บทที่ 170 แยกกัน

“ขอบคุณพวกท่านมากสําหรับความช่วยเหลือ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกท่าน คราวนี้พวกเราคงแย่แน่”

หญิงสาวชนชั้นสูงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงสีหน้าปกติ เธอยังคงระมัดระวังขณะที่เธอมองชายหนุ่มที่แต่งตัวเลอะเทอะ

ขณะเดียวกันสาวใช้ทั้งสองก็ประหม่าเมื่อเห็นมูฟาซา พวกเธอหลั่งเหงื่อเย็นขณะที่กําดาบอย่างสั่นระริก พวกเธอกําลังปกป้องนายหญิงโดยสัญชาตญาณ

ต่างจากหญิงสาวชนชั้นสูงที่รู้ว่ามูฟาซาฆ่าบารอน ปฏิกิริยาของพวกเธอเกิดขึ้นเพราะพวกเธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากการปรากฏตัวของมูฟาซาเพียงเท่านั้น!

แม้ออร่าของคน ๆ นี้จะคลุมเครือราวกับภาพลวงตา แต่ก็มีอยู่จริง และเป็นปรากฏการณ์ที่พบได้บ่อยในเหล่าแชมป์เปี้ยน

สิ่งนี้เกิดขึ้นกับผู้เล่นโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ชัยชนะซ้ํา ๆ ที่พวกเขามีเหนือศัตรูและการอัพเลเวล ทําให้พวกเขาได้รับออร่าในระดับหนึ่ง แต่วิธีที่พวกเขาเสริมสร้างมันนั้นค่อนข้างเรียบง่าย การก่อตัวของออร่าจึงหยาบมาก และยากที่จะตรวจจับ

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นทุกคนมักจะพัฒนาทักษะไปแบบหลากหลาย ทําให้ออร่าของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นคนอื่น ๆ จะรู้สึกเพียงว่าผู้เล่นให้ความรู้สึกพิเศษเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ปฏิกิริยาแรกของแชมป์เปี้ยนเมื่อพวกเขาได้พบผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง พวกเขาจะคิดว่าผู้เล่นเป็นพวกอ่อนแอหลังจากเปรียบเทียบออร่าของพวกเขากับตัวเองแล้ว แชมป์เปี้ยนเหล่านั้นก็จะเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถสู้กับผู้เล่น 10 คนได้พร้อมกัน จากนั้นก็จะคิดว่า “ไม่จริง! เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงทั้งที่มีออร่าอ่อนแอ!?’ เมื่อพวกเขาถูกผู้เล่นพลิกโต๊ะและกลายเป็นค่า EXP

เฉพาะผู้เล่นอย่างมูฟาซาเท่านั้นที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเพราะข้อบกพร่องในคลาส หรือบุคลิกภาพของผู้เล่นที่ยอมแพ้ในสายทักษะอื่น ๆ และมุ่งเน้นการฝึกฝนไปที่ทักษะสายเดียวเท่านั้น

หากไม่มีการเจือปนจากทักษะสายอื่น พวกเขาจําเป็นต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่มีสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่แตกต่างกับผู้เล่นคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ผู้เล่นเหล่านี้จะต้องฝึกฝนและพัฒนาฝีมือของตนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นเหมือนปรมาจารย์ในอดีต ทั้งปรมาจารย์ด้านดาบและปรมาจารย์ทักษะอื่น ๆ

ขณะเดียวกันออร่าที่พวกเขาพัฒนาขึ้นในการต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตาย ก็จะแข็งแกร่งกว่าออร่าของผู้อื่นมาก ทําให้คนอื่น ๆ ที่เดินในสายเดียวกันกับพวกเขาและไม่ได้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมสามารถสัมผัสถึงมันได้

ช่วงเวลานี้ก็เป็นเช่นนั้น เนื่องจากสาวใช้ทั้ง 2 มีความสําเร็จด้านดาบในระดับสูง พวกเธอจึงตรวจจับออร่าบนร่างกายของมูฟาซาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหนังศีรษะของพวกเธอจึงชาหนึบ ขณะที่ร่างกายของพวกเธอเชื่องช้าลงราวกับว่าพวกเธอกําลังยืนอยู่ในถ้ําน้ําแข็ง นั่นเป็นสัญญาณเตือนจากสัญชาตญาณของพวกเธอ มันก็คล้ายกับลางสังหรณ์ถึงอันตรายของสัตว์ เมื่อนักล่าที่อยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหารกําลังจับจองพวกเขา

