ตอนที่ 65-4 แก้วตาดวงใจ
มินานนักหรงเอ๋อก็มาถึงพร้อมกับอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และเมื่อนางเห็นหลี่เว่ยหยาง จึงคุกเข่าลงทันที
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว นางจึงคิดอยู่เสมอว่า คุณหนูสามจะต้องมีปล่อยให้นางลอยนวลเป็นแน่
แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่า หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้ว ทุกอย่างกลับดูเงียบสงบ ราวกับว่ามิเคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย
ในขณะที่นางกำลังหมอบลงกับพื้นเพื่อแสดงความเคารพคุณหนูสาม และขณะนั้นได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง
“หรงเอ๋อ! การที่เจ้ามารับใช้ชิหยินเหนียงนั้น เจ้ามีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าของหลี่เว่ยหยางมีรอยยิ้มขณะที่นางเอ่ยถามเช่นนั้น
การแสดงออกของหรงเอ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางก้มศีรษะและกล่าวว่า:
“บ่าวมักจะซุ่มซ่ามอยู่เป็นประจำ แต่ชิหยินเหนียงมิเคยว่ากล่าวอันใดบ่าวเลยแม้แต่น้อย
ในชีวิตนี้การได้รับใช้นางถือเป็นวาสนาของบ่าวแล้ว”
หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างใจเย็น และกล่าวว่า
“ได้ข่าวมาว่า คุณหนูใหญ่มอบของขวัญให้เจ้ามากมายมิใช่หรือ?
หรือนางทำอย่างไร เจ้าจึงกล้าแอบอ้างชื่อของชิหยินเหนียงมาเรียกให้ข้าไปพบ?”
เมื่อหรงเอ๋อได้ยินดังนั้น จึงรีบก้มตัวทันที เสียงของนางสั่นขณะที่กล่าวว่า
“บ่าว…บ่าว…”
หลี่เว่ยหยางเปล่งเสียงอย่างเย็นชา:
“เจ้าลืมสิ่งที่ตนเองทำลงไปแล้วหรือ?!”
เมื่อหรงเอ๋อเห็นว่า สีหน้าของหลี่เว่ยหยางเย็นชาและน้ำเสียงของนางมีความจริงจังเป็นอย่างมาก
สาวใช้จึงรู้สึกตกใจ จนทำให้ใบหน้าของนางซีดเผือด และมิกล้าแม้แต่จะขยับร่าง จากนั้นจึงร้องไห้ฟูมฟายออกมา:
“บ่าว…บ่าวจงรักภักดีต่อชิหยินเหนียงมาโดยตลอด บ่าว…บ่าวมิเคยคิดคดทรยศต่อนายหญิงเลย”
เมื่อเห็นว่าฮัวเหม่ยถูกประหารไปแล้ว นางจึงรู้ว่ามิมีพยานที่จะให้การซักทอดมาถึงนางได้
หลี่เว่ยหยางยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า:
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ามิเต็มใจที่จะรักษาโอกาสของตนเองไว้
ต่อไปแม้ว่าเจ้าต้องการที่จะกล่าว แต่มันก็หมดโอกาสนั้นไปเสียแล้ว”
หรงเอ๋อรู้สึกหวาดกลัว แต่นางพยายามรวบรวมความกล้าหาญของตนเองและกล่าวออกมาว่า:
“บ่าวมิทราบจริง ๆ ว่าตนเองทำอันใดผิดพลาดไป”
ทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางก็ทิ้งถ้วยชา
ลงบนพื้น จากนั้นได้ใช้หางตาเหลือบมองไปยังเศษที่แตกกระจายและกล่าวว่า:
“คุกเข่าลงบนเศษกระเบื้องนั่น!”
