บทที่ 198 มังกรอยู่ที่นี่ด้วยรึ? 3 (2)

เลือดแดงสดไหลออกจากปากไวย์เวิร์นกลายพันธุ์ มันพยายามดิ้นไปมาเพราะถูกโครงกระดูกหน้าโง่ชนกระแทกกับภูเขาหินจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้แถมยังเหยียบศีรษะของมันเอาไว้อีกด้วย

“ฮึ่บ…!”

ส่วนโคลเปย์สามารถกระโดดลงจากร่างของไวย์เวิร์นได้ทันก่อนที่ร่างของมันจะกระแทกเข้ากับภูเขาหิน เท้าของเขาเหยียบลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยในขณะที่ออร่าสีขาวก็ยังทำการโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง

เฉ้งงงงงง!!!

มันเกิดขึ้นอีกครั้ง

ออร่าสีขาวของเขาถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อนอีกครั้ง ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้ออร่าปิดล้อมร่างของชายผมดำมากเพียงใด ดาบของเขาก็ไม่สามารถตัดศีรษะของคนผู้นี้ได้

ชายผมดำมาถึงร่างของเขาทันทีที่เท้าของเขาแตะพื้น

“ดูเหมือนดาบของเจ้าจะเป็นงูขาว..มันดูเหมาะกับเจ้ามากกว่าไวย์เวิร์นหน้าโง่พวกนี้เสียอีก!”

ร่างของโคลเปย์สะท้านขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียบเย็นของชายผมดำ มันคือสัญลักษณ์ที่แท้จริงของตระกูลเซคก้า คุณสมบัติของการเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ในอาณาจักรพารันคือตระกูลที่มีต้นกำเนิดมาจากงูขาว

“เจ้า!..ไอ้ปรมาจารย์ดาบไร้นาม!..เจ้า!..เจ้ากล้าท้าทายอัศวินผู้พิทักษ์เช่นข้างั้นรึ!..บังอาจ!!”

ดาบของโคลเปย์พุ่งใส่ร่างของเชวฮันอีกครั้งแต่เชวฮันกลับพูดเพียงสั้นๆเท่านั้น

“น่ารำคาญ!”

โคลเปย์เห็นความมืดคืบคลานเข้าหาเขาอีกครั้ง สีขาวจากพลังงูขาวค่อยๆกลืนไปกับความมืด

เคร้ง!!

ดาบของโคลเปย์หล่นไปกองบนพื้น

“อ๊ากกกก!!!!..ข…แขนข้า!..อั่กกกกก!!!”

แขนข้างขวาไม่ได้ยึดติดบนร่างของโคลเปย์อีกต่อไป คอของเขาก็ถูกบีบแน่นจากชายผมดำตรงหน้าเช่นเดียวกับโครงกระดูกมังกรทำกับไวยเวิร์นกลายพันธุ์ เขากำลังหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดจากการถูกบีบคอจนแทบหายใจไม่ออกทำให้เขาสูญเสียความเจ็บปวดจากการแขนขาดได้ชั่วขณะ เขาได้ยินเสียงเรียบเย็นดังขึ้น

“สั่งไวยเวิร์นให้หยุด!”

เชวฮันสั่งโคลเปย์เสียงแข็ง เขาล้วงเอาขลุ่ยในกระเป๋าเสื้อของโคลเปย์ออกมาและจ้องด้วยสายตาแข็งกร้าว สิ่งที่เขาต้องทำคือรีบกลับไปทันทีเมื่อทำตามคำสั่งของคาร์ลเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เขาไว้ชีวิตทั้งไวย์เวิร์นกลายพันธุ์และอัศวินผู้พิทักษ์ เขาไม่ได้ลงมือฆ่าใคร

“อึ่ก!..อั่ก!!”

เสียงดิ้นทุรนทุรายเพื่อต้องการอากาศหายใจดังเข้ามาในหูของเชวฮัน ก่อนที่สีหน้าของเชวฮันจะเปลี่ยนไปทันที

อัศวินผู้พิทักษ์ส่ายศีรษะไปมา อาจเป็นเพราะเขากำลังหายใจไม่ออกแต่เขาก็ร้องไห้ออกมาราวกับเด็กตัวเล็กๆ

นั่นทำให้เชวฮันมีโอกาสได้ทบทวนบางอย่าง

‘งูขาวสามารถควบคุมไวย์เวิร์นได้ด้วยรึ?’

ออร่าคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ใช้

แน่นอนว่างูขาวไม่สามารถควบคุมไวย์เวิร์นได้

เชวฮันหันหลังกลับทันที เขากระโดดขึ้นหลังโครงกระดูกมังกรและตะโกนเรียกแมรี่ดังลั่น

“แมรี่!..เราต้องกลับไปเดี๋ยวนี้!”