พวกเธอรู้สึกกดดันจากมูฟาซา มากกว่าตอนเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดปลาหน้ามนุษย์เสียอีก

และมันก็เป็นเรื่องจริง เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดปลา สาวใช้มั่นใจว่าพวกเธอสามารถตอบสนองได้ทัน ไม่ว่าสัตว์ประหลาดจะเคลื่อนไหวเร็วแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยพวกเธอก็จะไม่ถูกมันกินเหมือนทหารโดยที่ไม่รู้อะไรเลย

กลับกัน ขณะที่พวกเธอมองมูฟาซา ประสบการณ์การต่อสู้ในช่วหลายปีที่ผ่านมาของพวกเธอก็บอกพวกเธอว่าในเสี้ยววินาทีที่พวกเธอเห็นเขาเป็นศัตรู ในเสี้ยววินาทีที่เธอเล็งดาบไปที่เขา คือช่วงเวลาที่พวกเธอตาย

แต่มูฟาซาไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เช่นเดียวกับที่เขาไม่รู้ว่าออร่าของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน สิ่งที่เขาคิดคือสาว ใช้ 2 คนนี้ดูหวาดกลัวเกินไป และยังกลัวอยู่แม้ปลาหน้ามนุษย์จะตายหมาดแล้วก็ตาม

“ไม่จําเป็นต้องขอบคุณ มันไม่เป็นปัญหาเลย”

“และปลาหน้ามนุษย์ก็ให้ EXP สูงจนข้าประหลาดใจเช่นกัน” มูฟาซาพูดต่อในใจ

“ข้าขอถามได้ไหม ว่าท่านมีแผนอะไรต่อไป” หญิงสามอย่างสุภาพ

ทางเขา มูฟาซาเดาว่าเธอยังคงตกตะลึงกับฝูงปลาหน้ามนุษย์ และกําลังถามอ้อม ๆ ว่าปาร์ตี้ของเขาจะพาพวกเธอกลับบ้านได้หรือไม่

“ท่านมาจากที่ไหน?” เขาอยากรู้ ว่าพวกเธอกําลังจะไปที่เดียวกันหรือเปล่า

เป็นไปได้ไหมที่เขาตั้งใจถามว่าเราอาศัยอยู่ที่ไหน และค่อยตัดสินใจว่าเขาจะทําอะไรต่อ?

หญิงสาวชนชั้นสูงตัดสินใจทันทีว่าการเปิดเผยตัวตนของเธอ อาจทําให้มูฟาซาจับพวกเธอเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่จากลอร์ดแห่งแลงคาสเตอร์

ท้ายที่สุดคน ๆ นี้ก็เป็นคนที่สามารถลอบสังหารบารอนในแลงคาสเตอร์แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้ มันไม่ใช่เรื่องยากหากเขาจะทําอะไรกับเธอ

“ข้ามาจากตระกูลมิเอลแห่งโคโดบอสร่า” หญิงสาวชนชั้นสูงตัดสินใจใช้นามสกุลเดิมของเธอหลังจากใช้เวลาคิดสั้น ๆ

ด้วยวิธีนี้ เธอไม่ได้ถือว่าโกหกเขา และอุปกรณ์จับเท็จของเทพเจ้าองค์ใด ๆ ก็จะไม่ตอบสนอง แม้ว่าพวกเขาจะมีมันหรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้เธอยังยอมรับได้ แม้ว่าเขาจะหักหลังเธอในโคโดบอสร่าเพื่อขอรับค่าไถ่เล็กน้อย มันไม่สําคัญว่าเธอจะถูกทําร้าย ตราบใดที่ลูกสาวของเธอเกวนโดลินไม่เป็นอะไร

“โคโดบอสร่า? มันอ้อมไกลเกินไป” มูฟาซาเกาหัว

โคโดบอสร่าและบึงเซร่าอยู่คนล่ะทิศกันอย่างสมบูรณ์จากพื้นที่ล่าสัตว์แห่งนี้ ด้วยประสบการณ์ในอดีตของมูฟาซา หากเขาพาผู้หญิงกลับไปที่โคโดบอสร่า ลาสบอสที่บึงเซร่าจะถูกสังหารก่อนที่เขาจะไปถึงที่นั่น

