ข้างกายของชิหยินเหนียง

หลี่เว่ยหยางมองซื่อหยินเหนียงอย่างใจเย็นและยิ้ม:

“ในเวลากลางคืนซือหยินเจียงหมายความว่าอย่างไร?”

ใบหน้าของซื่อหยินเหนียงปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น ขณะที่กล่าวว่า:

“สาวใช้ผู้นี้มาที่บ้านของข้าตอนกลางดึก และฝังอันใดบางอย่าง

แต่บังเอิญสาวใช้ของข้าเข้าไปพบเข้าพอดี ท่านลองเดาสิว่า อันใดคือสิ่งที่นางเอามาฝังไว้”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาและกล่าวว่า:

“หรงเอ๋อตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนแล้วเหตุใดเจ้าจึงไปปรากฏตัวที่ตำหนักของซื่อหยินเหนียง

เจ้าไปทำอันใดที่นั่นหรือ?”

หรงเอ๋อยังคงก้มหน้าและแอบคิดว่า การแสดงของคุณหนูสามนี้ช่างสมบทบาทเสียจริง

เป็นนางมิใช่หรือที่เป็นผู้สั่งให้ทำเช่นนี้?

ซื่อหยินเหนียงรู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอยคำตอบ นางจึงเม้มริมฝีปากขึ้น ก่อนที่จะกล่าวว่า:

“นางฝังสิ่งนี้เอาไว้”

ขณะที่กล่าวประโยคนั้นนางได้โยนตุ๊กตาไม้ไปที่เท้าของหลี่เว่ยหยางและมันมีตัวเลขปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

หลี่เว่ยหยางหยิบมันขึ้นมาดูและรู้ในทันทีว่า เป็นวันเดือนปีเกิดของหลี่เสี่ยวหรัน

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองมันอย่างเย็นชา จากนั้นสายตาของนางได้จ้องมองไปที่หรงเอ๋อ:

“เจ้ากล้าดียังไง!”

หรงเอ๋อตัวสั่นอย่างหนักจนกล่าวอันใดมีออก ขณะที่ซื่อหยินเหนียง หัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า:

“เซียนจู ท่านมิต้องเสแสร้ง สิ่งนี้ต้องเป็นมารดาของท่านที่ทำ

เพราะนางต้องการใช้เวทมนตร์ดำในการใส่ร้ายข้า!”

หลี่เว่ยหยางแสดงท่าทีราวกับว่านางกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง จากนั้นจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า:

“ทุกคนในบ้านตระกูลหลี่แห่งนี้ต่างก็รู้จักนิสัยของท่านแม่ข้าเป็นอย่างดี

หากนางรู้จักวิธีวางแผน นางคงจะมิปล่อยให้ข้าต้องไปตกระกำลำบากอยู่ภายนอกตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

และนางเองก็คงจะมิถูกเนรเทศให้ไปอยู่ที่ตำหนักหนานหยวน

นอกจากนี้นางมิได้รับความโปรดปรานตั้งแต่แรก ดังนั้นหากนางต้องการทำร้ายผู้อื่นเพราะความหึงหวง

นางควรเลือกตำหนักของฮูหยินใหญ่หรือ เหลียวหยินเหนียงจะมิดีกว่าหรือ?

ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจดีถึงสิ่งที่ข้ากล่าวนี้”

เหลียวหยินเหนียง หวงโตวโควเกิดมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่มีความงดงามและนุ่มนวล อีกทั้งยังมีพรสวรรค์หลายอย่างที่น่าสนใจ

และในช่วงนี้ นางมีแนวโน้มที่จะได้รับความโปรดปรานมากกว่าซื่อหยินเหนียง

ดังนั้นด้วยคำกล่าวเหล่านั้น สีหน้าของซื่อหยินเหนียงจึงเปลี่ยนไปในทันที

“เว้นแต่ว่าสิ่งนี้เซียนจูจะเป็นผู้ทำเสียเอง?”