มันไม่ได้มีแค่นี้! สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง!

โครงกระดูกมังกรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่เสียงบางอย่างจะดังให้เขาได้ยิน

มันเป็นเสียงผิวปาก

มีใครบางคนกำลังลอบผิวปากอยู่

อัศวินหมวกเหล็ก เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปพูดคุยกับโคลเปย์ อัศวินผู้นี้คือคนที่กำลังผิวปากอยู่

ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!

ไวย์เวิร์นกลายพันธุ์ที่ยังอยู่ด้านล่างกำลังดิ้นรนอย่างหนัก มันพยายามดิ้นรนจนเส้นเลือดเริ่มปูดโปนขึ้นมา มันพยามเคลื่อนไหวราวกับลืมความกลัวและความตาย ไวย์เวิร์นที่ไม่มีแม้แต่แรงขยับตัวพยามคลานไปตามพื้นอย่างช้าๆ

“ให้ตายเถอะ!….”

เชวฮันก้มลงมองครู่หนึ่งก่อนจะกระตุ้นให้โครงกระดูกมังกรมุ่งตรงไปยังอัศวินหมวกเหล็กทันทีแต่อัศวินหมวกเหล็กก็ไหวตัวทันและเคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่นอย่างรวดเร็ว

ไวยเวิร์นตัวอื่นๆก็พุ่งตัวไปยังโล่ป้องกัน

ปั้ง!!!!!! ~~~~~~ปั้ง!!!!!! ~~~~~~

ทุกคนสามารถมองเห็นปีก กรงเล็บและอุ้งเท้าของไวย์เวิร์นเริ่มฉีกออกพร้อมกับเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาแต่พวกมันไม่ยอมหยุด พวกมันพยามรุมทึ้งให้โล่ป้องกันแตกให้ได้ พวกมันบ้าไปแล้ว!

โล่ป้องกันชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด

~ มนุษย์! พวกไวย์เวิร์นบ้าไปแล้ว!~

แต่คาร์ลไม่ได้สนใจสิ่งที่ราอนพูด

‘..อัศวินผู้พิทักษ์ไม่ใช่คนที่ควบคุมไวย์เวิร์นงั้นรึ? ทั้งๆที่คนผู้นี่คืออัศวินผู้พิทักษ์ในนิยายแท้ๆ!’

คาร์ลตระหนักได้ว่านิยายทั้งห้าเล่มไม่ได้เปิดเผยสิ่งต่างๆออกมาจนหมด

อัศวินหมวกเหล็ก?

คาร์ลไม่มีข้อมูลของคนผู้นี้

อัศวินหมวกเหล็กสั่งให้ไวย์เวิร์นมุ่งหน้ามาหาคาร์ลอย่างรวดเร็วและในมือของเขาไม่ได้ถืออาวุธใดๆเอาไว้

เสียงของราอนดังเข้ามาอีกครั้ง

~ มนุษย์! มีบางอย่างแปลกๆ..ข้ารู้สึกได้ถึงพลังธรรมชาติจากตัวเขา!~

‘อะไรนะ?’

พลังธรรมชาติ? หรือว่าจะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ?

จากนั้นคาร์ลก็มองเห็นบางอย่างปรากฏขึ้นในมือของอัศวินหมวกเหล็ก เขาบอกได้ทันทีว่ามันคือสิ่งใด มันคือดาบ! มันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่มาในรูปแบบของดาบ

ดาบเล่มนี้ค่อยๆยาวขึ้นเรื่อยๆจนดูคล้ายกับหอกไปทุกที

ทันใดนั้นเอง

ตึกตัก!!!ตึกตัก!!!ตึกตัก!!!

หัวใจของเขากระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เสียงนักบวชจอมตะกละผู้เป็นเจ้าของโล่นิรันดร์กาลจะดังเข้ามาในหัวของเขา

-เจ้าต้องป้องกันมัน!-

โล่เริ่มหดตัวลง

“นี่มันเรื่องบ้าอะ—”

คาร์ลพูดไม่ทันจบเมื่อร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่มันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณกำลังวิ่งพล่านในตัวเขา

รอยสักรอบตัวของเขาร้อนขึ้นราวกับถูกไฟไหม้

โล่ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องและปีกสีเงินก็หายไปเช่นกัน พวกมันยังคงหดตัวต่อไปจนกลายเป็นโล่ป้องกันขนาดเล็กแต่โล่ของราอนยังคงสามารถป้องกันไม่ให้ไวย์เวิร์นเข้ามาได้

ตอนนั้นเองที่คาร์ลมองเห็นอัศวินหมวกเหล็กส่งยิ้มให้เขา

“เจ้าก็ลองป้องกันดูสิ!”

