ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เสียงจากชั้นล่างก็ดังขึ้นมา
“ทำไมข้างล่างเสียงดังจัง?” โม่เหวินโจวตะโกน
“เฮ้ย นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!”หรงจิ่นซิวถีบปิดประตู เขาเดินเข้ามาและวางไวน์แดงสองขวดไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา
“ถ้าอย่างนั้นหมอหรงก็บอกมาว่าอะไรคือประเด็นสำคัญ? นายเห็นใคร? “โม่เหวินโจวยักไหล่และเอื้อมมือไปเปิดขวดไวน์
หรงจิ่นซิวเอนหลังพิงโซฟาและมองไปที่เฟิงหานชวนแล้วหัวเราะเบา ๆ : “เจ้าสาม”
ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังหงุดหงิดอย่างมากและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“เจ้าสาม นายไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเห็นใคร?”หรงจิ่นซิวจงใจลองเชิง เลยยังไม่ได้พูดออกไป
“ไอ้ห่า เจ้าสองหรง ช่วยบอกหน่อยได้ไหม!”โม่เหวินโจวเป็นคนใจร้อน เขาลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวและชี้ไปทางหรงจิ่นซิวแล้วเอ่ยถาม
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าสามของพวกเราเท่านั้น”หรงจิ่นซิวเหลือบมองโม่เหวินโจวแล้วจากนั้นก็มองไปที่เฟิงหานชวน เขาเลิกคิ้วแล้วพูดว่า: “เจ้าสาม นายไม่อยากรู้เหรอ?”
“พูดมา”เฟิงหานชวนรู้ว่าหรงจิ่นซิวไม่ใช่คนประเภทที่พูดเล่นๆ เขาลองเชิงมาขนาดนี้แสดงว่าเขาคงต้องเห็นคนสำคัญบางคนแน่ๆ
“อะแฮ่ม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูด แต่หลังจากที่ฉันพูดไปแล้วก็อย่าโกรธล่ะ”หรงจิ่นซิวระงับรอยยิ้มของเขาและแสร้งทำเป็นจริงจังจากนั้นก็พูดว่า: “ฉันเห็นเฉินฮวนฮวน ภรรยาตัวน้อยของนายคนนั้นและดูเหมือนว่าเธอกำลังจะแข่งเต้นกับผู้หญิงอีกคนอยู่ บางทีตอนนี้น่าจะเริ่มกันแล้ว”
“เฉินฮวนฮวน!”โม่เหวินโจวอุทานและพูดด้วยความตื่นเต้นทันที: “เป็นภรรยาที่นายท่านเฟิงให้แต่งงานกับเจ้าสามน่ะเหรอ? เป็นนายหญิงที่บ้านมันแย่ถึงกับต้องหนีมาเต้นที่นี่เลยอย่างนั้นเหรอ? ”
โม่เหวินโจวเองก็รู้เรื่องของเฉินฮวนฮวนเช่นกัน แต่เขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนคงจะถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิงในไม่ช้านี้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงไม่ได้สนใจเธอมากนัก
“ฉันรู้แล้ว เจ้าสาม นายกำลังพยายามไล่เขาออกไปใช่ไหม เลยทำให้เฉินฮวนฮวนมาที่นี่เพื่อตามล่าหารักแท้งั้นเหรอ?”โม่เหวินโจวพูดติดตลก แต่เมื่อเขาหันไปมองเฟิงหานชวนคำพูดที่กำลังจะพูดต่อก็ถูกกลืนกลับลงไปหมดทันที
เพราะเมื่อเขาเห็นใบหน้าของเฟิงหานชวนที่น่ากลัวจนถึงขั้นสุด
“นายต้องแสดงสีหน้าขนาดนี้เลยเหรอ? นายก็ไม่ได้ต้องการเธออยู่แล้วนี่ เป็นเรื่องปกติที่เธอมาที่นี่เพื่อยั่วยวนผู้ชาย! “โม่เหวินโจวยักไหล่ แต่เขาก็ยังอยากจะหัวเราะอยู่ดี
แต่เมื่อเขากำลังจะหัวเราะ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วและเสียงหัวเราะของโม่เหวินโจวก็หยุดลงทันที
……
บนเวที
เพลงเต้นไสตล์ยุโรปดังขึ้น ด้านล่างเวทีผู้ชมต่างกรีดร้องและเสียงเชียร์เสียงดัง
เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ที่นั่น เธอรู้สึกหมดหนทางและคนที่อยู่ตรงข้ามเธอก็คือซ่งหลิงเอ่อร์ที่ซึ่งกำลังเริ่มเต้น
ซ่งหลิงเอ่อร์มีประสบการณ์ในการด้านการเต้น เธอมักจะไปเต้นที่ไนต์คลับอยู่เสมอๆ เธอสะบัดหัวและใช้ท่าเต้นของเธอเล่นกับเสาอย่างมีเสน่ห์
เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ขยับ ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็เริ่มหันมาสนใจซ่งหลิงเอ่อร์ ซึ่งทำให้ซ่งหลิงเอ่อร์เริ่มเต้นแรงขึ้นเห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เมื่อมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เธอก็ทำท่าทางดูถูกใส่เฉินฮวนฮวน
เกาเหวินที่นั่งอยู่บนโซฟาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เธอเริ่มนั่งไม่ติดอยู่กับที่และในใจของเธอก็เริ่มวิตกกังวล
เฉินฮวนฮวนไม่ขยับเลยสักนิด เธอควรจะเต้นให้เหมือนแต่ก่อนตอนที่เต้นเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่โรงเรียนสิ ไม่ใช่มายืนโง่ๆแบบนี้!
