บทที่ 67 เธอมาที่นี่เพื่อยั่วยวนผู้ชาย

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เสียงจากชั้นล่างก็ดังขึ้นมา

“ทำไมข้างล่างเสียงดังจัง?” โม่เหวินโจวตะโกน

“เฮ้ย นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!”หรงจิ่นซิวถีบปิดประตู เขาเดินเข้ามาและวางไวน์แดงสองขวดไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา

“ถ้าอย่างนั้นหมอหรงก็บอกมาว่าอะไรคือประเด็นสำคัญ? นายเห็นใคร? “โม่เหวินโจวยักไหล่และเอื้อมมือไปเปิดขวดไวน์

หรงจิ่นซิวเอนหลังพิงโซฟาและมองไปที่เฟิงหานชวนแล้วหัวเราะเบา ๆ : “เจ้าสาม”

ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังหงุดหงิดอย่างมากและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“เจ้าสาม นายไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเห็นใคร?”หรงจิ่นซิวจงใจลองเชิง เลยยังไม่ได้พูดออกไป

“ไอ้ห่า เจ้าสองหรง ช่วยบอกหน่อยได้ไหม!”โม่เหวินโจวเป็นคนใจร้อน เขาลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวและชี้ไปทางหรงจิ่นซิวแล้วเอ่ยถาม

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าสามของพวกเราเท่านั้น”หรงจิ่นซิวเหลือบมองโม่เหวินโจวแล้วจากนั้นก็มองไปที่เฟิงหานชวน เขาเลิกคิ้วแล้วพูดว่า: “เจ้าสาม นายไม่อยากรู้เหรอ?”

“พูดมา”เฟิงหานชวนรู้ว่าหรงจิ่นซิวไม่ใช่คนประเภทที่พูดเล่นๆ เขาลองเชิงมาขนาดนี้แสดงว่าเขาคงต้องเห็นคนสำคัญบางคนแน่ๆ

“อะแฮ่ม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูด แต่หลังจากที่ฉันพูดไปแล้วก็อย่าโกรธล่ะ”หรงจิ่นซิวระงับรอยยิ้มของเขาและแสร้งทำเป็นจริงจังจากนั้นก็พูดว่า: “ฉันเห็นเฉินฮวนฮวน ภรรยาตัวน้อยของนายคนนั้นและดูเหมือนว่าเธอกำลังจะแข่งเต้นกับผู้หญิงอีกคนอยู่ บางทีตอนนี้น่าจะเริ่มกันแล้ว”

“เฉินฮวนฮวน!”โม่เหวินโจวอุทานและพูดด้วยความตื่นเต้นทันที: “เป็นภรรยาที่นายท่านเฟิงให้แต่งงานกับเจ้าสามน่ะเหรอ? เป็นนายหญิงที่บ้านมันแย่ถึงกับต้องหนีมาเต้นที่นี่เลยอย่างนั้นเหรอ? ”

โม่เหวินโจวเองก็รู้เรื่องของเฉินฮวนฮวนเช่นกัน แต่เขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนคงจะถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิงในไม่ช้านี้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงไม่ได้สนใจเธอมากนัก

“ฉันรู้แล้ว เจ้าสาม นายกำลังพยายามไล่เขาออกไปใช่ไหม เลยทำให้เฉินฮวนฮวนมาที่นี่เพื่อตามล่าหารักแท้งั้นเหรอ?”โม่เหวินโจวพูดติดตลก แต่เมื่อเขาหันไปมองเฟิงหานชวนคำพูดที่กำลังจะพูดต่อก็ถูกกลืนกลับลงไปหมดทันที

เพราะเมื่อเขาเห็นใบหน้าของเฟิงหานชวนที่น่ากลัวจนถึงขั้นสุด

“นายต้องแสดงสีหน้าขนาดนี้เลยเหรอ? นายก็ไม่ได้ต้องการเธออยู่แล้วนี่ เป็นเรื่องปกติที่เธอมาที่นี่เพื่อยั่วยวนผู้ชาย! “โม่เหวินโจวยักไหล่ แต่เขาก็ยังอยากจะหัวเราะอยู่ดี

แต่เมื่อเขากำลังจะหัวเราะ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วและเสียงหัวเราะของโม่เหวินโจวก็หยุดลงทันที

……

บนเวที

เพลงเต้นไสตล์ยุโรปดังขึ้น ด้านล่างเวทีผู้ชมต่างกรีดร้องและเสียงเชียร์เสียงดัง

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ที่นั่น เธอรู้สึกหมดหนทางและคนที่อยู่ตรงข้ามเธอก็คือซ่งหลิงเอ่อร์ที่ซึ่งกำลังเริ่มเต้น

ซ่งหลิงเอ่อร์มีประสบการณ์ในการด้านการเต้น เธอมักจะไปเต้นที่ไนต์คลับอยู่เสมอๆ เธอสะบัดหัวและใช้ท่าเต้นของเธอเล่นกับเสาอย่างมีเสน่ห์

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ขยับ ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็เริ่มหันมาสนใจซ่งหลิงเอ่อร์ ซึ่งทำให้ซ่งหลิงเอ่อร์เริ่มเต้นแรงขึ้นเห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เมื่อมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เธอก็ทำท่าทางดูถูกใส่เฉินฮวนฮวน

เกาเหวินที่นั่งอยู่บนโซฟาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เธอเริ่มนั่งไม่ติดอยู่กับที่และในใจของเธอก็เริ่มวิตกกังวล

เฉินฮวนฮวนไม่ขยับเลยสักนิด เธอควรจะเต้นให้เหมือนแต่ก่อนตอนที่เต้นเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่โรงเรียนสิ ไม่ใช่มายืนโง่ๆแบบนี้!