อัศวินหมวกเหล็กตะวัดดาบในมือตนทันที

ดาบขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนรูปทรงเป็นหอกกำลังพุ่งเข้าหาคาร์ล

~ มนุษย์! ดาบเล่มนั้นมีบางอย่างแปลกๆ! ข้าจะสร้างโล่ป้องกันเพิ่ม!~

ราอนสร้างโล่ป้องกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันค่อยๆส่องแสงขึ้นจนสามารถสร้างโล่ป้องกันได้ทั้งหมดสี่ชั้น อย่างไรก็ตามความรู้สึกบางอย่างยังคงติดอยู่ในใจของราอน

มันเป็นความรู้สึกที่ว่าพลังเวทย์ไม่สามารถใช้ได้กับดาบเล่มนี้

‘ภัยธรรมชาติ’ นี่คือคำซึ่งถือเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในธรรมชาติ พายุเฮริเคน,ภูเขาไฟระเบิด,พายุลูกเห็บ,สินามิ! สิ่งเหล่านี้คือภัยที่มาจากธรรมชาติทั้งหมด

เมื่อเห็นดาบเล่มนี้ทำให้ราอนอดนึกถึงคำเหล่านั้นไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่มีพลังทำลายล้างธรรมชาติอยู่ภายใน สัญชาตญาณของมังกรน้อยวัยหกขวบกำลังร้องบอกบางอย่าง มันบอกว่าดาบเล่มนี้ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยพลังเวทย์ สิ่งเดียวที่สามารถป้องกันได้คือมังกร! อาจเป็นการให้มังกรพ่นไฟหรือการใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งของมังกร มันต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

เหลือเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่ดาบเล่มนี้จะพุ่งใส่ร่างคาร์ล ราอนจึงมุ่งความสนใจกลับมาที่คาร์ลอีกครั้ง

เสียงคาร์ลดังขึ้นในตอนนั้น

“บ้าเอ้ย!!”

เสียงตะโกนลั่นของคาร์ลทำให้ราอนได้สติ มันเริ่มตะโกนเข้าไปหัวของแมรี่ทันที

~ แมรี่! เรียกมังกรกลับมา!!~

ราอนสร้างโล่ป้องกันเพิ่มขึ้นอีก

ห้าชั้น! หกชั้น! มังกรดำยังไม่ผ่านการเติบโตช่วงแรกของชีวิตทำให้ไม่สามารถพ่นไฟได้ การพ่นไฟเกินขีดจำกัดของราอน

เคร้ง!!

อย่างไรก็ตามภัยธรรมชาติสามารถทำลายโล่ป้องกันได้อย่างง่ายดาย โล่เหล่านี้เหมือนเป็นของเล่นให้กับมัน

ชั้นที่หนึ่ง! ชั้นที่สอง! หายวับไปอย่างรวดเร็ว

‘ข้าต้องยื้อเวลาเอาไว้จนกว่ามังกรของแมรี่จะกลับมา!’

ราอนสร้างโล่ป้องกันขึ้นมาใหม่ทุกครั้งเมื่อมันถูกทำลายลงก่อนที่เสียงของคาร์ลจะดังขึ้นมา

“พอ!”

ราอนสะดุ้งโหยงและหันขวับไปมองคาร์ล

ทันใดนั้นเอง

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง!!!

ทันทีที่เสียงกัมปาทดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับแสงที่สว่างจ้า กลุ่มคนที่อยู่บนกำแพงเมืองพากันยกมือขึ้นปิดหูและหลับตาลงทันที สิ่งสุดท้ายที่พวกเขามองเห็นคือโครงกระดูกมังกรพุ่งชนดาบขนาดใหญ่ หลังจากที่ปรับสายตาได้พวกเขาก็มองเห็นด้านซ้ายของโครงกระดูกมังกรแตกออกเป็นเสี่ยงๆในขณะที่ดาบเล่มนี้กลับบิ่นเพียงเล็กน้อย

มันหมายความว่าโครงกระดูกมังกรไม่เพียงพอที่จะทำลายดาบเล่มนี้ได้

ราอนก็เห็นสิ่งนี้เช่นเดียวกัน มังกรน้อยวัยหกขวบได้รับประสบการณ์เสี่ยงอันตรายเช่นนี้เป็นครั้งแรก ร่างของมันเริ่มขยับอีกครั้ง

“ฮ..ฮ่าฮ่า–”

ราอนได้ยินเสียงหัวเราะของคาร์ล มันจึงหันกลับไปมองทันที คาร์ลเริ่มมีเลือดออก คาร์ลกำลังหัวเราะทั้งๆที่เลือดกำลังไหลออกจากปาก จมูกและหูของเขา

เสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นในใจของคาร์ล

-นั่นไม่ใช่ดาบของข้าหรอกรึ?-

มันเป็นเสียงเจ้าของรังสีเหนืออำนาจก่อนที่เสียงดังกล่าวจะดังขึ้นอีกครั้ง

-มันคือดาบสังหารมังกร-

คาร์ลตระหนักได้ทันที

‘อัศวินหมวกเหล็กผู้นี้คือนักล่ามังกร!’