หรงเอ๋อกัดฟันเข้าหากัน ขณะที่คุกเข่าลงบนเศษถ้วยชานั้นอย่างช้า ๆ
ความเจ็บปวดจากหัวเข่าของนางลามไปถึงหัวใจ และน้ำตาเริ่มก่อตัวขึ้นในดวงตาของนาง
“ผู้ที่กล้าทรยศต่อเจ้านายของตนเอง ควรถูกลงโทษให้สาสม” โม่ฉูกล่าวอย่างเย็นชา
นางมิได้มีความเห็นอกเห็นใจหรงเอ๋อเลยแม้แต่น้อย
เพราะในครั้งนั้นหากการใส่ร้ายหลี่เว่ยหยางประสบผลสำเร็จ พวกนางก็จะต้องตาย
อย่างน่าอนาถ
บ่าวที่คิดคดทรยศเช่นนี้ เพียงแค่การตายยังนับว่าน้อยเกินไปสำหรับนาง!
หลี่เว่ยหยางกล่าวอย่างใจเย็น:
“รินชาหนึ่งถ้วยให้หรงเอ๋อ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หรงเอ๋อจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
คำกล่าวของคุณหนูสามนั้นมีความหมายว่าอย่างไรกัน?
โม่ฉูรับคำสั่งแล้วจึงรีบหยิบถ้วยน้ำชาที่ว่างเปล่าวางไว้ในฝ่ามือของ
หรงเอ๋อทันที
“ถือสิ่งนี้ไว้ และหากมีหยดน้ำชาเพียงหยดเดียวหกออกมา เจ้าจะหมดโอกาสที่จะได้ลุกขึ้นอีกต่อไป”
หรงเอ๋อหงายถ้วยชาบนฝ่ามือของตนเอง ขณะที่ภายในหัวใจนั้นรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวโดยมิสามารถพรรณนาออกมาเป็นคำกล่าวได้
โม่ฉูถือหม้อต้มน้ำเดือดมาและค่อย ๆ เทลงในถ้วยชา
ในตอนแรกหรงเอ๋อมิเข้าใจจริง ๆ ว่าความหมายเบื้องหลังคำกล่าวของหลี่เว่ยหยางนี้คืออันใดกันแน่
และตอนนี้นางรู้สึกได้ถึงความร้อนฉับพลันจากน้ำร้อนในถ้วยชา และมันกำลังร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
หรงเอ๋อกัดฟันแน่น และรู้สึกเจ็บที่ปลายนิ้วเล็กน้อย ขณะที่มีเหงื่อออกบริเวณหน้าผาก
และยังคงอดทนต่อไป เพื่อต้องการที่จะผ่านพ้นเรื่องนี้ไป
จากนั้นนางมิคาดคิดเลยว่า โม่ฉูจะเทน้ำในถ้วยออก แล้วเทน้ำร้อนถ้วยใหม่ให้นางถือต่อไป
เมื่อถึงจุดที่นางรู้สึกว่า มันร้อนจนเกินไปที่จะรับไหว แขนและร่างของนางจึงเริ่มสั่นมากขึ้น
หลังจากนั้นมินาน หลี่เว่ยหยางได้เอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า
“ร้อนหรือ?”
“ไม่ ไม่ร้อน…”
หรงเอ๋อตอบทันที
“ดี. หากยังมิร้อน เช่นนั้นคงจะต้องเปลี่ยนถ้วย” หลี่เว่ยหยางกล่าว
โม่ฉูเดินออกไป และมินานก็กลับมาพร้อมถาด และบนถาดนั้นมีถ้วยทองแดงเผา
หรงเอ๋อก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว และประสาทสัมผัสทั้งหมดรับรู้เพียงว่า ร่างกายของตนเองนั้นสั่นสะท้านและเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ในตอนนี้นางมิสามารถรับรู้ได้แล้วว่าความเจ็บปวดมาจากหัวเข่าหรือปลายนิ้วของตนเอง เพราะเจ็บปวดเป็นที่สุดทั้งสองอย่าง
ตอนแรกมันเป็นถ้วยกระเบื้อง แต่ตอนนี้มันคือถ้วยทองแดงที่ถูกเผาไฟให้ร้อน
ซึ่งมันจะทำให้ผิวหนังบนมือของนางแตก และฉีกขาดอย่างแน่นอน!
หรงเอ๋อกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า:
“คุณหนูได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย บ่าวมิกล้าทำอีกแล้ว!”