จางฟานหันไปมองเกาเหวิน เขาถอนหายใจและพูดว่า: “เหวินเหวิน คุณทำให้ผมผิดหวัง! ตอนแรกผมคิดว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะมีพื้นฐานที่ดีกว่านี้ แต่สรุปก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย! ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบซ่งหลิงเอ่อร์ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องพิจารณาถึงโอกาสของบริษัทด้วย ”

เกาเหวินไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้ เธอมองลงไปที่เสื้อผ้าที่ฉีกขาดบนร่างกายของเธอ มันเป็นเสื้อผ้าของเฉินฮวนฮวน เพื่อให้เฉินฮวนฮวนชนะเธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเฉินฮวนฮวน

แต่สุดท้ายเฉินฮวนฮวนก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนโง่ มันทำให้เกาเหวินรู้สึกโกรธจริงๆ

เฉินฮวนฮวนมองไปที่บนเวทีและเห็นว่าแทบจะทุกคนมองไปที่ซ่งหลิงเอ่อร์ และเธอยังเห็นจางฟานกำลังโต้เถียงกับเกาเหวินอีกด้วย สีหน้าของเกาเหวินดูผิดหวังเอามากๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้เธออดรู้สึกหดหู่ไม่ได้

เธอเต้นเป็นไม่ใช่ว่าเธอเต้นไม่เป็นเลย ทั้งยังเต้นเก่งอีกด้วย แต่นานแล้วที่เธอไม่ได้เต้นข้างนอกแบบนี้ ตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะเข้าสู่เส้นทางศิลปะมาก่อน แต่คุณยายของเธอไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด

ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณยาย เธอก็คงเข้าสู่เส้นทางศิลปะไปนานแล้วและคงใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ คงไม่ได้เป็นเหมือนอย่างตอนนี้

เมื่อนึกถึงที่เกาเหวินพูดในห้องล็อกเกอร์ว่าตอนนี้ความนิยมของรายการแสดงความสามารถนั้นสูงมาก ถ้าเธอสามารถเปล่งประกายในการแสดงความสามารถหรือได้เดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป เส้นทางของเธอในวงการบันเทิงก็จะไปต่อได้อีกไกล

ถ้าเธอโด่งดังแล้วเธอจะเปิดเผยความชั่วของตระกูลเฉินได้ใช่ไหม? ทำให้สามคนนั้นได้ลิ้มรสชาติที่ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็ตัดสินใจได้ เธอต้องการเข้าไปแทนเกาเหวิน!

ขอโทษนะคะคุณยาย ฮวนฮวนต้องขัดใจคุณยายเสียหน่อย

เฉินฮวนฮวนหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ เธอเอื้อมมือไปคว้าเสาที่อยู่ด้านข้าง และหมุนรอบเสาเป็นวงกลม ราวกับนางฟ้าที่กำลังบินลงมาจากพื้นโลก

เนื่องจากตำแหน่งของเธอนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวแบบนี้จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

เมื่อเกาเหวินเห็นท่าทางที่เป็นมืออาชีพและท่าเต้นที่ดูยากของเฉินฮวนฮวน ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

ท่าทางของเธอในตอนนี้ทรงพลังมากและเก่งมาก เหมือนคนที่เรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ก็คงเต้นออกมาไม่ได้ดีขนาดนี้

แต่เฉินฮวนฮวนเต้นออกมาได้อย่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ คาดไม่ถึงเลย…

“อาฟาน คุณเห็นไหม? คุณเห็นไหม?”เกาเหวินคว้าแขนของจางฟานทันทีและชี้ไปทางเฉินฮวนฮวนให้เขาดู น้ำเสียงของเธอนั้นตื่นเต้นมาก

จางฟานยังคงจ้องมองไปที่ซ่งหลิงเอ่อร์และยังคงเพลิดเพลินโดยไม่สนใจสิ่งที่เฉินฮวนฮวนทำ เขายังไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับเกาเหวิน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนโฟกัสไปจ้องมองที่เฉินฮวนฮวนและเห็นเฉินฮวนฮวนกำลังเริ่มเต้น

จางฟานอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก

ในกลุ่มผู้ชมสายตาของทุกคนถูกดึงดูดโดยเฉินฮวนฮวน จนพวกเขาลืมที่จะส่งเสียงร้องและเชียร์ไปเลย

เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นอยู่บนเวที ราวกับว่าเป็นคนละคน ทุกอิริยาบถ ทุกการเต้นนั้นเพอร์เฟ็ค ไลน์เต้นที่เรียบร้อยเก็บทุกจุดมันดีมากจนไม่รู้ว่าจะตำหนิตรงไหนเลย

บางครั้งเธอก็ดูสง่างาม บางครั้งก็มีเสน่ห์ แม้ในบรรยากาศยามค่ำคืน แม้ว่าจะเป็นเพลงเต้นที่เซ็กซี่แต่ก็ไม่เห็นข้อบกพร่องของเธอเลยแม้แต่น้อย

ปกติแล้วเวทีนี้เป็นเวทีของนักเต้นรูดเสา หรือเรียกได้ว่าเป็นเวทีที่แสดงเพลงสากลเป็นส่วนใหญ่

แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นราวกับหงส์ดำที่กำลังส่องแสงเจิดจ้า