นี่คือเหตุผลที่ทำให้มันสามารถทำลายโครงกระดูกมังกรได้ จากนั้นเขาก็นึกถึงมงกุฎที่ขโมยมาจากอาณาจักรพารัน มันเป็นมงกุฎสีขาวที่ดูเหมือนกับมงกุฎที่หายไปเมื่อครั้งที่เขารับเอารังสีเหนืออำนาจมาครอง

มันเป็นมงกุฎที่อยู่ในกระเป๋าเวทย์ของเขาและถูกล่าวว่าเป็นมงกุฎดื่มเลือดมังกร

ดาบและมงกุฎ! คาร์ลตระหนักได้ว่ามันเป็นของที่คู่กัน นี่คงเป็นเหตุผลที่มันไปโผล่ในอาณาจักรทางตอนเหนือสินะ?

มีอีกอย่างหนึ่ง! คาร์ลตระหนักได้ถึงความจริงในข้อนี้ สัญชาตญาณของเขากำลังบอกบางอย่างซึ่งเกี่ยวพันกับสิ่งที่ต้นไม้โลกเคยบอกเขาเอาไว้ มันเป็นหนึ่งในสามข้อที่ต้นไม้โลกบอกแก่เขา ไม่ใช่การตามหาพ่อแม่ของราอนและการตามหาผู้พิพากษาที่หนีไปทวีปตะวันออก

‘บุคคลที่สามารถรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณไว้ในครอบครองได้ถึง 3 อย่าง’

‘คงหมายถึงอัศวินหมวกเหล็กผู้นี้สินะ!’

“..ไอ้ลูกหมาเอ้ย!”

คาร์ลกำหมัดแน่นก่อนที่ร่างจะค่อยๆสั่นเทิ้มขึ้น

“ราอน..อย่าขยับ!”

คาร์ลตะโกนบอกมังกรน้อยที่ยังคงล่องหนอยู่ในขณะที่สมาธิก็จดจ่อกับสิ่งที่ดังอยู่ในหัว

-เจ้ากำลังจะเสียสละตัวเองใช่หรือไม่?-

‘ไม่!..ฉันจะไม่ทำร้ายตัวเองเพื่อผู้อื่น’

คาร์ลเพิกเฉยต่อคำถามของพลังศิลา เขาพุ่งความสนใจไปที่คำพูดของนักบวชจอมตะกละเท่านั้น

-แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!-

รอยสักบนหน้าอกของคาร์ลเปลี่ยนไปทันที รอยสักที่เขาได้มาเมื่อครั้งได้พละกำลังแห่งดวงใจมาครองๆค่อยเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีเงิน

โล่ได้กลืนกินพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างแรกแล้ว!

คาร์ลผลักโล่ป้องกันออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ภัยธรรมชาติและพละกำลังแห่งดวงใจ

พละกำลังแห่งดวงใจคือพลังแห่งการฟื้นฟู มันช่วยฟื้นฟูพลังและความรู้สึกของมนุษย์ที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มันคือพลังของมนุษย์ที่จะเอาชนะภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วยพละกำลังทั้งหมดและความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!

แม้ว่าจะมีรอยบิ่นบนดาบขนาดใหญ่แต่มันก็ยังคงลอยละลิ่วเพื่อเข้ามาในโล่ป้องกันให้ได้

แสงที่เจิดจ้ากว่าครั้งไหนๆเข้าปกคลุมทั่วอาณาเขตเฮนิตัส คาร์ลเห็นเชวฮันกระโดดเข้าโจมตีอัศวินหมวกเหล็กราวกับปีศาจร้ายก่อนที่แสงสว่างจ้าจะบดบังระยะสายตาของเขา นอกจากนี้เขายังรู้สึกถึงอุ้งเท้าของราอนที่ประคองหลังเอาไว้ไม่ให้ร่างของเขาล้มลง เสียงของนักบวชจอมตะกละดังขึ้นมาอีกครั้ง

-ทำได้ดีมาก!-

คาร์ลรู้ได้ทันที

เขาป้องกันมันได้สำเร็จ

พลังแห่งการฟื้นฟูและความตั้งใจที่จะมีชีวิต มันเป็นพลังของมนุษย์ที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของธรรมชาติได้ทุกประเภท

และโล่ก็จะไม่พัง!