หลี่เว่ยหยางเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ
“ผู้ใดสั่งให้เจ้าส่งข้อความมาหาข้า”
หรงเอ๋อตัวสั่นและน้ำตาไหล นางกล่าวอย่างดุเดือดและร้องขอการให้อภัย:
“มันคือ…มันคือสาวใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่ ที่มีชื่อว่าตันเซียง
วันก่อนนางมาหาบ่าวที่ตำหนักของชิหยินเหนียง แล้วยังบังคับให้บ่าวช่วยคุณหนูใหญ่ และให้เหรียญเงินกับบ่าว
ตอนนั้นบ่าว…สับสนชั่วขณะจึงได้ตัดสินใจผิดพลาดไป
ขอให้คุณหนูสามได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วย! ขอให้คุณหนูสามยกโทษให้บ่าวด้วย!”
หากในตอนแรก สาวใช้ผู้นี้บอกเล่าความจริงทุกอย่างก่อนที่จะถูกเว่ยหยางลงโทษ ก็คงจะมิมีอันใดเกิดขึ้น
หลี่เว่ยหยางยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า:
“หรงเอ๋อ เจ้ายินดีที่จะชดใช้การ
กระทำของตนเอง โดยการตอบแทนข้าหรือไม่?”
หลังจากรู้ซึ้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้หรงเอ๋อรู้สึกว่า คุณหนูสามนั้นน่ากลัวมาก
นางจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางอย่างหวาดกลัวและพยักหน้า ขณะที่กล่าวว่า
“บ่าว…บ่าวจะชดเชยการกระทำของตนเองอย่างแน่นอน”
หลังจากที่หรงเอ๋อเดินจากไปแล้ว โม่ฉูจึงกระซิบที่ข้างหูของคุณหนูสามว่า:
“หากมีสิ่งใดที่คุณหนูต้องการทำ พวกเราทุกคนสามารถทำให้ท่านได้ เพราะหากส่งนางไปทำ อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นอีก…”
หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย และดวงตาที่เป็นประกายของนางทำให้ผูัอื่น
รู้สึกตกใจได้:
“หากส่งพวกเจ้าไป ศัตรูของเราจะหลงเชื่อได้อย่างไร?”
โม่ฉูกระพริบตากลมโตถี่ยิบ ก่อนที่จะกล่าวว่า:
“จะเกิดอันใดขึ้น หากหรงเอ๋อทำแผนของเรารั่วไหล?”
นิ้วของหลี่เว่ยหยางเคาะถ้วยชาเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า:
“ความผิดในครั้งที่แล้วของนางยังมิได้รับการชำระ
หากตอนนี้นางกล้าที่จะทำผิดซ้ำสองอีก ข้าคงจะต้อง…“
หลังจากนั้นสาวใช้จึงเกลี่ยริมฝีปากเพื่อเผยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน
“มีอีกอย่างที่บ่าวมิเข้าใจ”
โม่ฉูลังเลใจก่อนที่จะกล่าวว่า
“ตอนนั้นคุณหนูรู้ได้อย่างไรว่า
หรงเอ๋อแอบอ้างชื่อของชิหยินเหนียงในการส่งข้อความ
หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปยังสีสันที่สดใสบนท้องฟ้า ขณะที่ดวงตาของนางบ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง:
“ท่านแม่รักข้าดั่งแก้วตาดวงใจ วันนั้นข้างนอกมีฝนตกอย่างหนัก แต่ข้อความนั้นกลับขอให้ข้าออกไปพบ ซึ่งสิ่งนี้มิใช่สิ่งที่ท่านแม่จะทำ”
ในที่สุดโม่ฉูจึงเข้าใจและกล่าวว่า:
“คุณหนูช่างมีความละเอียดอ่อนเสียจริง ๆ ”
เว่ยหยางเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง และหากนางมิเรียนรู้จากมัน นางก็สมควรที่จะตายในเงื้อมมือของคนอื่นอีกครั้ง
จากนั้นรอยยิ้มของหลี่เว่ยหยางจึงเย็นชาชั่วขณะ