ซื่อหยินเหนียงกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า

“หากหยินเหนียงคิดเช่นนี้ ผู้ที่สั่งให้หรงเอ๋อฝังตุ๊กตาไม้ก็น่าจะรู้สึกดีอกดีใจ

กรุณาออกไปได้ ส่งแขกออกไป”

หลี่เว่ยหยางลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเคืองในทันที

“เซียนจู ข้ามิเชื่อว่าท่านจะสามารถทำเช่นนั้นได้ เมื่อครู่ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น…”

น้ำเสียงของนางมีความหมายอย่างอื่น ขณะที่กล่าวอีกว่า:

“แม้ว่าข้าจะโง่ แต่ข้าก็พอจะรู้ว่า หากเป็นเซียนจูหรือชิหยินเหนียงทำ ก็คงจะมิสั่งให้สาวใช้ของตนเองไปทำเช่นนั้นแน่

นี่เป็นการสร้างหลักฐานเพื่อใส่ร้ายผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด”

นางกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วเกี่ยวกับสร้อยทองที่ข้อมือของตนเอง:

“ข้ารู้ว่า ต้องมีผู้วางแผนเรื่องนี้ และคนผู้นี้ต้องเห็นการต่อสู้ระหว่างนกปากยาวกับหอยทาก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวประมงที่รอดูอยู่…”

นางถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ขณะที่ดวงตาสีอำพันเผยให้เห็นท่าทางเจ้าเล่ห์:

“หากข้าเชื่อว่าท่านเป็นผู้ที่ส่งสาวใช้ผู้นี้ไป คืนนี้ข้าก็คงจะมิมายืนอยู่ตรงนี้เป็นแน่”

ซื่อหยินเหนียงเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด แต่นางประมาทจนเกินไป

หลังจากสังเกตท่าทีของนางสักพัก หลี่เว่ยหยางจึงเข้าใจถึงความกล้าหาญที่มีอยู่ในตัวของนางแล้ว

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาซื่อหยินเหนียงผู้นี้ข่มเหงชิหยินเหนียงมาโดยตลอด

จึงทราบดีถึงบุคลิกที่นุ่มนวล และอ่อนแอของชิหยินเหนียง ซึ่งเป็นไปมิได้ที่นางจะกล้าทำเช่นนี้ และจะต้องเพ่งเล็งไปยังผู้อื่นโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เว่ยหยางต้องการ!

ซื่อหยินเหนียงยิ้มอย่างผู้มีชัย เพราะนางทราบดีว่า หรงเอ๋อเป็นสาวใช้ที่ถูกส่งตัวมาจากตำหนักของฮูหยินใหญ่

และเป็นสาวใช้ที่คุณหนูใหญ่ให้ความไว้วางใจมาก อีกทั้งนางยังมีความสนิทสนมกับตันเซียง ผู้ซึ่งเป็นสาวใช้อีกคนของคุณหนูใหญ่

แต่เมื่อมินานมานี้ ทันใดนั้นพวกนางก็ต้องห่างเหินกัน…และนั่นคือสาเหตุที่นางมาที่นี่ในทันที

หลี่เว่ยหยางมองไปยังนางและกล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีแรงจูงใจบางอย่าง ในเมื่อซือหยินเหนียงรู้เรื่องนี้แล้ว เหตุใดท่านจึงต้องมาเอ่ยถามข้าอีก?”

ซื่อหยินเหนียงกล่าวด้วยทีท่าสง่างามว่า:

“เซียนจูลองคิดดูสิ แรงจูงใจของบุคคลนี้มิเพียงแต่ต้องการจะใส่ร้ายข้าเท่านั้น

ข้ากลัวว่า หลังจากที่นางกำจัดข้าสำเร็จแล้ว นางจะอ้างว่าหรงเอ๋อเป็นคนของชิหยินเหนียง

และจะใช้เหตุผลนี้ในการจัดการกับมารดาของท่าน และหลังจากนั้นก็จะถึงคราวของท่าน

เมื่อถึงจุดนั้น ผู้บงการก็จะกล่าวว่าสาเหตุที่ท่านทำไปทั้งหมดเป็นเพราะท่านต้องการแก้แค้นให้กับมารดาของตนเอง

และอีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูห้า จึงทำให้ข้าและท่านต้องกลายมาเป็นศัตรูกัน

ดังนั้น ท่านจึงใช้เวทมนตร์ดำในการวางแผนทำร้ายเราแม่ลูก!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงทำให้รู้สึกว่า จินตนาการของซื่อหยินเหนียงนั้นช่างเจิดจรัสเสียเหลือเกิน

ไป๋จือจึงอดมิได้ที่จะหัวเราะ

แต่เมื่อเห็นหลี่เว่ยหยางทำตัวเป็นปกติ ราวกับว่านางค่อย ๆ เชื่อในสิ่งที่ซื่อหยินเหนียงกล่าว

ดังนั้นนางจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้

น้ำเสียงของหลี่เว่ยหยางเผยให้เห็นร่องรอยของความตั้งใจที่จะเย็นชา นางกล่าวว่า:

“เนื่องจากซื่อหยินเหนียงเข้าใจทุกอย่างแล้ว ท่านคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อดี?”