ท้ายที่สุดแล้วบอสตัวนี้ก็ไม่เหมือนกับบอสในดันเจี้ยนที่เกิดใหม่ได้เรื่อย ๆ บอสป่าส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเพียงตัวเดียว นอกจากนี้ยังเป็นที่ยอมรับกันในหมู่ผู้เล่นว่าบอสป่าจะดรอปไอเทมที่คุ้มค่าที่สุด และอาวุธระดับตํานานเช่น นิ้วเท้ายักษ์ เองก็เป็นไอเทมดรอปจากยักษ์แห้งแล้งซึ่งเป็นบอสป่า

“ถ้าเช่นนั้นเราคงต้องไปกันเองสินะคะ” หญิงสาวชนชั้นสูงถามอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่กําลังอดกลั้นความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้

อย่างไรก็ตามมูฟาซาเข้าใจผิดว่าเธอยังคงหวาดกลัวอยู่มาก เนื่องจากสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป

มันไม่ยากเกินไปที่เขาจะเข้าใจเธอ มนุษย์เงือกหนองน้ํายังคงอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และมีความเป็นไปได้สูงที่ปลาหน้ามนุษย์จะโผล่ออกมาระหว่างทาง

หลังจากคิดสักพัก มูฟาซาก็ตัดสินใจเลือก

“ซิมบ้า พวกเจ้า 3 คนไปส่งพวกหล่อนกลับโคโดบอสร่า ข้าจะไปที่บึงเซร่าคนเดียว”

ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ครั้งนี้ก็ทําให้เขารู้ว่ากลุ่มของซิมบ้ายังคงอ่อนแอมากเพราะพวกเขาเพิ่งจะกลายเป็นผู้เล่น

แม้ว่าเขาจะปกป้องพวกเขาเด็ก ๆ อย่างดีตอนที่ต่อสู้กับปลาหน้ามนุษย์ แต่พวกเด็ก ๆ ก็หวิดจะตายหลายครั้งแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะตายแน่นอนหากพวกเขาไปที่บึงเซร่า หรือแม้กระทั่งโดนบอสฆ่าซ้ําแล้วซ้ําเล่าอย่างโหดเหี้ยม และหากผู้เล่นเครลิคชุบชีวิตพวกเขาโดยไม่รู้ว่าพวกเขามี EXP ไม่เพียงพอ พวกเขาก็อาจจะตายจริง ๆ ถ้าพวกเขาตายมากเกินไป…

เพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจให้ทั้ง 3 คนไปกับขุนนางคนนี้ที่โคโดบอสร่า ซึ่งจะเป็นการปกป้องพวกเขาไปในตัว

“เอ๊ะ? ลุงจะไม่เป็นไรเหรอ” ซิมบ้าถามอย่างเป็นห่วง “ถ้าเกิดลุงเจอฝูงมนุษย์เงือกหนองน้ําล่ะ ลุงจะลําบากนะถ้าไม่มีทักษะ AoE”

เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับคลาสเกงโยคหลังจากกลายเป็นผู้เล่น และเข้าใจว่าทักษะของคลาสนี้ ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการดวลแบบตัวต่อตัวเท่านั้น

“ข้าสบายดีแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่อยู่ด้วยก็ตาม! เจ้าคิดว่าข้าสํารวจดันเจี้ยนได้ยังไงในเมื่อไม่มีใครกล้าเข้าไปกับข้า? ข้าคุ้นเคยกับการต่อสู้ 1 ต่อ 10 มานานแล้ว!”

“ฟังดูขี้โม้มาก แต่ทําไมข้าถึงรู้สึกว่าลุงดูเศร้าจัง…?” ซิมบ้าบ่น

สุดท้ายซิมบ้าและคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับคําพูดของมูฟาซาที่จะแยกกันไป พวกเด็ก ๆ จะพาพวกผู้หญิงไปส่ง แม้หญิงสาวชนชั้นสูงจะอยากปฏิเสธ แต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี และได้แต่ตามพวกเด็ก ๆ ไปที่โคโดบอสร่า