จางฟานหันไปมองเกาเหวิน เขาถอนหายใจและพูดว่า: “เหวินเหวิน คุณทำให้ผมผิดหวัง! ตอนแรกผมคิดว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะมีพื้นฐานที่ดีกว่านี้ แต่สรุปก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย! ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบซ่งหลิงเอ่อร์ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องพิจารณาถึงโอกาสของบริษัทด้วย ”
เกาเหวินไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้ เธอมองลงไปที่เสื้อผ้าที่ฉีกขาดบนร่างกายของเธอ มันเป็นเสื้อผ้าของเฉินฮวนฮวน เพื่อให้เฉินฮวนฮวนชนะเธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเฉินฮวนฮวน
แต่สุดท้ายเฉินฮวนฮวนก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนโง่ มันทำให้เกาเหวินรู้สึกโกรธจริงๆ
เฉินฮวนฮวนมองไปที่บนเวทีและเห็นว่าแทบจะทุกคนมองไปที่ซ่งหลิงเอ่อร์ และเธอยังเห็นจางฟานกำลังโต้เถียงกับเกาเหวินอีกด้วย สีหน้าของเกาเหวินดูผิดหวังเอามากๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้เธออดรู้สึกหดหู่ไม่ได้
เธอเต้นเป็นไม่ใช่ว่าเธอเต้นไม่เป็นเลย ทั้งยังเต้นเก่งอีกด้วย แต่นานแล้วที่เธอไม่ได้เต้นข้างนอกแบบนี้ ตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะเข้าสู่เส้นทางศิลปะมาก่อน แต่คุณยายของเธอไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด
ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณยาย เธอก็คงเข้าสู่เส้นทางศิลปะไปนานแล้วและคงใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ คงไม่ได้เป็นเหมือนอย่างตอนนี้
เมื่อนึกถึงที่เกาเหวินพูดในห้องล็อกเกอร์ว่าตอนนี้ความนิยมของรายการแสดงความสามารถนั้นสูงมาก ถ้าเธอสามารถเปล่งประกายในการแสดงความสามารถหรือได้เดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป เส้นทางของเธอในวงการบันเทิงก็จะไปต่อได้อีกไกล
ถ้าเธอโด่งดังแล้วเธอจะเปิดเผยความชั่วของตระกูลเฉินได้ใช่ไหม? ทำให้สามคนนั้นได้ลิ้มรสชาติที่ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็ตัดสินใจได้ เธอต้องการเข้าไปแทนเกาเหวิน!
ขอโทษนะคะคุณยาย ฮวนฮวนต้องขัดใจคุณยายเสียหน่อย
เฉินฮวนฮวนหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ เธอเอื้อมมือไปคว้าเสาที่อยู่ด้านข้าง และหมุนรอบเสาเป็นวงกลม ราวกับนางฟ้าที่กำลังบินลงมาจากพื้นโลก
เนื่องจากตำแหน่งของเธอนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวแบบนี้จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
เมื่อเกาเหวินเห็นท่าทางที่เป็นมืออาชีพและท่าเต้นที่ดูยากของเฉินฮวนฮวน ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ท่าทางของเธอในตอนนี้ทรงพลังมากและเก่งมาก เหมือนคนที่เรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ก็คงเต้นออกมาไม่ได้ดีขนาดนี้
แต่เฉินฮวนฮวนเต้นออกมาได้อย่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ คาดไม่ถึงเลย…
“อาฟาน คุณเห็นไหม? คุณเห็นไหม?”เกาเหวินคว้าแขนของจางฟานทันทีและชี้ไปทางเฉินฮวนฮวนให้เขาดู น้ำเสียงของเธอนั้นตื่นเต้นมาก
จางฟานยังคงจ้องมองไปที่ซ่งหลิงเอ่อร์และยังคงเพลิดเพลินโดยไม่สนใจสิ่งที่เฉินฮวนฮวนทำ เขายังไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับเกาเหวิน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนโฟกัสไปจ้องมองที่เฉินฮวนฮวนและเห็นเฉินฮวนฮวนกำลังเริ่มเต้น
จางฟานอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก
ในกลุ่มผู้ชมสายตาของทุกคนถูกดึงดูดโดยเฉินฮวนฮวน จนพวกเขาลืมที่จะส่งเสียงร้องและเชียร์ไปเลย
เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นอยู่บนเวที ราวกับว่าเป็นคนละคน ทุกอิริยาบถ ทุกการเต้นนั้นเพอร์เฟ็ค ไลน์เต้นที่เรียบร้อยเก็บทุกจุดมันดีมากจนไม่รู้ว่าจะตำหนิตรงไหนเลย
บางครั้งเธอก็ดูสง่างาม บางครั้งก็มีเสน่ห์ แม้ในบรรยากาศยามค่ำคืน แม้ว่าจะเป็นเพลงเต้นที่เซ็กซี่แต่ก็ไม่เห็นข้อบกพร่องของเธอเลยแม้แต่น้อย
ปกติแล้วเวทีนี้เป็นเวทีของนักเต้นรูดเสา หรือเรียกได้ว่าเป็นเวทีที่แสดงเพลงสากลเป็นส่วนใหญ่
แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นราวกับหงส์ดำที่กำลังส่องแสงเจิดจ้า